ครูเพื่อศิษย์ส่งเสริมให้ศิษย์สนุกกับการเรียน : 1. สร้างทักษะใจจดจ่อ
ผมมีความเห็นว่า มนุษย์ในศตวรรษที่ ๒๑ มีความยากลำบากหลายประการ ในท่ามกลางบรรยากาศที่มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกสบายครบครัน หรือมีมากเกินพอดี ความยากลำบากอย่างหนึ่งคือการเอาชนะสิ่งเร้าที่ดึงความสนใจต่อปัจจุบันขณะ
พูดง่ายๆ ว่าคนสมัยปัจจุบันอ่อนแอในทักษะใจจดจ่อ ไม่มีสมาธิอยู่กับปัจจุบันขณะ หรือมีก็ในระดับที่คุณภาพต่ำ
พูดใหม่ว่าคนสมัยปัจจุบันตกเป็นทาสของสภาพแวดล้อม ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ถูกสิ่งเร้าที่หลากหลายและเข้ามาปะทะตัวเราในนามของ social media, โทรศัพท์ไร้สาย, และเครื่องสื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์หลายหลายชนิด และสาระที่สื่อสารออกมาผ่านช่องทางต่างๆ มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง จริงบ้างเท็จบ้าง และหลายอย่างเป็นมายาหลอกลวงเอาประโยชน์จากเราโดยเราไม่รู้ตัว
นักเรียนและนักศึกษา ก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลของสิ่งเหล่านี้ ทำให้หลายคนมีสภาพที่จิตใจเลื่อนลอย ไม่มีสมาธิพุ่งอยู่กับการเรียน ฝรั่งเขาจึงมีคำว่า student engagement ซึ่งผมขอใช้คำไทยง่ายๆ ว่านักเรียนสนุกกับการเรียน คือผูกใจให้จดจ่ออยู่กับการเรียน ในสมัยนี้การผูกใจนักเรียนให้จดจ่ออยู่กับการเรียนกลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นวิชาการ เป็นเทคนิกสำคัญ ถึงกับมีหนังสือ มีเว็บไซต์ มีสมาคม มีหน่วยงานในมหาวิทยาลัยทำหน้าที่ส่งเสริมเรื่องนี้ และมีหน่วยงานวัด student engagement ของแต่ละสถาบันอุดมศึกษาและรายงานให้สังคมรู้ ถือเป็นการวัดคุณภาพการศึกษาทางหนึ่ง หน่วยงานนี้ชื่อ NSSE และ CCSSE
ในประเทศไทย ครูอาจารย์บ่นกันมากว่าเด็กสมัยนี้ไม่เหมือนเด็กสมัยก่อน เด็กสมัยก่อนมาโรงเรียนก็ตั้งใจเรียน มีที่ไม่ตั้งใจเรียนก็เป็นส่วนน้อย แต่ในชั้นเรียนสมัยนี้มีเด็กไม่ตั้งใจเรียนตั้งครึ่งค่อนห้อง ก่อความท้อใจแก่ครู
หนังสือ Student Engagement Techniques : A Handbook for College Faculty เขียนโดย ศาสตราจารย์ Elizabeth F. Barkley เป็นหนังสือยอดนิยมเล่มหนึ่ง ผมจึงนำมาตีความบันทึกฝากแก่ครูเพื่อศิษย์เป็นตอนๆ เพื่อติดอาวุธวิธีผูกใจศิษย์ ผูกสมาธิศิษย์ เข้ากับการเรียน และที่สำคัญกว่านั้น คือการช่วยให้ศิษย์ มีทักษะจิตจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในท่ามกลางความวุ่นวาย
ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้สารภาพว่า หนังสือเล่มนี้เกิดจากมรสุมชีวิตการเป็นครูอาจารย์ของตนเอง ที่หลังจากไปทำหน้าที่คณบดีเสีย ๑๐ ปี พอกลับมาสอนใหม่ก็ตกใจว่านักเรียนเปลี่ยนไปจากเดิม และการสอนแบบบรรยายหน้าชั้นอย่างที่เคยทำก็โดนนักเรียนร้องเรียนว่าสอนไม่ได้เรื่อง จึงเป็นที่มาของการค้นคว้าและทดลองวิธีสอนใหม่ๆ ให้ได้ใจนักเรียนสมัยปัจจุบันมาอยู่กับบทเรียน เขียนออกมาเป็นหนังสือยอดนิยมเล่มนี้ ที่ผมจะถอดความ ตีความ และสะท้อนความคิด ออกบันทึกเป็นตอนๆ
คำว่า student engagement ที่ผมแปลว่านักเรียนสนุกกับการเรียน นั้น มีความหมายซับซ้อน มีหลายปัจจัยหรือหลายมิติเป็นส่วนผสมของคำนี้ในทางปฏิบัติ หลักการพื้นฐานคือ คนเราจะเรียนสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ดีเมื่อมีความสนใจ มีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น หรือกล่าวว่า การเรียนรู้เริ่มต้นจากความสนใจ
ความยากอยู่ที่ครูมีคู่แข่ง หรือนักเรียน/นักศึกษา มีสิ่งเร้าที่น่าสนใจกว่าการเรียนมากมายหลายอย่าง ทำอย่างไรครูจะช่วยให้ศิษย์แหวกสิ่งเร้าเหล่านั้น ทำใจออกมามีสามาธิอยู่กับการเรียนให้ได้ โดยนักเรียนรู้สึกว่าการเรียนมีความหมายต่อชีวิตของตน
แน่นอน มีทฤษฎีเกี่ยวกับสภาพ นักเรียนสนุกกับการเรียน มากมาย ทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่า student engagement คือส่วนที่ซ้อนกัน ระหว่าง motivation กับ active learning ซึ่งหมายความว่า องค์ประกอบสำคัญที่สุด ๒ อย่างของ นักเรียนสนุกกับการเรียน คือแรงบันดาลใจ กับการเรียนแบบที่ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ (learning by doing)
นักการศึกษาบางคนบอกว่า เมื่อเรียนภายใต้ปัจจัยสำคัญ ๒ ข้อข้างบน จะเกิด transformative learning คือเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตัวนักเรียน ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณค่า
นักเรียนสนุกกับการเรียน จึงเป็นทั้ง means/process และเป็น end/product ของการเรียนรู้ ผมมีความเชื่อจากการปฏิบัติด้วยตนเองว่า ความรู้สึกสนุกกับการเรียนเป็นทักษะอย่างหนึ่ง ที่ได้จากการฝึกฝน ใครมีทักษะนี้ ถือว่าเป็นคนโชคดี และผมเชื่อว่า ทักษะนี้เป็นทักษะที่อยู่ในส่วน affective domain ของการศึกษา
สะท้อนความคิด
วิจารณ์ พานิช
๑๗ ก.ย. ๕๕
จะนำไปใช้กับการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชนค่ะ
ขอบพระคุณครับ .. และขออนุญาตทำเป็นเอกสาร นำไปฝากคณะครูที่รร.ทีปราษฎร์พิทยา เกาะสมุย ในการพูดคุยเรื่องการพัฒนาการเรียนการสอน ในวันที่ 22 ตค.นี้ครับ
กราบขอบพระคุณครับอาจารย์
เป็นวิธีที่ดีมากค่ะและจะนำไปจัดทำplanactionและหากลุ่มแนวร่วมในการทำงานที่รร