D2: ทุกข์นี้...ใครเป็นเหตุ ?
โดยทั่วไป ยามที่เรารู้สึกว่า...มีปัญหา
เรามักจับจ้องมองหาเหตุของปัญหา...ที่ผู้อื่น
คนนั้นเป็นเหตุ...ให้เราเจ็บ
คนนี้เป็นตัวการ...ให้เราปวด
คนโน้นเป็นผู้ทำ...ให้เราทุกข์
จนบางครั้ง รอบข้างเรา...แทบไม่เหลือคนดี
บางอารมณ์ของชีวิต...เป็นเช่นนี้จริงๆ
ในขณะที่บางอารมณ์กลับตรงกันข้าม...โดยสิ้นเชิง
บ่อยครั้งเหมือนกันที่เรารู้สึกว่า...มีปัญหา
เราเอาแต่โทษตัวเอง...ว่าไม่ดี
เพราะเราผิดเอง...จึงต้องเป็นแบบนี้
เพราะเราหาเรื่องเอง...จึงต้องทุกข์
ถ้าเราไม่แส่หาเรื่อง...คงไม่เป็นแบบนี้
เรามันเป็นคนไม่รู้จักคิด...เอาเสียเลย
จนบางครั้ง ในชีวิตนี้...แทบไม่มีความดีเอาเสียเลย
นี้คือความเป็นจริงในชีวิตของผู้ที่...ไม่เข้าใจความเป็นจริง
เหตุแห่งทุกข์ทั้งมวล...ไม่ควรยกโทษให้ใคร...โดยเด็ดขาด
เพราะโดยธรรมชาติที่แท้จริง ไม่มี “ใคร” ...ให้ยึดถือ
สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ ไม่มี “ตัวตน” ...ที่แท้จริง
“ตัวตน” ที่เรามี “ตัวตน” ที่เราเห็น “ตัวตน” ที่เราเป็น...เป็นเพียงสิ่งสมมติ
ความยึดมั่นใน “ตัวตน” จึง...นำทุกข์มาให้
เพราะธรรมชาติของสิ่งสมมติ...ย่อมไม่เที่ยงแท้
สิ่งที่ไม่เที่ยงแท้ย่อมผันแปรไปตามอำนาจ...เหตุปัจจัย
เหตุปัจจัย...เป็นกลไกธรรมชาติที่...อิงอาศัยกันเกิดขึ้น
ทุกข์เกิด...เพราะมีเหตุแห่งทุกข์
เหตุแห่งทุกข์...คือกิเลส
กิเลส...คือนามธรรมที่เศร้าหมอง
นามธรรมที่เศร้าหมอง...ย่อมนำความเศร้าหมองใจมาให้
ความเศร้าหมองใจก็คือ..ความทุกข์(ภายใน)
หากไม่มีกิเลสหรือกิเลสเจือจาง...ทุกข์ก็หมดหรือลดน้อย
ยามมีทุกข์...จึงเป็นโทษของวัฏฏะ...หาใช่โทษของใครไม่
หน้าที่ของ “ตัวตน” สมมติก็คือ...กำหนดรู้และพยายามละวาง
พยายามหยุดวัฏฏจักรของกิเลส...ให้จงได้
แล้วเมื่อนั้น...ทุกข์จักจางหายไปในที่สุดฯ
ไม่มีความเห็น