เมืองเชนไน ประเทศอินเดีย
23 กันยายน 2550
ถึงคุณแม่ที่เคารพอย่างสูง
คุณแม่อยู่ทางบ้านเป็นอย่างไรบ้าง คงสบายดีนะ ส่วนผมอยู่ทางนี้ก็สบายดีเหมือนเดิม ทางบ้านไม่ต้องเป็นห่วง พี่ ๆ และหลาน ๆ ทุกคนเป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือเปล่า ฝากบอกด้วยว่าผมคิดถึงทุก ๆ คน จดหมายฉบับนี้เป็นฉบับแรกที่ผมเขียนถึงทางบ้านหลังจากที่อยู่อินเดียมาได้ 5 เดือน ต่อไปผมติดต่อทางบ้านด้วยจดหมายอย่างน้อยก็ 2 เดือนต่อฉบับ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยจะเล่าเรื่องราวความเป็นอยู่และการเรียนของผมให้คุณแม่ฟัง เว้นแต่มีเรื่องด่วนและจำเป็นผมจึงจะโทรศัพท์ติดต่อไป
ก่อนอื่นผมจะพูดเรื่องการเรียนก่อน การเรียนระดับปริญญาเอกแตกต่างจากการเรียนทั่วไป คือจะมีการเรียนการสอนเกี่ยวกับระเบียบวิธีวิจัย รายวิชาปรัชญาตะวันตก ปรัชญาอินเดียและพุทธปรัชญา หลังจากนั้นไม่เน้นการเข้าชั้นเรียนเพื่อฟังอาจารย์สอน แต่นักศึกษาปริญญาเอกต้องค้นค้วาวิจัยด้วยตนเอง โดยมีอาจารย์คนหนึ่งเป็นที่ปรึกษา ซึ่งเรียกว่า ไกด์หรืออาจารย์ที่ปรึกษา ดังนั้นหน้าที่ของผมคือต้องไปมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าห้องสมุดอ่านหนังสือ ค้นคว่าตำราวิชาการแล้วนำความรู้ที่ได้มาเขียนเป็นหนังสือวิทยานิพนธ์ (ทางมหาวิทยาลัยกำหนดให้ใช้เวลาเขียนวิทยานิพนธ์ไม่น้อยกว่า 3 ปี เขียนไม่ต่ำกว่า 200 หน้า จึงจะขอจบได้) เพราะฉนั้นผมจึงกำหนดให้ตัวเองไปมหาวิทยาลัยสัปดาห์ละ 3 วันคือวันจันทร์ วันพุธและวันศุกร์ เพื่อค้นค้วาตำรา ส่วนอีก 2 วัน คือวันอังคารและวันพฤหัสบดีผมจะอยู่ที่บ้านเพื่อพิมพ์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะหยุดพักซักเสื้อผ้าทำความสะอาดบ้าน เรื่องการไปมหาวิทยาลัยของนักศึกษาปริญญาเอกไม่มีการบังคับเพราะเขาถือว่านักศึกษาปริญญาเอกทุกคนเป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบและดูแลตัวเองได้แล้ว ทุกคนจบไปต้องไปเป็นครูบาอาจารย์ทั้งนั้นจึงไม่มีการบังคับเหมือนนักศึกษาทั่วไป
สำหรับการเดินทางไปมหาวิทยาลัยก็ไม่ลำบากเท่าไหร่ บ้านที่ผมเช่าอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัย 15 กม. ต้องนั่งรถเมล์ 2 ต่อ ค่ารถก็ประมาณ 16 รูปี อาหารกลางวันก็ไปทานที่มหาวิทยาลัย ซึ่งถูกมากจานละ 10 รูปี ตอนนี้ที่เชนไนมีนักศึกษาไทย 5 คน เรียนปริญญาเอกทั้งหมด เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎ 2 คน คือ อาจารย์ประยูรและอาจารย์ประดิษฐ์ และอีก 2 ท่านเป็นพระภิกษุ คือ อาจารย์พระมหาสมศักดิ์ และอาจารย์พระมหาบรรจง อาจารย์ประดิษฐ์จะเดินทางกลับเมืองไทยวันที่ 28 ก.ย.นี้ เพราะเขียนงานวิทยานิพนธ์จบแล้ว ซึ่งท่านใช้เวลาในการเขียนวิทยานิพนธ์ 3 ปี พอดี และก่อนกลับก็มีการเลี้ยงส่งท่านที่บ้านเช่าของผม โดยมีนักศึกษาไทยจากเมืองไมซอร์มาร่วมด้วย 8 คน
หลาน ๆ เป็นอย่างไรบ้าง สำหรับนัฐนั้นเราน่าจะมีพระอาจารย์สักรูปในวัดช่วยดูแลด้วย เป็นผู้สามารถที่จะว่ากล่าวตักเตือนดูแลความประพฤติแทนเราได้ เพราะอาจารย์พระครูท่านคงไม่มีเวลามาดูแลให้เราได้หรอก
สุดท้ายนี้ขออ้างอิงเอาคุณพระศรีรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ จงช่วยอภิบาลดลบันดาลให้คุณแม่ พี่ ๆ และหลาน ๆทุกคนมีแต่ความสุขความเจริญปราศจากอันตรายทั้งปวง ตลอดไป
ด้วยความเคารพอย่างสูง
บรรพต แคไธสง
ไม่มีความเห็น