เลือกรถอีโคให้เหมาะกับโง้วเฮงไทยๆ


วันที่ 7 กันยายน 2555 วันนี้ผมอยู่บ้าน ลาพักจากงานประจำหนึ่งวันเนื่องจากวันลาพักร้อนเหลือมากถึงเจ็ดวัน หากไม่ใช้เขาก็ต้องตัดทิ้ง จากการได้ใช้โอกาสนี้อยู่บ้าน ศึกษาชีวิตที่ไม่ต้องไปทำงาน ได้ทำงานบ้าน ไปส่งลูกที่โรงเรียน ก็ทำทุกอย่างนะเนื่องจากภรรยาไปประชุมวิชาการทารกแรกเกิดที่กรุงเทพฯ

หลังจากส่งลูกไปโรงเรียนผมก็ได้ทำงานบ้านที่มีก็ทำให้เพลินไป วันนี้เป็นช่วงของฤดูฝน การตากผ้าก็ทำได้ลำบากหน่อย ฝนนึกอยากจะตกก็ตกเลย ก็ทำให้ได้ตากผ้าในร่ม

วันนี้ก็เป็นวันพิเศษของลูกอีกวัน คือวันเป่าเค็กนั่นเอง เช้ามาก็ได้อวยพรวันเกิดให้กับลูกและเพื่อนๆ ทุกคนในเฟสบุ๊คซึ่งก็ทำเป็นประจำ รู้สึกดีนะครับ ตรงนี้เรารับทราบได้ถึงความปิติในยุคเฟสบุ๊คนะครับ เรานั่งอยู่ที่บ้านความสุขก็ส่งมาถึงตัวเลย จุดดีก็มีเยอะนะ

 

ช่วงนี้ใครๆ ก็ต้องไปจองรถกันทั้งนั้นน่ะ เนื่องจากมีโครงการรถคันแรก ได้ส่วนคืนภาษีจากรัฐ ผมก็ได้ไปจองด้วยเหมือนกัน มีนิสสันมาร์ชและก็มิตซูบิชิมิราจที่เป็นคู่ต่อสู้กันในความคิดคำนึงของครอบครัวเรา

เราได้ทำการค้นหาข้อมูลเปรียบเทียบกันอย่างมากมายจากอินเตอร์เน็ต ยูทูปน่ะ และได้ไปทดลองขับของจริงเปรียบเทียบด้วย แหละที่สำคัญก็คือการเปลี่ยนใจไปมาระหว่างยี่ห้อ ตรงนี้ต้องระวังหน่อยอ่ะครับ เพราะจะทำให้ต้องสูญเงินจองไปห้าพันบาทฟรีๆ

 

ตอนแรกจองนิสสันมาร์ช แล้วเปลี่ยนใจมาเป็นมิราจ ด้วยเหตุผลเรื่องความคุ้มค่ากว่าในราคาเท่ากัน ที่อยากเล่าให้ฟังก็คือ เราเลือกกันอย่างไรน้า

การเลือกรถเพื่อนำมาใช้งานในครอบครัว ก็ดูกันหลายอย่างเลย แต่มีหลักง่ายๆ ก็คือการเขียนข้อที่ต้องการจริงๆ ขึ้นมาแล้วประเมินดูว่าจะได้ใช้หรือไม่ในชีวิตจริงๆ น่ะ เช่น แอร์แบบอัตโนมัติ , ระบบเนวิเกเตอร์ , กุญแจอัจฉริยะ ฯลฯ พวกนี้แหละที่เราจะต้องประเมินร่วมกับเงินที่มีอยู่จริงๆ แล้วตัดออกไป เมื่อจัดการเลือกด้วยวิธีเหล่านี้แล้ว ก็จะทำให้เราได้รถที่ไม่ค่อยตรงกับที่ใจอยากได้ซักเท่าไร เช่น ผมอยากได้มิราจรุ่นรองท็อป ราคาห้าแสนบาท แต่เมื่อผ่านตะแกรงกรองแล้วปรากฏว่าได้มิราจเกียร์ธรรมดา ราคาสี่แสนสองหมื่นบาท เมื่อผลออกมาก็ไม่ตรงใจนะ ก็พยายามหาเหตุหาผลสู้กันไปมา ก็ยังไม่ได้อยู่ดี มีวิธีเดียวที่จะทำได้คือต้องเลือกรถที่ถูกใจ ซึ่งหากทำด้วยวิธีนี้สิ่งหนึ่งที่จะต้องมาเสริมความมั่นใจก็คือตารางการใช้เงินในอนาคต เมื่อเราได้ทำตารางมาดูและทำการประเมิน เราก็จะเห็นถึงความลำบากอยู่รำไร นั่นก็คือหากขาดเงิน เราจะเอ่ยปากกับใคร ..จะทำได้หรือ ...ไม่มีใครให้ยืมหรอก

สรุปสุดท้ายก็ต้องยึดการพึ่งลำแข้งตนเอง ผลลัพธ์ที่มุ่งหวังก็คือต้องไปได้ทั้งการดำเนินชีวิตที่มีคุณภาพและมีรถใช้ได้ตามวัตถุประสงค์

การถ่วงน้ำหนักด้วยเหตุผลกับความต้องการนี่แหละที่มันเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจผมมากๆ และก็คิดว่าคนอื่นๆ ก็ต้องประสบกับภาวะต่อสู้กับความอยากแบบนี้เหมือนกัน นี่เป็นความสวยงามของชีวิตที่ไม่มีใครเหมือนใครเลย ต่างคนต่างครอบครัว การตัดสินใจงดงามกันคนละแบบ

จุดสำคัญในการคิดเพื่อตัดสินใจก็คือเงินแปดหมื่นบาทของแต่ละครอบครัวนั้นมีค่าไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับฐานะ หากเงินแปดหมื่นคือเงินห้าเปอร์เซ็นต์ของเงินสำรองทั้งหมด อย่างนี้ก็ตัดสินใจจ่ายได้ แต่ถ้ามันคือห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเงินสำรองอย่างนี้ก็ต้องคิดหนักหน่อย

และด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้เราตัดสินใจอะไรๆ ได้ไม่เหมือนกัน

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 501520เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2012 15:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กันยายน 2012 17:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • ขอเอาใจช่วยครับ
  • รถอะไรก็ได้ถ้าประหยัด
  • ทุกคนในครอบครัวชอบนะครับ

ตั้งชื่อเรื่อง นิยามความหมายอาจจะกว้างมากไป ขออภัยด้วยนะครับ สวัสดึครับอาจารย์ขจิต ผมก็เล่าสัพเพเหระอ่ะครับ ขอบคุณที่ให้กำลังใจกันนะครับ

  • เอาใจข่วยด้วยเช่นกัน นะคะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท