ทำดีได้ โดยไม่เสียเงิน แต่ทำไม ถึงทำกันยากจัง


คนก็เริ่มที่จะให้ความสนใจมากขึ้น เป็นเรื่องเป็นราว เป็นที่รู้จักมากขึ้น คึกคักขึ้น คนที่เราชักชวนให้ลองทำ ก็มาให้ต่อเนื่อง ดังนั้นจะมีคนใหม่ ๆ เข้ามาร่วมเรื่อย ๆ เพราะพอเขาได้ไปแล้ว เขาก็เกิดความสุขใจ เห็นคุณค่าของการทำ ก็อยากจะทำอีก

ทำดีที่เราพูดถึงครั้งนี้ ก็คือ “การบริจาคโลหิต” เราบริจาคโลหิตครั้งแรกที่ รพ.ศิริราช จำปีพ.ศ.ไม่ได้แล้วรู้แต่ว่าก่อนพ่อตาย ( พ่อตายปี 2535 ) แล้วก็จำไม่ได้ว่าทำไมถึงทำ จำได้แต่ว่า เราเดินไปที่หน่วยบริจาคเลือดคนเดียวด้วยนะ พอซักประวัติ แล้วก็นอนเจ็บแป๊บนึง กินขนม กลับหอได้ แล้วการบริจาคครั้งนั้นก็ทำให้รู้ว่าเราไม่เป็นเอดส์ หรือไวรัสตับอักเสบบี แล้วเลือดเราก็เป็นชนิดที่หายาก เพราะเป็นกรุ๊ปเอแอนตี้ลุ้ยบี อะไรซักอย่างที่เฉพาะมาก ๆ นี่แหละ และที่ทำให้จำได้แม่นก็คือตอนที่พ่อเราเป็นมะเร็งต้องผ่าตัดที่ศิริราชนั่นแหละ ถึงได้เห็นถึงคุณประโยชน์ของการบริจาคเลือดมาก่อนว่า เราไม่ต้องไปหาเลือดมาคืน หรือชดเชยให้กับรพ. เพราะเราเคยบริจาคให้แล้ว เพราะที่รพ.เมื่อมีสมาชิกคนใดคนหนึ่งต้องผ่าตัด เราต้องไปเกณฑ์ญาติพี่น้องมาให้เลือดคืนด้วย นั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่ตอนเราทำงานอยู่ที่ศิริราช แต่พอออกมาทำงานบริษัท ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปบริจาคที่ไหนเลย จนได้กลับมาทำงานที่ในรพ.อีกครั้ง ก็ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเกือบ 5 ปี ตอนปี 2549 พี่สุณีย์ หัวหน้าธุรการ จัดรถรพ.หนึ่งคันไปบริจาคเลือดที่รพ.สุราษฏร์ เราก็ไปด้วย ด้วยความรู้สึกที่ดีมาก ๆ เลย แล้วก็เหมือนทุกครั้งนะที่รู้สึกเหมือนเราได้ทำอะไรให้กับคนอื่นโดยไม่ต้องเสียอะไร เพราะเดี๋ยวเลือดเราก็สร้างขึ้นมาใหม่ทุกวัน เพียงแต่เสียเวลา แล้วก็เจ็บตัวไม่ถึง 1 นาทีเอง กลับมาก็สบายใจ ไม่มีหนังสือไปแจ้งว่าเราเป็นอะไร ก็ยิ่งสบายใจใหญ่

                เวลาก็ผ่านไปอีกแล้ว มัวแต่ทำโน่นทำนี่ เพลิดเพลินใจ จนกระทั่ง เริ่มมาใส่ใจกับความรู้สึกของการเป็นผู้ให้ ความรู้สึกของการสร้างความสุขให้กับผู้อื่น โดยคนขององค์กรเรา พอต้นปีงบประมาณ 2554 ก็คิดถึงเรื่องบริจาคโลหิตในโรงพยาบาลขึ้นมา ด้วยศักยภาพที่เราทำได้ ก็เลยโทรศัพท์ไปที่สภากาชาดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วคุยเรื่องการมารับบริจาคโลหิตที่รพ. เขาก็ OK นะ แล้วเราก็ไม่ต้องทำอะไรเลย ไม่ต้องเลี้ยงอาหารเขา ไม่ต้องใช้งบประมาณอะไร เพียงแต่หาที่ หาคนให้เขาก็พอ เขาจะเตรียมทุกอย่างมาเอง เออ เราก็คิดว่าไม่หนัก เริ่มจากเราก็ทำหนังสือเข้าไปในหน่วยงานว่า เรามีกิจกรรมบริจาคโลหิตในวันที่เท่าไหร่เวลาเท่าไหร่ ให้เขาส่งรายชื่อคนที่ต้องการบริจาคมา แล้วเราก็รอเวลาเท่านั้นเอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้น มันทำให้เราช็อคเล็ก ๆ งงมาก ๆ แปลกใจ และผิดหวังอีกต่างหาก อะไรรู้มั้ย คนสนใจมาบริจาคไม่มากอย่างที่เราคิดเลย เราแปลกใจเพราะคิดว่าคนต้องการจะบริจาคเยอะ เราคิดว่าคนเขาคิดเหมือนเรา แต่มันไม่ใช่ หลายคนบอกว่ากลัวเข็ม หลายคนไม่เคยให้มาก่อน กลัว แล้วเชื่อมั้ย เราคิดว่าผู้ชายน่าจะมาบริจาคนะ แต่ส่วนใหญ่คนที่ลงชื่อจะเป็นผู้หญิงซะมากกว่า OK เราก็ทำตามกำหนดไป แต่มีปรากฎการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น เช่น

     - คนที่ลงชื่อมา พอถึงซักประวัติ ก็ตก หรือทดสอบเลือดที่ปลายนิ้วแล้วปล่อยลงน้ำยาก็ตกไปหลายคน

      - หลายคนบริจาคไม่ได้เพราะนอนดึกมา ดื่มเหล้ามา กินยามาบ้าง

      - บางคนมาบริจาค แต่ไม่ได้ลงชื่อมาก่อน เห็นเขาทำกันก็เลยเดินเข้ามาดู

      - หลายคนมามองแต่ยังไม่กล้า กลัว ต้องคอยพูด คอยเชียร์ ให้ลองก่อน บางคนก็ยอม บางคนก็ไม่ยอม

สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นบวกกับสิ่งที่เราได้จากการพูดคุยกับคนในองค์กร พบว่า เขาไม่รู้เรื่องการเตรียมตัวมาก่อน บางคนก็กลัวมาก ๆ บางคนก็เป็นคนที่บริจาคประจำแต่ครั้งนี้ยังไม่ตรงรอบของเขาที่ต้องรอให้ครบ 3 เดือนก่อน และสุดท้ายมีพี่คนหนึ่งที่เขาเคยอยู่รพ.เราแต่ตอนนี้เกษียณแล้วไปเป็นจิตอาสาที่กาชาด เขาบอกว่าให้ทำแบบนี้ต่อไป เพราะตั้งแต่เขาอยู่รพ.มานี่เป็นครั้งแรกที่รพ.เราทำแบบนี้ มันก็เป็นกำลังใจให้เราทำต่อไปนะ แต่เชื่อมั้ยว่าเราก็ไม่ได้ต่อเนื่องจนหมดปีงบประมาณ 2554 ทำได้1 ครั้ง

      

พอปี 2555 นี้ เราก็นำเรื่องนี้กลับมาทำต่อ และตั้งใจให้มันต่อเนื่อง โดยนำบทเรียนที่เกิดขึ้นจากการดำเนินกิจกรรมครั้งก่อน ๆ มาปรับ เช่น ตอนทำหนังสือประชาสัมพันธ์ ก็แนบเอกสารการเตรียมตัวไปด้วย มีการเตรียมพัดลมในสถานที่รับบริจาคให้มากขึ้น เรามีการติดดาว3 Gให้กับคนที่บริจาคโลหิตให้ด้วย ดังนั้นปี 2555 นี้เราก็ทำมาได้ 3 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ต.ค. 54 มี.ค. 55 และก.ค. 55 คนก็เริ่มที่จะให้ความสนใจมากขึ้น เป็นเรื่องเป็นราว เป็นที่รู้จักมากขึ้น คึกคักขึ้น คนที่เราชักชวนให้ลองทำ ก็มาให้ต่อเนื่อง ดังนั้นจะมีคนใหม่ ๆ เข้ามาร่วมเรื่อย ๆ เพราะพอเขาได้ไปแล้ว เขาก็เกิดความสุขใจ เห็นคุณค่าของการทำ ก็อยากจะทำอีก แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไป สิ่งที่เราพบก็คือ เมื่อเราไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงครบกำหนดการบริจาคต่อมา ทางสภากาชาดไม่มีคิวว่างสำหรับการออกหน่วยมาให้กับเรา แล้วถ้าเรารอ ก็จะทำให้ระยะเวลาในการให้มันเลยไปเรื่อย ๆ เราเสียดายโอกาส เพราะในครั้งสุดท้ายที่ผ่านมา เราประสบปัญหานี้ เลยต้องพาคนเราไปที่รพ.สุราษฏร์เอง 2 คันรถ ทำให้คนบริจาคต้องเสียเวลาจากคนละ  30 นาที เป็นคนละเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง และก็ยังทำให้คนบางกลุ่มบริจาคไม่ได้เพราะไม่สามารถละจากงานประจำไปได้นานอย่างนั้นอีก

        ดังนั้นครั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในปี 2556 นี้ วันนี้เราก็เลยโทรศัพท์ไปจองคิวกับสภากาชาดเองเลย กว่าจะได้ถึงเดือนต.ค.หน้า ก็เกือบเต็มหมดแล้ว แถมยังได้ข้อมูลที่น่าสะเทือนใจว่า เชื่อมั้ยว่าตอนนี้เลือดไม่เพียงพอ มีคนไข้บางคนต้องตายเพราะไม่มีเลือด ฟังแล้วมันน่าเศร้านะ มีเด็กที่เป็นมะเร็ง ซึ่งควรจะได้เลือดทุกวัน แต่มันก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีเลือด เลยต้องได้เลือดทุก 3 วันแทน เราฟังแล้ว รู้สึกไม่ดีเลย ที่สุราษฎร์ต้องได้เลือดมาจากกรุงเทพ และต้องแบ่งเลือดที่รับบริจาคมาให้กับจังหวัดชุมพรอีก เพราะที่นั่นเขาออกหน่วยได้น้อยกว่าที่นี่

        พอฟังแบบนี้แล้วเราก็ยิ่งรู้สึกว่า เราต้องพยายาม keep กิจกรรมนี้ให้อยู่ต่อเนื่อง แล้วยังต้องหาวิธีประชาสัมพันธ์ หรือเชิญชวนให้คนมาร่วมกิจกรรมนี้ให้มาก ๆ สิ่งที่คิดตอนนี้คือ การติดป้ายประชาสัมพันธ์แต่เนิ่น ๆ หรือว่าอาจจะต้องใช้การประชาสัมพันธ์ว่าคนที่ให้ไม่ได้แต่สามารถชวนเพื่อนที่ไม่เคยบริจาคมาก่อน มาร่วมบริจาคได้ 1 คน จะได้ 1 ดาวดีมั้ยเนี่ย

       

ส่วนตัวเราเองนั้น เป็นคนจัดแต่ก็ไม่สบายใจทุกครั้งเพราะ 2 ครั้งที่ผ่านมา เราให้ไม่ได้ เพราะเลือดลอยตอนทดสอบ ขนาดตามไปหลังจากเขาบริจาคกันหมดแล้วนะ ไปที่รพ.เองเลย พร้อมกับคนที่ประจำเดือนมาตอนเขามา mobile ก็ยังไม่ได้ ทีนี้หลังจากเดือนกค.ที่ผ่านมาเราก็เลยกินธาตุเหล็กดู เนี่ยกินมาหลายเดือนแล้วนะ วันที่ 10 ตค.นี้ครบกำหนดบริจาค น่าจะผ่านได้นะ อยากทำบุญมาก ๆ เลย

       และอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เราก็ต้องดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรง เพราะนอกจากประโยชน์จะได้กับตัวเองแล้ว ยังทำให้เราสามารถบริจาคเลือดให้กับคนอื่นได้ โดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียวแต่สามารถต่อชีวิตให้ใครต่อใครได้อีกมากมาย มันเป็นคุณที่มองไม่เห็นจริง ๆ 

        ใครมีวิธีเชิญชวนที่ได้ผล ลองแลกเปลี่ยนมาบ้างก็จะเป็นพระคุณนะ

 

หมายเลขบันทึก: 502069เขียนเมื่อ 12 กันยายน 2012 20:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม 2012 20:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

การยริจาค .... การให้ที่...ยิ่งใหญ่ .... คือ บริจาค "เลือด / บริจาค โลหิต .... ในกายเรา นะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

ต้องช่วยกันเผยแพร่ ให้ข้อมูล ข่าวสาร ความรู้

ขั้นตอนที่ยุ่งยาก ก็ลดลง เพื่อประโยชน์แก่ทุกๆ ฝ่าย

ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ แล้วจะลองพยายามทำดูนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท