นรก-สวรรค์มีจริงหรือ
ในสมัยพุทธกาลมีเจ้าผู้ครองเมืองเสตัพยะแคว้นโกศลชื่อว่าปายาสิเป็นผู้มีความเห็นผิดอย่างหนัก(มิจฉาทิฐิ) ร้อนถึงพระกุมารกัสสปะผู้เชี่ยวชาญพุทธรรม ต้องตามไปเทศนาโปรดดังนี้
กุมารกัสสปะ : มหาบพิตร ได้ทราบว่ามหาบพิตรมีความเห็นว่าโลกหน้าไม่มี นรกไม่มี สวรรค์ไม่มีหรือ
ปายาสิ :เป็นเช่นนั้นพระคุณเจ้า
กุมารกัสสปะ :เพราะเหตุใดท่านจึงเชื่อเช่นนั้น
ปายาสิ : โยมเคยทดลองโดยสั่งญาติๆที่ทำความชั่วมากมาย ถ้าตายไปแล้วไปเกิดในนรกจริงก็ขอให้กลับมาบอกบ้าง พวกเขารับปากกันทุกคน แต่ก็ไม่เห็นมีใครกลับมาบอก นี่ก็แสดงว่าทำชั่วแล้วไม่ตกนรกจริง โลกหน้าที่ว่าก็ไม่มี นรกสวรรค์ก็ไม่มี
กุมารกัสสปะ :มหาบพิตร อาตมาภาพขอย้อนถามว่า นักโทษประหารที่เขากำลังนำสู่แดนประหาร ถ้าแกขอร้องให้ปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อไปสั่งเสียลูกเมียสักสองสามวันแล้วจะกลับมาแดนประหาร แกจะได้รับอนุญาตไหม
ปายาสิ : ไม่ได้สิคุณเจ้า เดี๋ยวแกไปแล้วไม่ยอมกลับมาจะยุ่งกันใหญ่
กุมารกัสสปะ : เรื่องนี้ฉันใด คนทำชั่วก็ฉันนั้น คนทำชั่วตายไปแล้วไปตกนรกเสวยทุกข์อยู่ในนรก ไม่มีอิสรภาพที่จะไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ ดุจเดียวกับนักโทษเด็ดขาดที่เขาคุมตัวอยู่ ฉะนั้นแม้ญาติๆของมหาบพิตรจะไม่ลืมสัญญา แต่เขาก็ไม่สามารถจะปลีกตัวมาแจ้งข่าวให้มหาบพิตรทราบได้
ปายาสิ : คนตกนรกไม่มีเสรีภาพโยมพอเข้ใจ แต่คนเกิดบนสวรรค์เขามีเสรีภาพจะไปไหนมาไหนได้มิใช่หรือ ทำไมญาติๆที่ไปเกิดบนสวรรค์เขาไม่มาบอกบ้างเล่า
กุมารกัสสปะ : อาตมาขอย้อนถามบ้างว่า สมมุติว่าบุรุษคนหนึ่งเดินไปตกหลุมคูถ(อุจจาระ) คนเขายกขึ้นจากหลุมคูถ พาไปอาบน้ำชำระกายให้สะอาด ประพรมด้วยน้ำหอมอย่างดี ขอถามว่าบุรุษนั้นอยากจะกระโดดลงไปยังหลุมคูถอีกไหม
ปายาสิ : ไม่แน่นอนพระคุณเจ้า เขามีร่างกายสะอาดแล้ว ไฉนเขาจะยินดีตกไปยังหลุมคูถอีกเล่า
กุมารกัสสปะ : ฉันใดก็ฉันนั้น คนที่ไปเกิดบนสวรรค์ย่อมจะยินดีพอใจในวิมานบนสวรรค์ มากกว่าโลกมนุษย์อันเน่าเหม็นดุจหลุมคูถ อีกอย่างแม้เขาอยากจะกลับมาบอกเขาก็ไม่สามารถทำได้ เพราะวันหนึ่งคืนหนึ่งของสวรรค์ เท่ากับร้อยปีของโลกมนุษย์ สมมุติว่า เทวดาท่านไม่ลืมสัญญาคิดว่าเดี๋ยวค่อยลงมาบอก แต่เดี๋ยวของเขากินเวลาเกือบร้อยปี ถึงตอนนั้นมหาบพิตรกลายเป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว
คัดมาพอประมาณจากหนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันอาทิตย์ คอลัมน์ รื่นร่มรมเยศ โดย เสถียรพงษ์ วรรณปก เมื่อหลายเดือนก่อน
...นรก..สวรรค์..นั้นอยู่แค่..ปากน่ะเอง..แหะๆๆ..มีหรือไม่..ต้องถามปาก..แหะะๆๆๆ...ยายธี
แวะมาเยี่ยมยาม เรียนรู้ ความก้าวหน้าครับ