สวภาวะของอาตมันที่ปรากฏในมาณฑูกยะอุปนิษัท (ต่อ)


สวภาวะที่ทุกคนสามารถทำได้ครับ และใครทำได้ก็คือนิพพนานในปัจจุบันนั้นเอง (ทำจิตให้เหมือนเด็กอญู่ตลอดเวลา)

๓.    สวภาวะที่กล่าวถึงอาตมัน 

                พรหมันและอาตมัน  โดยที่แท้จริงก็เป็นอย่างเดียวกันนั่นเอง  ที่ต่างกันก็มาจากมุมมอง  กล่าวคือ  ถ้ามองในแง่อัตวิสัยหรือในฐานะผู้รู้  ก็เรียกว่า  อาตมัน  แต่ถ้ามองจากแง่วัตถุวิสัยหรือฐานะสิ่งที่ถูกรู้  ก็เรียกว่า  พรหมัน  ดังนั้นพรหมันและอาตมันจึงเป็นสิ่งเดียวกัน  เป็นสิ่งสมบูรณ์    (The absolute)  หรือความแท้จริงสูงสุด หรืออันติมสัจจะ (Ultimate Reality)                ที่สามารถสำแดงตัวเองออกเป็นทั้งผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้อยู่ในตัว   และอาตมันก็กระจายอยู่ทั่วไปในโลกและจักรวาลนี้   เป็นผู้ยิ่งใหญ่และควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง   เป็นอมตภาพ  ดังข้อความที่กล่าวไว้ใน มาณฑูกยะอุปนิษัทว่า

                             

                  เพราะว่า  ทุกสิ่งทุกอย่าง  ก็คือพรหมัน  และอาตมันซึ่งสถิตภายในก็มี  ๔  เท้า

                อาตมันนี้เป็นเจ้าของทุกสิ่ง   อาตมันนี้เป็นผู้รู้ทุกอย่าง  อาตมันนี้เป็นผู้ควบคุมภายใน (ลึกกว่าสมอง)  อาตมันนี้เป็นแหล่งที่มาของทุกสิ่ง (ความรู้)  แท้จริงก็เป็นที่เกิดเป็นที่สลายไปของทุกสิ่งทุกอย่าง

 

             สถานะสูงสุดของอาตมันไม่สามารถรู้หรืออธิบายได้  สามารถเพียงเรียกว่า  ตุรียะเท่านั้น  หรือเป็นส่วนที่ไม่รู้สิ่งภายนอก   หรือ ไม่รู้สิ่งภายใน  ไม่รู้ทั้งสองทาง  ไม่ใช่ก้อนของความรู้  ไม่ใช่สิ่งที่รู้    ไม่ใช่สิ่งที่ไม่รู้  ไม่ถูกเห็น  เกี่ยวกับทางโลกไม่ได้   จับไม่ได้  ไม่มีลักษณะ  คิดด้วยใจไม่ได้  อาจอธิบายไม่ได้   สาระของสิ่งนี้คือความเชื่อเรื่องอาตมันสิ่งเดียว   ว่างจากปรากฏการณ์ทั้งปวง   ดังข้อความที่กล่าวไว้ในมาณฑูกยะอุปนิษัทว่า

 

             เขาทั้งหลาย  คิดว่า  ส่วนที่ ๔  ตุรียะ คือสวภาวะหลับสนิทที่ปราศจากการฝัน       เป็นส่วนที่ไม่รู้สิ่งภายนอก    หรือ ไม่รู้สิ่งภายใน   ไม่รู้ทั้งสองทาง   ไม่ใช่ก้อนของความรู้     ไม่ใช่สิ่งที่รู้   ไม่ใช่สิ่งที่ไม่รู้  ไม่ถูกเห็น  เกี่ยวกับทางโลกไม่ได้   จับไม่ได้  ไม่มีลักษณะ  คิดด้วยใจไม่ได้     อาจอธิบายไม่ได้    สาระของสิ่งนี้คือความเชื่อเรื่องอาตมันสิ่งเดียว  ว่างจากปรากฏการณ์ทั้งปวง   สงบเย็น  ปราศจากความเป็นคู่  เช่นนี้แหละ   ผู้ใฝ่ความวิเวกเรียกส่วนที่  ๔  ว่าเป็น  อาตมัน   ซึ่งควรจะต้องรู้ให้ถึง

 

              อาตมันเป็นเครื่องรองรับความตื่น  ความฝัน  และความหลับ  แม้กระนั้นอาตมันก็อยู่เหนือความตื่น  ความฝัน  และความหลับอีก  อาตมันเป็นสิ่งสากล  แพร่อยู่ทั่วไปในทุกสิ่ง  และทั้งหมดก็อยู่ในอาตมัน  เคลื่อนไหวและหายใจอยู่ในอาตมัน  อาตมันจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้รับรู้ประสบการณ์ทั้งหมด  เป็นผู้คิดความคิด  เป็นผู้รู้สึกทั้งหมด   และ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาตมันและพรหมัน  หรือความจริงสูงสุดนั้น   เป็นหลักการสำคัญที่เป็นพื้นฐานของปรัชญาอุปนิษัททั้งหมด  ในการแสวงหาความจริง   และการที่จะรู้ถึงสิ่งเหล่านั้นได้เราก็จะต้องรู้แจ้งตน    หมายถึงการรู้แจ้งและรู้จักอาตมันอันแท้จริงดังกล่าวข้างต้น     เมื่อรู้แจ้งตนแล้วก็สามารถแยกอาตมันออกจากส่วนรูป   ออกจากคุณสมบัติทั้งปวง    เช่น   สุข   ทุกข์   เป็นต้น       แม้อาตมันจะเกี่ยวข้องอยู่กับสิ่งทั้งหลายที่เปลี่ยนแปลง    แต่อาตมันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง  เพราะฉะนั้น  อาตมันจึงไม่ตาย  เป็นอมตะ  และอาตมันก็กลับสู่สวภาวะเดิม  คือ  สวภาวะที่ว่างจากคุณสมบัติใด ๆ  บริสุทธิ์ ไม่ต้องอาศัยร่างกายนี้    สิ่งสุดท้ายและเป็นจุดมุงหมายสูงสุดของชีวิตทุกชีวิตนี้ก็คือ  การหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง    อันหมายถึง   “โมกษะ” 

บรรณานุกรม

S. Gambhīrānanda, Māndūkya  Upanisạd

                   

 
หมายเลขบันทึก: 504626เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2012 16:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม 2012 17:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

... สวภาวะของอาตมันที่ปรากฏในมาณฑูกยะอุปนิษัท ... อ่านแล้ว ....ติดใจนะคะ

 

ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณพี่เปิ้ล และคุณทิมดาบนะครับ

พี่เปิ้ลต้องการต่อกันนะครับ ไม่งั้นจะ...งง สับสันนะครับ

ผมนำเอาสอง อุปนิษัทมาเทียบกันนะครับ น่าจะพอเห็นภาพนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท