ครอบครัวเดือนตุลา...


วันเสาร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นวันที่คุณหมอนัดภรรยาของผมไปตรวจครรภ์ตามปกติ เพื่อกำหนดวันผ่าคลอดบุตรชาย (เรารู้ผลตอนอัลตร้าซาวด์และที่ภรรยาของผมต้องใช้วิธีผ่าคลอดเนื่องมาจากเธอมีรกเกาะต่ำ ถ้าคลอดตามธรรมชาติอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายได้) คนแรกของครอบครัวเรา  ซึ่งเราสองคนเคยคุยกันว่าอยากให้น้องคลอดในวันที่ ๕ ธันวาคม ซึ่งเป็นวันมหามงคลของปวงชนชาวไทย

 

          ๐๗ : ๐๐ น. ภรรยาของผมปลุกผมและบอกว่าวันนี้เราไปโรงพยาบาลเช้าหน่อยนะ เพราะไม่อยากไปรอคิวนาน ผมกับภรรยาก็เลยต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว ระหว่างทางที่ขับรถไปยังโรงพยาบาลแฟนผมก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลยรู้สึกปวดท้องและหน่วง ๆ แต่ก็พอทนได้ ผมก็เลยแซวไปว่าสงสัยเจ้าลูกชายของเราคงอยากคงอยากออกมาสูดอากาศข้างนอกแล้วมั้ง เราสองคนก็หัวเราะพร้อมกัน ผมมองกระจกหลังสังเกตเห็นภรรยาของผมเอามือลูบท้องเบา ๆ และแววตาของเธอฉายความสุขอย่างเปี่ยมล้น ผมก็พลอยมีความสุขไปด้วย อาจจะเนื่องมาจากว่าเป็นลูกคนแรกของเราที่จะช่วยเติมเต็มจิ๊กซอร์ของคำว่า “ครอบครัว” ให้สมบูรณ์และสวยงามของพวกเรา ก่อนจะถึงโรงพยาบาลผมกับภรรยาก็ย้ำทำความเข้าใจกันอีกรอบว่า ถ้าหากคุณหมอให้กำหนดวันผ่าคลอด เราสองคนจะเลือกเอาวันที่ ๕ ธันวาคม ตามที่ได้คุยกันไว้

 

         ๐๘ : ๑๕ น.  ผมกับภรรยาก็มาถึงที่โรงพยาบาล (ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรานัก) ซึ่งภรรยาของผมก็เป็นคิวแรกที่เข้าตรวจของเช้าวันนี้ แต่ต้องรอคุณหมอซักพักเนื่องจากคุณหมอมาขึ้นเวรประมาณ ๐๙ :๐๐ น. ระหว่างที่รอคุณหมอพยาบาลก็พาภรรยาของผมไปตรวจเบื้องต้น พยาบาลก็คุยกับภรรยาและผมว่า อาการของภรรยาของผมเหมือนคนใกล้คลอด ถ้ายังไงให้ไปรอตรวจอีกห้องหนึ่งก่อน ซึ่งก็คือห้องรอคลอด เพื่อที่คุณหมอเจ้าของไข้จะได้มาตรวจให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ผมกับภรรยามองหน้ากันทั้งดีใจและตกใจระคน (ดีใจที่จะได้เห็นหน้าลูกชายคนแรกของพวกเรา และตกใจคือไม่คิดว่าจะคลอดในวันนี้)

 

             ผมกับภรรยาก็ตามพยาบาลไปที่ห้องรอคลอด เพื่อรอคุณหมอมาตรวจอีกครั้ง ระหว่างรอคุณหมอผมกุมมือภรรยาและถามเธอว่า เจ็บท้องมากไหม เธอส่ายหน้าและบอกว่า ไม่มากพอทนได้ (ผมรู้ว่าภรรยาของผมเป็นคนที่มีความอดทนสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วและที่สำคัญเธอคงไม่อยากให้ผมกังวลใจ) แล้วภรรยาของผมก็น้ำตาไหลทั้ง ๆ ที่นอนอยู่บนเตียง เธอบอกว่าดีใจที่สุดเลยที่จะได้เห็นหน้าลูกชาย ผมบีบมือภรรยาแน่นขึ้น เพื่อที่จะส่งกำลังใจที่ผมมีอยู่ทั้งหมดให้กับเธอ ผมบอกว่า ผมก็ดีใจที่สุด พร้อมกับบอกเธอว่า ไม่ต้องกลัวนะ ทำใจให้สบาย ไม่ต้องเครียด คือ ณ เวลานั้นผมไม่รู้จะหาคำพูดอย่างไรนอกจากใช้ภาษามือสื่อความหมายโดยการบีบมือเธอและตบที่หลังมือเธอเบา ๆ ซึ่งผมเข้าใจว่าภรรยาของผมรับรู้ถึงความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ที่ผมส่งผ่านให้กับเธอ โดยเธอพยักหน้าและน้ำตาก็ไหล ผมก็สุดกลั้นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติก็ไหลออกมาเหมือนกัน

       

           ภรรยาของผมบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเธอนะ และภรรยาของผมก็บอกอีกว่า เมื่อคืนที่บอกว่านอนไม่ค่อยหลับนั้น นอนไม่หลับตั้งแต่ตีสอง เพราะปวดแล้วก็หน่วง ๆ ที่มดลูก ผมก็เลยบอกว่า แล้วทำไมไม่ปลุกตั้งแต่ตอนนั้นหละ เธอบอกว่า มันปวดไม่มากพอทนได้และอีกอย่างเห็นผมกำลังหลับสบายเลยไม่อยากปลุกรบกวน ผมก้มลงไปจูบที่หน้าผากของเธอและบอกว่า ทีหลังถ้าเป็นอะไรต้องบอกกันนะไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เธอพยักหน้าและเราก็ยิ้มให้กันทั้งที่น้ำตาแห่งความสุขของเรายังไหลทั้งคู่

 

          ๐๙ : ๑๐ น. คุณหมอสุภา หมอที่เราฝากครรภ์ก็มาถึง และเข้าไปตรวจภรรยาของผม ตอนนั้นผมก็ออกมานั่งรออยู่ข้างนอก ซึ่งมีผู้ชายอายุน่าจะประมาณ ๔๐ ต้นๆ นั่งรออยู่ก่อนหน้าผมหนึ่งคน ผมยิ้มให้เขาและเขาก็ยิ้มตอบ ผมถามว่า ภรรยาคลอดวันนี้หรือครับ พี่เขาตอบกลับมาว่า ใช่ครับ ผมมาตั้งแต่ตีสามแล้ว ภรรยาผมปวดท้องมากนี่ก็รออยู่ แล้วภรรยาคุณคลอดวันนี้เหมือนกันเหรอครับ ผมตอบว่า ภรรยาผมรอคุณหมอตรวจอยู่ครับไม่แน่ใจว่าจะเป็นวันนี้หรือเปล่า เพราะว่ายังไม่ถึงกำหนดคลอด แต่พยาบาลตรวจดูอาการเบื้องต้นเมื่อเช้าเหมือนคนปวดท้องใกล้คลอดก็เลยให้มารอคุณหมอตรวจอีกครั้งครับ เออโทษนะครับลูกชายหรือลูกสาวครับ ผมถามพี่เขา พี่เขาตอบกลับมาว่าลูกสาวและเป็นลูกคนแรกครับ (ผมสังเกตเห็นสีหน้าและแววตาของพี่เขาบ่งบอกถึงความสุขเป็นที่สุดมันเหนือคำบรรยายที่ผมจะถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้ ผมได้สัมผัสถึงรักอันทรงพลังและยิ่งใหญ่ของผู้ที่ได้ชื่อว่าพ่อและแม่จริง ๆ ) แล้วคุณหละครับ ผมตอบกลับไปว่า ผมลูกชายและคนแรกเหมือนกันครับ (ซึ่งผมรู้ว่าความรู้สึกของผมตอนนั้นไม่ต่างจากพี่เขามันยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน ซึ่งเป็นพลังแห่งความสุข) สักพักพยาบาลก็มาเรียกพี่เขา เนื่องจากว่าภรรยาของพี่เขาต้องไปที่ห้องคลอดแล้ว ผมบอกพี่เขา ยินดีด้วยครับ เขาตอบกลับมาว่า ขอบคุณมากครับ แล้วเราก็สัมผัสมือกัน (ผมรับรู้ถึงพลังแห่งความสุขของเราที่จะได้เป็นคุณพ่อมันอัศจรรย์จริง ๆ ) พี่เขาบอกว่า ผมขอตัวก่อนนะครับ ผมตอบว่า ครับ โชคดีครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่าคำนั้นจริง ๆ

 

            หน้าห้องรอคลอดเหลือผมอยู่คนเดียว ระหว่างที่ผมนั่งรอผมตื่นเต้นมาก ลุกขึ้นเดินไปมา สักพักคุณหมอสุภาก็ออกมาจากห้องมาคุยกับผมว่า คุณพ่อจากที่ตรวจดูคงต้องคลอดวันนี้แล้วหละพร้อมกันนั้นคุณหมอก็อธิบายถึงเหตุผล ซึ่งผมก็จับประเด็นได้บ้างไม่ได้บ้าง เนื่องจากผมตื่นเต้นและดีใจ ซึ่งคุณหมอก็บอกต่อว่าถ้าหากจะยับยั้ง (ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำอย่างไร คงจะเหมือนการชะลอการคลอดออกไปก่อนหละมั้งตามความคิดของผมตอนนั้น) ก็ไม่ได้มากแค่ ๑ – ๒ วัน ซึ่งหมอท่านพูดประมาณว่าไม่น่าจะเกิดประโยชน์ คุณพ่อจะตัดสินใจอย่างไรคะ ผมก็ตอบคุณหมอไปเลยว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ตกลงผ่าคลอดวันนี้เลยครับ เออคุณหมอครับแล้วลูกผมคลอดก่อนกำหนดจะมีผลอะไรบ้างหรือเปล่าครับ คุณหมอท่านก็อธิบายให้ฟังว่า มันมีหลายองค์ประกอบที่จะมีผล แต่น้องก็อยู่ในเกณฑ์ของสัปดาห์ที่คลอดได้ ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและความแข็งแรงของน้อง ถ้าหากตัวเหลืองก็อาจจะต้องส่องไฟ เดี๋ยวก่อนนะครับคุณหมอส่องไฟคือยังไงครับแล้วอันตรายหรือเปล่าครับ ผมถามด้วยความสงสัยและตื่นเต้นระคน  อ๋อคุณพ่อใจเย็น ๆ ก่อนนะคะไม่มีอันตรายหรอกคะ หมอพูดถึงเด็กที่ไม่แข็งแรงและตัวเหลือง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ทั้งกรณีที่คลอดก่อนกำหนดและตามกำหนด อย่างที่หมอบอกมันมีองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ต้องกังวลนะคะคุณพ่อ ทำใจให้สบาย ครับคุณหมอ ผมตอบกลับไป ผมกำลังจะถามต่อ พยาบาลก็วิ่งมาตามคุณหมอสุภาไปทำคลอด (ซึ่งผมรู้ทีหลังก็คือภรรยาของพี่ผู้ชายที่คุยกับผมนั่นเอง) หมอสุภาหันไปคุยกับพยาบาลแล้วก็หันมาบอกผมว่า หมอขอตัวไปทำคลอดก่อนนะคะ และยังบอกผมอีกว่า ไม่ต้องกังวลนะคะคุณพ่อ ทำใจให้สบาย ผมยกมือไหว้และบอกว่า ขอบคุณคุณหมอมากครับ

 

           คุณหมอสุภาไปได้สักพัก พยาบาลอีกคนก็มาบอกผมว่า เดี๋ยวคุณพ่อรบกวนจองห้องกับเจ้าหน้าที่ทางนี้เลยคะ พยาบาลเดินนำหน้าผมไปพบกับเจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งถือเอกสารอยู่ และเจ้าหน้าที่ก็อธิบายรายละเอียดของห้องเดี่ยว/ห้องคู่ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ผมดูซักพักก็ตกลงเลือกห้องเดี่ยวเพราะส่วนต่างกับห้องคู่ไม่ต่างกันมากนัก แต่ตอนนั้นผมถือเอาความสะดวกเป็นอันดับแรก แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้ผมเซ็นต์เอกสารและพาผมไปยังห้องที่จอง ระหว่างที่ผมอยู่ในห้องผมนึกขึ้นได้ ผมเลยโทรศัพท์บอกพ่อกับแม่ของผมและของภรรยา ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่สนิท ทุกคนถามแทบจะเป็นคำถามนัดกันมาว่า ไหนว่าคลอดประมาณเดือนธันวาคม แต่เป็นคำถามที่เจือปนไปด้วยความยินดีและความสุขที่ส่งมาถึงผมจนผมสัมผัสได้ หลังจากบอกล่าวให้ทุกคนได้ทราบเรียบร้อย ผมนั่งอยู่ในห้องและกำมือตัวเองแน่น พร้อมกับพูดว่า ไชโยเราจะได้เห็นหน้าลูกชายวันนี้แล้ว ลูกพ่อรักลูกที่สุดในโลกเลย ความรู้สึกของคนกำลังจะเป็นพ่อคนมันช่างยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน ผมไม่สามารถจะถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้หมด รู้แต่ว่า มันสวยงามและมีความสุขเหนือสิ่งอื่นใด

 

            ผมกลับมารอภรรยาของผมที่หน้าห้องคลอด ซึ่งภรรยาผมเข้าไปได้ซักพักแล้ว ผมเดินไปเดินมา พร้อมกับยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดูโดยตลอด (ทั้ง ๆ ที่นาฬิกามันก็ทำหน้าหน้าที่บอกเวลาไม่ขาดตกบกพร่องเหมือนที่ผ่านมา) แต่วันนี้ผมรู้สึกว่าเวลาแต่ละวินาทีมันช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน ผมอยากเห็นหน้าเจ้าลูกชายของผมเต็มที่แล้ว ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของผมดังขึ้นไม่ขาดสายทั้งจากครอบครัวของผมและภรรยา ญาติพี่น้อง และผองเพื่อนสนิท เพื่อโทรเข้ามาสอบถามว่าคลอดหรือยัง ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไรผมก็ยิ่งทวีความตื่นเต้นมากเท่านั้น ความตื่นเต้นเริ่มไต่เพดานทำสถิติสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองควบคุมมันไม่ได้เลย

 

วินาทีสำคัญครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของผมกำลังเดินทางมาถึง ผมเฝ้ามองที่หน้าประตูห้องคลอดและสลับกับมองดูเวลาของนาฬิกาที่ข้อมือ เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรได้มากไปกว่านั้น ณ เวลานั้น ผมคิดอยากจะเข้าไปข้างในใจแทบขาด  พลันประตูห้องคลอดเปิดออกมาพร้อมกับพยาบาลคนหนึ่งอุ้มห่อผ้าที่อยู่ในมือ พร้อมกับตะโกนเรียกซึ่งผมตื่นเต้นมากผมไม่รู้ว่าคุณพยาบาลตะโกนว่าอะไรบ้าง ผมได้ยินแต่ชื่อภรรยาของผม เท่านั้นเองผมรู้สึกถึงความพองโตของหัวใจของผมขึ้นมาอย่างสัมผัสได้ ผมยกมือ (เหมือนนักเรียนที่โดนเรียกชื่อจากคุณครูในตอนเด็ก ๆ) พร้อมตะโกนออกไปว่าอยู่นี่ครับ ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่พยาบาลทันที พยาบาลก็เดินมาทางผมพอมาเผชิญหน้ากัน พยาบาลบอกว่า คุณพ่อเชิญทางนี้คะ แล้วก้าวนำผมตรงไปที่ลิฟท์ เพื่อขึ้นไปแผนกของเด็กแรกเกิดซึ่งอยู่อีกชั้น ตอนอยู่ในลิฟท์ผมพยายามมองดูหน้าลูกชายของผมแต่มันไม่ชัดนักและเจ้าลูกชายก็ร้องไห้ พยาบาลก็อุ้มแบบเขย่า ๆ เล็กน้อยเพื่อปลอบ แต่เพียงเท่านี้น้ำตาแห่งความดีใจของผมก็เอ่อล้นที่ดวงตาอีกครั้ง ประตูลิฟท์เปิดออก (ผมคิดในใจว่าเวลาที่อยู่ในลิฟท์ช่างรวดเร็วเหลือเกินผมยังอยากจะมองหน้าลูกชายอีกนานเท่านาน) และพยาบาลก็รีบเดินไปที่ห้องแรกเกิดของทารก และหันมาบอกว่ากับผมว่า คุณพ่อเข้าไม่ได้นะคะ เดี๋ยวเอาน้องไปทำความสะอาดและตรวจเช็คก่อน ซึ่งผมก็ไม่ค่อยได้สนใจคำบอกกล่าวของพยาบาลเท่าไหร่ เพราะใจผมจดจ่ออยู่แต่กับเจ้าตัวน้อยที่พยาบาลอุ้มอยู่ จนพยาบาลต้องบอกอีกครั้งว่า คุณพ่อเข้าไม่ได้นะคะ ผมก็เลยตอบกลับ เอ่อ ครับครับ นานไหมครับ พยาบาลหันมายิ้มและพูดว่า ไม่นานหรอกคะ ประตูห้องปิดลงผมหันกลับมามองที่ห้องแรกเกิดของทารกเห็นทารกอยู่ในตู้ ๒ คน เป็นทารกเพศหญิง (ซึ่งผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าทารกเพศชายและหญิง เขาใช้แถบสีที่ติดเป็นป้ายบอกชื่อมารดาต่างกัน สีชมพูคือเพศหญิง และสีฟ้าคือเพศชาย) ผมนึกในใจว่าคงจะพึ่งคลอดเหมือนกับลูกชายของผม ผมมองทารกทั้งสองผ่านตู้กระจกและยิ้มอย่างมีความสุขอยู่คนเดียว พลางนึกในใจว่าอีกไม่นานลูกชายผมก็คงมานอนอยู่ตรงนี้กับเพื่อน ๆ เหมือนกัน

 

             ผมกลับลงมาที่ห้องคลอดอีกครั้งเพื่อรอภรรยา เวลาล่วงเลยมาในช่วงบ่ายแล้ว แต่ผมกลับไม่รู้สึกหิวอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า ผมอิ่มเอมใจเป็นที่สุด ผมมองเวลาของนาฬิกาที่ข้อมือครั้งแล้วครั้งเล่า ยังไม่เห็นภรรยาออกมาซักที ผมเลยเดินไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลหน้าห้องพักฟื้นหลังคลอดเพื่อถามว่าภรรยาของผมออกจากห้องคลอดหรือยัง พยาบาลแจ้งว่าภรรยาของผมยังไม่ออกจากห้องคลอด ใจผมเริ่มกระวนกระวายจากการที่เพิ่งตื่นเต้นและดีใจเมื่อสักครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นกังวลแทน ผมเป็นห่วงภรรยา ไม่แน่ใจว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือเปล่า ผมภาวนาให้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ผมเริ่มกระสับกระส่ายเดินไปเดินมาหน้าห้องพักฟื้นหลังคลอด และตัดสินใจเดินไปที่พยาบาลอีกครั้งโดยขอร้องว่า ถ้าหากภรรยาของผม (โดยผมบอกชื่อภรรยา) ออกมารบกวนช่วยแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับขอร้องด้วยนะครับ พยาบาลคงเห็นสีหน้าและแววตาที่กังวลของ เธอจึงพูดว่า ได้คะคุณพ่อ คุณพ่อไม่ต้องกังวลนะคะ ผมก็เลยพูดว่า แต่ภรรยาของผมคลอดตั้งนานแล้วนะครับยังไม่ออกมาอีก พยาบาลยิ้ม ๆ เหมือนกับปลอบใจผมและกล่าวว่า อ๋อไม่ต้องกังวลหรอกนะคะเคยมีหลายเคสที่นานอย่างนี้เหมือนกันคะ ผมไม่แน่ใจว่าเธอต้องการปลอบผมหรือให้ข้อเท็จจริงกันแน่แต่ผมก็ตอบกลับไปว่า ครับ ขอบคุณครับ หากภรรยาผมออกมาอย่าลืมแจ้งผมด้วยนะครับ พยาบาลตอบ ได้คะ

 

             ผมเดินออกมาจากเคาน์เตอร์ดังกล่าว และยังเดินไปเดินมาด้วยจิตใจกระสับกระส่าย เวลามันช่างผ่านไปช้าเหลือเกิน สมองตอนนั้นคิดเตลิดไปทั่วว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของผมหรือเปล่า (ภรรยาผมผ่าคลอดโดยใช้วิธีบล็อกหลัง) ผมนึกถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้สึกว่าจะอาราธนามาเกือบหมด เพื่อช่วยปกปักรักษาอย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของผมเลย ผ่านไปสักครู่ พยาบาลตะโกนเรียกผมเพื่อแจ้งว่าภรรยาของผมออกมาที่ห้องพักฟื้นแล้ว ผมดีใจจนกลั้นไม่อยู่จากหัวใจที่ห่อเหี่ยวเมื่อสักครู่กลับมาพองโตขึ้นดังเดิม ผมเดินไปที่พยาบาลอีกครั้งผมจำได้ว่าผมกล่าวกับเธอด้วยคำว่า ขอบคุณมากนะครับขอบคุณจริง ๆ เธอตอบกลับมาว่า ไม่เป็นไรคะด้วยความยินดี ถ้ายังไงคุณพ่อไปรอที่ห้องก่อนก็ได้นะคะเพราะคงต้องพักฟื้นอีกสักครู่ ผมตอบกลับ ครับครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ

              

             ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู ผมลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปที่ประตู พลันประตูถูกเปิดออกก่อนที่ผมจะเดินไปถึง ผมเห็นเจ้าหน้าที่เข็นเตียงเข้ามาพร้อมกับพยาบาลอีกหนึ่งคน ภรรยาของผมนอนอยู่บนเตียง เธอยิ้มให้ผมทั้งน้ำตา (แห่งความสุข) เจ้าหน้าที่ พยาบาล และผมช่วยกันประคองร่างของภรรยาผมขึ้นบนเตียงที่อยู่ในห้อง หลังจากเจ้าหน้าที่และพยาบาลออกไป ผมจับมือภรรยามองหน้าเธอ เรายิ้มให้กันซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่อุดมไปด้วยความสุขโดยไม่มีสิ่งอื่นปนเปื้อนอยู่เลย ผมถามเธอว่า ยังเจ็บอยู่ไหม เธอตอบว่า มันตึง ๆ ไม่เจ็บเท่าไร (อาจจะเป็นเพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์) ผมเอามือลูบที่ศีรษะเธอเบา ๆ ผมก้มลงไปจูบที่หน้าผากเธอพร้อมกับกล่าวว่า ผมรักเธอมากที่สุดและวันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เธอก็บอกว่า เธอรักผมมากที่สุดและมีความสุขมากที่สุด ผมจับมือเธอบีบแน่นเนิ่นนานเพื่อถ่ายทอดพลังและความอบอุ่นส่งผ่านไปให้กับเธอ เราสองคนอาจจะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่แตกต่างกัน แต่ ณ วันนี้เรามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีให้กับอีกหนึ่งชีวิตที่พึ่งเกิดมานั่นคือ ลูกของเรา  

********************************************************************************************************************

            

*** ผมมาทราบภายหลังว่าการที่ภรรยาของผมออกมาจากห้องคลอดช้า เนื่องจาก คุณหมอสุภาท่านได้ขูดพังผืดที่มดลูกให้กับภรรยาของผม ซึ่งภรรยาของผมบอกว่า คุณหมอยังแซวเลยว่า สงสัยน้องคงอยากมาเกิดเป็นลูกของเราจริง ๆ เพราะปกติหากพังผืดเยอะขนาดนี้ โอกาสเด็กจะหลุด (แท้ง) มีโอกาสสูง…

 

     น้องโมเดล    เกิดวันเสาร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๔๗ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีวอก

                       เวลา ๑๒ : ๑๖ น. น้ำหนักแรกเกิด ๒,๙๐๐ กรัม

     ภรรยาผม      เกิดวันจันทร์ที่ ๑๓ ตุลาคม

        ผม           เกิดวันเสาร์ที่ ๑๙ ตุลาคม

 

  ครอบครัวเราถือได้ว่า...เป็นครอบครัวเดือนตุลาอีกหนึ่งครอบครัว... :)

                         


         

หมายเลขบันทึก: 504782เขียนเมื่อ 7 ตุลาคม 2012 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 ตุลาคม 2012 15:52 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)

ว้าว ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่อคุณแม่เดือนตุลาด้วยนะครับ ;)...

บันทึกนี้จึงจารึกไว้ตราบนานเท่านาน ;)...

    ขอบพระคุณ อาจารย์Wasawat มากครับที่แวะมาให้กำลังใจอยู่เสมอ... :)

     ครับ...ต้องจารึกไว้ (ในใจ) ตราบนานเท่านาน... :)

   ...เวลาจัดงานวันเกิดก็จะจัดรวมครั้งเดียว...(โดยเอาตรงกับวันเกิดของคนใดคนหนึ่ง...แล้วหมุนเวียนไปในแต่ละปีครับ)...:)

น่ารักและอบอุ่นมากค่ะท่านอาจารย์ครอบครัวนี้

สุขสันต์เดือนแห่งปาฏิหาริย์นี้นะคะ ;)

ร่วมฉลองวันเกิด ด้วยคนนะคะ

ขอให้มีความสุข สุขสันต์ นะคะ ทั้งครอบครัวเลยค่ะ :)

แบ่งเค้กของแม่พี่ให้ ละกัน 

เค้กก้อนนี้เก็บไว้เป่าฉลองกันตอน 80ปีนะคะ 

........

ขอแสดงความยินดีด้วยเจ้าค่ะ...ยายธี

ขอบคุณมากครับ คุณปริม...ขอให้เป็นเดือนแห่งปาฏิหาริย์...ของคุณปริมด้วยเช่นกันนะครับ...:)

ขอบคุณมากครับ คุณอุ้มบุญ...:)

ขอแสดงความยินดี... กับของขวัญอันงดงามที่ได้รับ

...จงสร้างบารมีที่ยิ่งใหญ่ โดยการสร้างโลกผ่านตัวลูก...

เจริญพร

  • ความลงตัวที่น่ารักมากค่ะ สุขสันต์เดือนเกิดค่ะ งั้นก็ต้องฉลองทั้งเดือนนะคะ 

ขอบคุณมากครับ พี่ชลัญธร...พี่สาวที่แสนดี... :)

น่ารักจัง....ยินดีด้วยนะคร้าบ เจริญพร

สุขสันต์ เดือนตุลาคม ทุกๆท่านครับ

      เค้กก้อนนี้เก็บไว้เป่าฉลองกันตอน 80ปีนะคะ>>> ๕๕๕...

     ขอบคุณสำหรับเค้กก้อนโตที่ พี่หนูรี นำมาฝากมากครับ... :)

ยินดีด้วยค่ะ สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้า "ครอบครัวเดือนตุลา" ค่ะ

     ขอบพระคุณสำหรับพรจาก คุณยายธี (ที่น่ารักของหลาน ๆ) มากครับ...:)

                        คุณยายรักษาสุขภาพด้วยนะครับ...

     กราบนมัสการพระคุณเจ้าธรรมหรรษา

     กราบขอบพระคุณสำหรับพรอันประเสริฐที่มอบให้ครับ

ขอบพระคุณ อาจารย์Sila มากครับ...สำหรับกำลังใจที่มอบให้เสมอมา... :)

       กราบนมัสการพระคุณเจ้านิธิพรรษ นิธินนฺโท

       กราบขอบพระคุณมากครับ...ภาพน่ารักมากครับ...

     ขอบพระคุณ อาจารย์prathan มากครับสำหรับกำลังใจที่มอบให้เสมอมา...

                      อาจารย์รักษาสุขภาพด้วยนะครับ...

ขอบคุณ คุณtuknarak มากครับ...สำหรับคำอวยพรและกำลังใจที่มอบให้เสมอมา... :)

ขอบคุณกำลังใจที่มอบผ่านดอกไม้จากทุกท่านที่มอบให้ 'ครอบครัวเดือนตุลา' มากครับ... :)

ยินดีด้วยนะครับกับรางวัลชีวิตก้อนใหญ่เพื่อเติ่มเต็มความสมบูรณ์กับคำว่า ครอบครัว

ดีครับ ครอบครัวเดือนตุลา น่ารักดีครับ

ขอบคุณ คุณลูกสายลม มากครับ... :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท