เมื่อค่ำวานนี้ ( 14 ก.ย.2549 ) ได้คลิ๊กไปอ่านข่าวเสียงชาวน่าน มีคนสำเนาข่าวจาก นสพ.ประชาชาติธุรกิจ มาแปะไว้จึงตามไปอ่านที่ต้นตอ บนอินเตอร์เน็ต พบเป็น ข่าวภูมิภาค นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ดังกล่าว เป้นเรื่องราวเกี่ยวกับปริศนาข่าวสุก เกิดที่ จ.น่าน
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3827 (3027)http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02phu07140949&day=2006/09/14
ตามข่าวเกี่ยวข้องกับน่านบ้านเรานี่เอง ก็ก่อนหน้าเคยแว่วมาเหมือนกัน ไม่คาดคิดว่าจะเป็นข่าวใหญ่ในหนังสือพิมพ์ส่วนกลาง น่าสนใจและรู้สึกเห็นใจ ชาวบ้านรับเคราะห์แล้วยังจะต้องมีการมาแสวงหาประโยชน์กันอีก
ราวบ่าย 3 โมงวันนี้ไปให้พี่ประยูรฯ คนตาบอดจับเส้นเพราะรู้สึกปวดหลัง หลังจากเล่าข่าวที่อ่านให้พี่ฯ และของแง่คิด มุมมองแล้ว ลองหารือคนตาบอดว่า หากมีเงิน 13.7 ล้านไปซื้อสารต้าง หรือข้าวเหนียวช่วยชาวนา ชาวบ้าน จะต้องใช้ประมาณเท่าไหร่ ในห้วงที่ชาวนาเสียหายหนัก
พี่ยูรฯ คิดคำนวนบอกว่า ปกติข่าวกิโลกรัม เฉลี่ย 22-24 บาท ตีให้ไป กก.ละ 30 บาท คนหนึ่งทานเดือนละ 20 กก. ครอบครัวละเฉลี่ย 4 คน จะตกทานข้าวครอบครัว 80 กก.ต่อเดือน ปีละ 960 กก.ก็เกือบ 1 ตัน = 1,000 กก. ตกครอบครัวละ 30,000 บาท หาก 4,000 ครอบครัว จะเป็นเงิน 12,000,000 บาท กำลังจะบอกว่า ชาวนาที่นาล้มเสียหายมีประมาณนี้ ( คิดคร่าว ๆ ยังเหลือเงินอยู่อีก 1.7 ล้านบาท ) พี่ยูรฯ ผู้แทนคนตาบอด จ.น่านมีข้ิอคิดน่าสนใจ ยังบอกเราอีกว่า หากคิดถั่วเฉลี่ยแล้ว เงินที่ว่าสามารถช่วยให้คนมีข้าวกินในครัวเรือนได้ถึง 5,000 ครัวเรือน เราบอกว่า เรื่องแล้วไปแล้วแต่หากมีเงินเหลืออยู แล้วจะใช้แนวคิดนี้ไปปฏิบัติก็ดีเหมือนกัน เพราะดูว่าข้าวสุกจะใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ไม่กี่วัน รับฟังข้อคิดดีนี้ไว้
ผมอ่านข่าวแล้วไม่อยากจะเชื่อว่า ในที่ประชุมระดับจังหวัดจะใครกล้าตัดสินใจร่วมกัน เพื่อซื้อข้าวกระป๋องเกือบ 14 ล้าน ( 13.7 ล้าน) ตามข่าว แต่หากร่วมกันตัดสินใจจริงถูก แล้วยืนยันความถูกต้องว่า ซื้อฯ ก็แล้วไป เพราะทุกท่านล้วนมีอำนาจต้องยอมรับ / แต่ที่ได้อ่านข่าวและฟังมา มีการเข้าใจว่าการสื่อสารมาเรื่องข้าวสุกเพื่อบริจาค
หลังจากอ่านข่าวส่วนกลาง หากเงินหลวงยังเหลืออยู่อีก น่าจะลองใช้แนวคิด ข้อเสนอของพี่ประยูรฯ คนตาบอดดูก็ดี ติดต่อขอความคิดได้ ที่ บริเวณทางเข้า ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จ.น่าน เราขอเสนอแนะและเรียกว่าให้ ตาบอดคิดได้แต่ไม่มีโอกาสคิดและเสนอแนะแทน....ให้โอกาสคนตาบอดได้เสนอแนะข้อคิดดี ๆ แทนคนตาดีบ้างเถอะ สาธุ
วันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3827 (3027)
http://www.matichon.co.th/prachachart/prachachart_detail.php?s_tag=02phu07140949&day=2006/09/14
ปริศนา "ข้าวสุก" ช่วยน้ำท่วม ทุกข์ซ้ำกรรมซัดของคนน่าน
รายงาน
อุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดของจังหวัดน่านที่เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 18 สิงหาคม และน้ำได้หลากท่วมไปแทบทุกตารางนิ้วอยู่เกือบสัปดาห์ ไม่เพียงทิ้งความเสียหายเกินกว่าจะประเมิน ทิ้งรอยด่างในชีวิตสงบเงียบของผู้คนในเมืองเล็กแห่งนี้
แต่ยังทิ้งโคลนตมเน่าเหม็นให้ต้องสะสางล้างไม่เหลือรอย และดูเหมือนว่าต้องใช้เหงื่อและน้ำตาของชาวน่านนั่นเองชะล้าง
เหตุเพราะหลังน้ำลดก็มีเรื่องแซดกันทั่วจังหวัดว่า ระหว่างเกิดอุทกภัย มีโทรสารจากหน้าห้องนักการเมืองคนหนึ่ง มาถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ระบุให้ยืนยันการขอรับบริจาคอาหารแห้งจำนวน 3 แสนชุด เป็นข้าวหุงสุกบรรจุกระป๋องพร้อมรับประทาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทอาหารกระป๋องรายใหญ่ เพื่อนำมาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
ทางจังหวัดน่านมีหนังสือตอบรับอย่างปรีดิ์เปรมว่า ความต้องการอาหารแห้งมีมาก จึงขอรับบริจาคข้าวหุงสุก จำนวน 5 แสนชุด และได้แจกจ่ายสินค้าดังกล่าวไปยังผู้ประสบภัยจนหมดแล้ว
ต่อมามีโทรสารจากหน้าห้องนักการเมืองคนเดิม เรียกให้ชำระค่าข้าวกระป๋องดังกล่าว วงเงิน 13.7 ล้านบาท ระบุว่าลดลงจากราคาเต็ม 17.5 ล้านบาท หรือกระป๋องละ 27 บาทจากราคาขายปลีก 32 บาท
"ทางจังหวัดคิดว่าเป็นการบริจาค แต่เมื่อมีใบเรียกเก็บเงินส่งมาจากนักการเมืองที่มีบทบาทสูงมากในขณะนี้ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้ ต้องพยายามหาเงินมาชำระค่าสินค้าดังกล่าวด้วยวิธีที่หลายคนรับไม่ได้ และหลายหน่วยงานต้องเดือดร้อนด้วย เข้าใจว่าผู้ว่าราชการจังหวัดเองก็อึดอัด แต่นี่เป็นใบสั่งของนักการเมืองใหญ่ ยากที่จะปฏิเสธ"
แหล่งข่าวระบุอีกว่า ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องใช้ที่ได้รับบริจาคจากทั่วประเทศ ทราบดีว่าของบริจาคเหล่านี้ถูกแปลงให้เป็นทางออกของกรณีนี้ โดยมีเหล่ากาชาดจังหวัดน่าน และองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน เป็นองค์กรรองรับ
ทั้งวิธีการแปลงของบริจาคเป็นของขาย และวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างมืดมนปัญญาที่ติดตามมา ล้วนทำให้คนน่านทุกข์ซ้ำทุกข์ซาก คนเห็นและรับรู้พากันสังเวช
เก้าอี้ของ "ปริญญา ปานทอง" ผู้ว่า ราชการจังหวัดน่าน ที่เพิ่งมารับตำแหน่งนี้เป็นครั้งแรก สั่นคลอนทันทีเมื่อ นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเดินทางมาตรวจพื้นที่ และแสดงอาการผิดหวังรุนแรง ที่จังหวัดไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนรวดเร็วทันการกับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น เงินที่อยู่ในความดูแลของ ผู้ว่าฯ ถูกแจกจ่ายไปยังพื้นที่ล่าช้า ขณะที่ประชาชนที่ประสบภัยหลายพื้นที่ไม่ได้รับทั้งน้ำและอาหารตลอด 2 วัน ขณะที่ "จรินทร์ จักกะพาก" รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านถูกส่งไปรายงานต่อคณะรัฐมนตรี ระบุว่าจังหวัดแก้ไขปัญหาได้อย่างดี
ทั้งการระมัดระวังในการจ่ายเงินช่วยเหลือ จะด้วยเพราะหวั่นเกรงการรั่วไหล เนื่องจากมีข้าราชการระดับสูงบางคน มีชื่อเสียงในเรื่องนี้ หรือจะเพราะเหตุใดก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน จำต้องรับข้อตำหนิเต็มที่ในเรื่องนี้
ส่วนข้าราชการระดับสูงบางคน ที่ปลาบปลื้มแสดงความยินดีกับผู้รับเหมา หลังรัฐบาลอนุมัติงบประมาณให้ 996 ล้านบาท เพื่อนำมาก่อสร้างซ่อมแซมฟื้นฟูสาธารณูปโภคที่เสียหาย ยินดีกระทั่งร่วมวางแผนจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ด้วยกัน
แต่ที่น่ารังเกียจสุดกลับเป็นใครบางคน ที่ฉวยโอกาสหากิน สั่งให้คนน่านต้องกิน ข้าวสุก ส่วนใครบางคนในกรุงเทพฯ ที่ยัดเยียดสั่งการให้เกิดเรื่องน่าละอายนี้ขึ้นยังลอยนวลอยู่
หน้า 34
เอาอีกแล้วปรากฏเป็นข่าวกันอีกแล้ว เกี่ยวด้วยเรื่องข้าวสุก
ได้อ่านหนังสือพิมพ์ ถิ่นน่าน พบข้อความเกี่ยวข้องปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ ถิ่นน่าน ปีที่ 6 ฉบับที่ 142 ประจำวันที่ 16-30 กันยายน 2549 หน้า 4 คอลัมภ์ สังคมท้องถิ่นเมืองน่าน เขียนโดยกระบี่พเนจร มีข้อความว่าดังนี้
# .... เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ งบประมาณที่นำมาใช้จ่ายอีก กลิ่นออกมาค่อนข้างเหม็นโอ่...ใครจะรู้บ้างว่าสิ่งที่ดูเหมือนได้รับบริจาค กลับเอาบิลมาเบิกหน้าตาเฉย เช่นเรื่อง " ข้าวสุก " ข้าวกระป๋องที่นำมาแจกจ่ายให้ชาวบ้าน กินประทังตาย วันนี้ฝืดคอสุด ๆ เพราะมีบิลมาเบิกถึง 13.5 ล้านบาท ชัด ๆ นะครับสิบสามล้านห้าแสนบาท แลกกับข้าวกระป๋องห้าแสนกระป๋อง..ที่แค่ตัวอย่างเล็ก ๆ ที่นำมาเสนอ หากผิดข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้องสามารถติดต่อเพื่อชี้แจงได้ครับ... แต่ในที่ประชุมวันนั้น หัวหน้าส่วนหลายคน นักข่าว เจ้าหน้าที่ได้ยินชัดทุกคน ....#
ตัวเลข นสพ.ส่วนกลาง 13.7 ล้านต่างกัน 2 แสน จะเป็นอย่างไรกันต่อเนี่ย แล้วฉบับอื่นเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ เรื่อง ข้าวสุกเนี่ย!!!!!!
ไปหามาอ่านอีกฉบับ คือ นสพ.ข่าวเมืองน่าน ปีที่ 1 ฉบับที่ 18 วันที่ 16 -30 กันยายน 2449 หน้า 4 คอลัมภ์ สังคนน่าน รับผิดชอบโดย เต่าบิน เขียนที่ไว้ว่า
#.....แล้วก็ยืนยันจากปากท่านผู้ว่าฯ อีกเหมือนกัน ฟังแล้วชื่นใจ เรื่องอาหารกระป๋อง 5 แสนกระป๋อง ที่อ้างว่าส่งมาช่วยเหลือ ตอนหลังขอเก็บเงิน 13.5 ล้านบาท อ้างเป็นของ รมต.ท่านรับว่า เป็นคนสั่งซื้อเองไม่มีใครมาบีบ เป็นลูกค้าที่ดี ซื้อแล้วต้องจ่ายเงิน.....เต่าบิน..กลัวท่านโดนบีบจริง ๆ แต่ร้องไม่ออก เท่านั้นเอง.....#
หากกระป๋องละ 27 บาท คูณ 500,000 กระป๋อง จะเป็นเงิน 13.5 ล้าน จึงมองว่าข่าวประชาชาติธุรกิจ จะคาดเคลื่อน หรือไปเห็นโทรสารทวงเงินก็ไม่รู้ ผิดพลาดคลาดเคลื่อน รอฟังการชี้แจงกันต่อไป แล้วหากใครเสียหายคงได้ไปศาล เฮาบ่เกี่ยว หรือจะเกี่ยวก็ได้ในฐานะผู้อ่านข่าว และจะบอกว่า ฟังหูไว้หู ไม่ได้เชื่อไปเสียทั้งหมด ที่สำเนามาเพราะเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงน้ำท่วมน่าน ขอโปรดเข้าใจ
ขุนน่าน เขียนไว้ ที่ นสพ.นันทบุรีนิวส์ 16-30 ก.ย.2549 หน้า 4 ตามลิ๊งค์
http://www.temppic.com/img.php?19-09-2006:572_1158655086.jpg
มีรายละเอียดข่าวจาก นสพ.นันทบุรีนิวส์ ฉบับเดียวกัน ได้ถ่ายมาเก็บไว้เพื่อศึกษาเรียนรู้ เกี่ยวกับความเป็นมาเป็นไปของข้าวปริศนา บางคนเรียกว่า ข้าวศรีธนญชัย ก็ไม่ทราบเท็จจริงอย่างไร ดูแล้วราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับที่ชาวบ้านเขาปรุงและช่วยเหลือกันเอง ฟังจากวิทยุชุมชนและวิทยุกระแสหลัก การคิดจากหอคอยงาช้างก็เป็นแบบนี้ จะถูกหรือแพงหรือชอบด้วยเหตุผลหรือไม่เพียงใด ในเมื่อมีอำนาจแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องฟังเสียงใครทั้งสิ้น ไม่ผิดระเบียบ ไม่ผิดกฎหมายเสียอย่าง ส่วนจะชอบด้วยเหตุผลหรือไม่ก็ต้องคิดเอาเอง ด้วยท่านมีอำนาจ.
http://www.temppic.com/img.php?19-09-2006:745_1158669106.jpg
หากติดตามความจริง ที่ชาวบ้านเขาช่วยกันไม่เบิกหลวงมากมายก่ายกอง ขอให้ประชาชนชาวน่านผู้มีน้ำใจทั้งหมดทั้งปวงจงเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะท่านช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยด้วยความบริสุทธิ์ใจจริง ๆ ฟ้าดินคงได้รับรุ้ รับทราบ.
สื่อ นสพ.เสียงชาวน่าน โดยลุงจ่าฯ นำเสมอข่าวเกี่ยวข้อง หัวเรื่องนี้ไว้ ดังนี้
http://www.chownan.com/webboard/generate.cgi?content=0024&board=board