วิธีเลือกอาหารกินโดยไม่มีสารเคมี


วันนี้รัฐมารไทยฆ่าคนไทยมากที่สุด ด้วยการสมยอมกับบริษัทข้ามชาติและในชาติ ไม่จำกัดและควบคุมดูแลการใช้สารเคมีในการผลิตพืชและสัตว์    ไม่มีนโยบายจริงจังกับการเกษตรธรรมชาติ   วันก่อนภูฐานเขาประกาศเป็นประเทศแรกในโลกที่จะเป็นเกษตรชีวภาพ 100% ไปแล้ว ทั้งที่เรื่องนี้ผมเขียนบทความนำเสนอระดับชาติไปเป็นสิบปีแล้ว ว่าให้ไทยเป็นชาติแรกในโลก  และกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญไปเลย

 

วันนี้คนไทยเป็นโรคมะเร็ง และอื่นๆ ตายกันระนาว  เพราะอาหารเปื้อนสารเคมี  อากาศก็ปนฝุ่น  น้ำก็หลอกให้เราแด็กซ์อยู่นั่นว่าผ่านขั้นตอนต่างๆ แต่ลองเอาไปตรวจสิ สกป. เกินระดับแทบทุกราย  

 

สำหรับอาหารผมขอแนะนำให้กินให้หลากหลาย ประมาณ ๑๘ อย่างต่อมื้อ (อ่านสูตรอาหารเจ ๑๘ หมู่ของผมยัง)  ความหลากหลายนี้สำคัญมาก  มันจะล้างพิษกันเอง  ทำให้เป็นกลาง และสมดุลต่อร่างกาย  โดยไม่ต้องไปเรียนสุขศึกษา nutrition ตามก้นฝรั่งให้เสียเงินเสียเวลา

 

แต่คราวนี้พวกผักตลาด พวกผักใบนั้น เช่น คะน้า กวางตุ้ง บุ้ง กะหล่ำ  และอื่นๆ มันฉีดยากันมากเหลือเกิน (แถมมีการหลอกทำใบเป็นรู ดังที่ผมโพสต์ไว้แล้ว)  พวกนี้ควรเลิกกินไปเลย (นอกจากปลูกเอง)  แล้วเราจะได้สารอาหารพวกผักมาจากไหนล่ะ...

 

..ผมขอแนะให้ไปกินอาหารประเภทเป็นหัวใต้ดิน หรือมีเปลือกแข็งหนาแทน เช่น   ไชเท้า   แครอท ฟัก แฟง ถั่วลิสง เพราะพวกนี้มีเกราะป้องกันยาเคมี พอควร (แต่ได้รับโดยอ้อมอยู่บ้าง ผ่านเปลือก และการส่งถ่ายสารอาหารผ่านลำต้น)  ส่วนผักใบหันไปกินไม้ยืนต้นสูงๆ แทนผักปลูกเพื่อการค้า เช่น ใบแค  ใบยอ  กระถิน ขี้เหล็ก  ใบมะกอก มะตูม หรือ พวกผักบ้านจากแม่ค้ารายย่อย เช่น ตำลึง (สำหรับคนมีบ้านปลูกเองใส่กระถางให้มันเลื้อยเล่นยังได้  ดอกสวยอีกต่างหาก เก็บกินได้ทั้งปี)

 

เกิดเป็นคนไทย มีรัฐมารแบบนี้ก็ต้องช่วยตัวเองไปพลางก่อนแหละ

 

..คนถางทาง (๕ ตค. ๕๕)  

หมายเลขบันทึก: 504573เขียนเมื่อ 5 ตุลาคม 2012 07:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม 2012 17:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

I have just been through many mountains of foods in many markets and shopping centres in Thailand. Two things become clear to me:

1) Thai food is being loaded with sugar, fat and salt (on top of other farm chemicals)

In latter years, our healthcare systems will bear witness to this, and taxpayers' money will be spent on the cumulative effects of sugar, fat and salt.

2) Most snacks (traditional and modern processed and packaged food) are full of 'preservatives' of one kind or another to ensure long "shelf life" of the snacks. These preservatives means the micro-organisms in our guts cannot break the snacks down so cannot turn the snacks into "food" that our body can used. In facts "preservatives" are poisons to micro-organisms -- outside and inside our body.

Again in latter years, accumulated poisons and effects will show up by overloading our healthcare systems.

Who are most affected by so-called "food" today? It is our children! It is us who buy these poisons and feed them to our children. Worse is we do this at special times -- as rewards for achievement, good deeds, good times, ... We do not stop to think -- we are killing our own children while appraising them!

good point ครับท่าน sr อีกอย่างคือ คนจนรับกรรมมากกว่าคนรวย เพราะคนจนด้อยการศึกษา อ่านฉลากยังไม่เป็นเลย ส่วนผมจะเลือกซื้อเฉพาะที่มันบอกว่า no preservatives added

ที่ต้อง ๑๘ อย่างต่อมื้อนี้มีที่มาจากอาจารย์พระของผม ท่านเล่าให้ผมฟังตอนผมบวชอยู่กับท่านว่า สมัยท่านอยู่่ป่าไม่มีบ้านคนให้บิณฑบาตร ต้องเก็บใบไม้กิน ท่านก็ไปเก็บมากินโดยไม่รู้ว่ามันเป็นใบอะไร กินแล้วตายไหม เป็นพิษไหม ท่านก็เลยเก็บเอา ๒๐ ชนิด เอาเกลือโรย ห่อใบไม้ แล้วเอาไปเผาไฟ (เรียกว่าเอาไปสะตุ) จากนั้นก็กิน ท่านทำอยู่อย่างนี้ ๑ ปีเต็ม ก็อ้วนท้วนแข็งแรงดี

นี่แสดงว่า ๒๐ ชนิดมันล้างพิษซึ่งกันและกัน แต่ผมขอลดมาเป็น ๑๘ เพื่อให้มันบวกกันแล้วได้เลขเด็ดคือ ๙ อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท