มหายาน-หินยาน (อัตตาใหญ่-อัตตาน้อย ๒)


 

 

พวกมหายานเขามีหลักสำคัญว่าเมื่อไปถึงประตูนิพพานแล้วจะไม่ยอมเข้านิพพาน แต่จะกลับมาเกิดใหม่เรื่อยๆ (เป็นพระโพธิสัตว์)   เพื่อมาสอนมนุษย์ จนกว่ามนุษย์ทุกคนจะเข้านิพพานพร้อมกันทั้งหมด (ดังนั้นเขาจึงต้องการเรือลำใหญ่ เพื่อบรรทุกมนุษย์ทุกคนไปสู่นิพพาน)

 

ซึ่งเป็นหลักการแนวคิดที่ดีมากๆเลย  และ "ขายได้"  แต่ในทางปฏิบัติผมว่ายาก  ผมว่าสู้เข้านิพพานเลยแบบหินยานเราไม่ได้หรอก  เพราะสมดังภาษิตที่เขาว่า “ความรู้ทำให้องอาจ”

 

การเข้านิพพานนั้นถือเป็นความรู้ที่สุดยอด พอมีความรู้แล้วก็องอาจ พอองอาจแล้วก็สอนได้อย่างมีพลัง น่าเชื่อถือกว่าไปยืนมองอยู่ริมประตูนิพพาน (แต่ไม่ยอมเข้าไป)   ซึ่งการสอนที่น่าเชื่อถือนี้น่าจะทำให้คนจำนวนมากเข้าถึงนิพพานได้มากขึ้น แล้วเกิดการแตกตัว 1-2-4-8-16 อย่างรวดเร็ว 

 

ส่วนการไม่เข้านิพพานแล้วมาสอนนั้น มันขาดพลัง แม้กลับมาเกิดใหม่มาสอนอีกกี่ชาติ ก็ขาดพลังในการสอน อาจไม่มีวันสอนใครเข้านิพพานได้เลย  อาจสร้างเรือลำใหญ่ไว้เก้อก็ได้นะ

 

อีกทั้งการไปดูถูกหินยานเขาว่า “เห็นแก่ตัว” นั้นก็เป็นการยกหูชูหางตนเอง 

 

เลยไม่แคล้วโดนผมแซวเสียดสี (เป็นประกิด) ว่า

 

Those who have bigSelves, built a big raft.

Those who have smallSelves, built small rafts.

 

ผู้มีอัตตาใหญ่ให้ไปเรือลำใหญ่

ผู้มีอัตตาน้อยให้ไปเรือลำน้อย

 

แต่มหายาน หินยาน เรา แม้จะแซวกันไปมาก็ไม่เคยรบกันหรอกนะ ก็อยู่ร่วมกันฉันท์เพื่อนร่วมทุกข์เสมอ  แต่ในบางศาสนานั้นต่างนิกายกันก็รบกันนัวเนียลมตายไปมากเพียงเพราะความเชื่อทางศาสนาต่างกัน

 

...คนถางทาง (๒๐ กันยายน ๒๕๕๕) 

หมายเลขบันทึก: 502857เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2012 07:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 กันยายน 2012 09:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

อืมม.... ผมขอช่วยมหายานเถียง มหายานนี่ "เข้าไปแล้วยังออกมาอีก" เพื่อช่วยคนอื่น (กลับมาเป็นพระโพธิสัตว์) ไม่ได้ "เข้าไปแล้วไม่ออกมา" (เป็นพระอรหันต์) แบบเถรวาทไหมครับ ที่อาจารย์เขียนเหมือนกับมหายาน "ไม่ยอมเข้า" ครับ

แต่ที่จริงแล้วจะเป็นพระอรหันต์หรือพระโพธิสัตว์ ถ้ายังไม่หมดลมหายใจผมคิดว่าก็อยู่เหมือนกันละครับ

ผมชอบที่อาจารย์สรุปตอนท้าย นิกายในพุทธอาจจะแตกต่างในเชิงปรัชญา แต่ก็ไม่เคยรบกันครับ

ผมไม่เชื่อว่าเข้าไปครับ เพราะการเข้าไป จะย้อนรอยกลับไม่ได้ (irreversible process) ผมเคยวิเคราะห์การเข้านิพพานว่าเป็นจุดที่ energy ต่ำสุด และ entropy ตำ่สุด ที่สมดุลกับธรรมชาติ การย้อนออกมาจะทำให้ entropy เพิ่ม ซึ่งไม่น่าทำได้ครับ (หากทำด้วยตัวของตัวเองโดยไม่มีตัวช่วย)

อุปมาบอกว่า ได้รับข้อมูลจนฉลาดที่สุด แล้วกลับกลายเป็นโง่อีก มันเป็นไปไม่ได้ครับ แต่ถ้าโง่แล้วฉลาดขึ้นนั้น เป็นไปได้ครับ

อา.... ผมไม่เคยคิดในมุมนี้เลยครับ น่าคิดครับ อะไรคือ "nirvanic state" (มีหรือเปล่าคำนี้)....

นั่นแหละครับ nirvanic state ผมว่าไม่มีใครคิดมาก่อนหรอกครับ แต่ผมก็ทะลึ่งคิดไปหมดแหละ ผมว่ามันต้องเป็นจุดที่มีระเบียบทางจิตสูงสุด มีปสภ. สูงสุด ดังนั้น เอ็นทรอปีทางจิตต้องต่ำสุด เหมือนจุด ศูนย์องศาสัมบูรณ์แหละครับ -273 องศาเซลเซียส ผลึกโมเลกุลจะเรียงตัวกันเป็นระเบียบที่สุด หยุดนิ่งไม่มีการไหวตัว

ปล. เอ็นทรอปีนั้นอาจมองเป็นการวัดความไร้ระเบียบก็ได้

หินยาน หรือ มหายานก็ถือว่าเป็นลัทธิหนึ่งในศานาพุทธค่ะ แต่อาจแตกต่างกันไปตามแนวคิดของศาสดา เหมือน เต๋า หรือเซน คล้าย และไม่เหมือน จึงถือได้ว่า ทุกศาสนา ลัทธิ ก็มีปรัชญา แนวคิดและวิธีปฏิบัติแตกแยกออกไป แต่ถึงที่สุดแล้ว ธงของทุกศาสนาหรือลัทธิก็คือ การทำให้ทุกคนเป็นคนดี ใช่มะคะ

คุณนกต้องอย่าลืมด้วยนะครับว่าความดีไม่มีสูตรตายตัว แต่ละสังคมอาจต่างกันได้ และศาสนาพุทธนั้นสอนให้ "เลยดี" ไปอีกด้วย

ไม่มีความรู้อะไรเลย แต่ก็สนใจมากครับ ขอเก็บไว้เป็นความรู้และมุมมองในการปฎิบัตินะครับอาจารย์^

ได้อ่าน โพธิฌงค์ ของท่าน ปยุตโต เข้าใจ สติ กับ สมาธิ ขึ้นมาอีกนิด (ตามประสาคนที่ยังเป็น ทัพพีห่อรู้รสแกง)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท