การคิดเชิงประยุกต์
การคิดเชิงประยุกต์เป็นความคิดที่มีความสำคัญมาก และเป็นประโยชน์อย่างมาก กระบวนการคิดเชิงประยุกต์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตประจำวัน ทั้งในเรื่องของการแก้ไขปัญหา และการนำความรู้ที่มีอยู่มาใช้ได้เต็มศักยภาพ
ความหมายของการประยุกต์
การประยุกต์ หมายถึง การนำบางสิ่งมาใช้ประโยชน์ โดยปรับใช้อย่างเหมาะสมกับสภาวะที่เฉพาะเจาะจง คำว่าบางสิ่ง คือ ทฤษฏี แนวคิด หลักการ และแม้กระทั่งความรู้อย่างใดอย่างหนึ่ง การประยุกต์ในความโดยทั่วไปอาจเป็นความหมายที่แคบแต่เอกสารฉบับนี้ได้ขยายความหมายของการประยุกต์ดังนี้
- การประยุกต์เป็นการนำ ภาคทฤษฏี สู่ ภาคปฏิบัติ
- การประยุกต์เป็นการนำเอาความรู้สาขาหนึ่งมาปรับใช้กับอีกสาขาหนึ่ง
- การประยุกต์เป็นการปรับใช้มิใช่การลอกเลียน
- การประยุกต์เป็นการนำบางส่วนของบางสิ่งมาใช้
- การประยุกต์นำสิ่งหนึ่งมาปรับใช้ในบทบาทหน้าที่ใหม่ เพื่อ เป้าหมายใหม่
สมองคิดประยุกต์ได้อย่างไร
โดยปกติแล้วสมองของคนเรามีการคิดเชิงประยุกต์ตลอดเวลา เราสามารถตอบคำถามการแก้ไขปัญหาง่ายๆ ดังนี้ โดยปกติแล้วในการเขียนข้อความต่างๆนั้นเราสามารถนำปากกาและดินสอมีเขียนข้อความต่างๆได้ แต่หากเราไม่มีกระดาษเราจะเขียนข้อความนั้นไว้ที่ใด เป็นต้น อาจจะเขียน บนฝ่ามือ บนกระดานดำ กระดาษทิชู เป็นต้น กระบวนการนี้เราเรียกว่าเป็นกระบวนการคิดเชิงประยุกต์ แต่ในหลักความเป็นจริงในการประยุกต์นั้นเราต้องดูด้วยว่ามีความเหมาะสมและความเป็นไปได้ไหม ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีดินสออยู่ในมือและต้องการเขียนสื่อสารลงไปแต่ไม่มีกระดาษเราจะเขียนด้วยสิ่งใด เช่น กระดาษชำระ กำแพง เสื้อ กระจก และมือเป็นต้น หากเรามีดินสอเราคงต้องเขียนด้วยกระดาษชำระ หรือไม่ก็กำแพง เพราะเสื้อ กระจก และมือไม่สามารถเขียนได้ ดังนั้นจะเห็นว่าสมองของเรามีกระบวนการคิดแบบประยุกต์ตลอดเวลา เป็นต้น
ความหมายของการคิดเชิงประยุกต์
การคิดเชิงประยุกต์ หมายถึง ความสามารถในการนำบางสิ่ง มาปรับใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม สอดคล้องกับบริบทสภาพแวดล้อมและเวลาในขณะนั้นเพื่อบรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์
การนำสิ่งที่มีประโยชน์มาใช้ในบริบทที่แตกต่าง เพื่อให้ตอบสนองสถานการณ์หลักๆ 3 ประการคือ
-สถานการณ์ที่ต้องตอบคำถามว่า ใช้ ทำอะไรบ้าง และ รวมกันอย่างไรจึงจะเหมาะสม กระบวนการคิดเชิงประยุกต์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น สับปะรด นอกจากจะกินผลสุกแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ในการทำ ขนม พายสับปะรด และอื่นๆอีกมากมาย เป็นต้น
- สถานการณ์ที่เราต้องตอบคำถามว่า ใช้อะไรทดแทนได้บ้าง
สถานการณ์ที่เกิดปัญหา เกิดภาวการณ์จำกัดเราสามารถใช้กระบวนการการคิดเชิงประยุกต์มาใช้ในการแก้ไขปัญหาได้ เช่น เนคไท ประยุกต์เป็นเชือกผูกของ ปากกา ประยุกต์ เป็นที่เจาะรูกระดาษ ตระกร้า ประยุกต์เป็นกระถามต้นไม้ เป็นต้น
เหตุใดจึงต้องคิดเชิงประยุกต์
การคิดเชิงประยุกต์มีความจำเป็นมากในปัจจุบัน เหตุที่ต้องมีการคิดเชิงประยุกต์มีดังนี้
- การคิดเชิงประยุกต์ช่วยลดข้อจำกัด ในการแก้ปัญหาของสมอง
- การคิดเชิงประยุกต์ช่วยให้ บรรลุวัตถุประสงค์ในบริบทที่แตกต่าง
- การคิดเชิงประยุกต์ช่วยเพิ่มศักยภาพของการคิดสร้างสรรค์
- การคิดเชิงประยุกต์ช่วยให้ลดการลอกเลียนแบบลดอาการ วัวหายล้อมคอก
- การคิดเชิงประยุกต์เป็นแนวทางนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ
ดังนั้นจะเห็นว่าหากเรามีกระบวนการคิดเชิงประยุกต์เราสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย และยังสามารถนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหา และสร้างสิ่งใหม่ๆให้เกิดขึ้นได้
สิ่งนี้ใช้ ทำอะไร ได้บ้าง
การคิดเชิงประยุกต์นั้นเป็นสำคัญของการคิดเชิงสร้างสรรค์คนที่มีความสามารถในการคิดเชิงประยุกต์นั้นก็มักจะมีความสามารถในการคิดเชิงสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพการใช้งานของสิ่งต่างๆ สามารถพัฒนาความคิดได้ 2 ทางคือ การคิดจากซ้ายไปขวา และจากขวามาซ้าย เป็นต้น คือ การคิดจากซ้ายไปขวา สิ่งนี้ใช้ทำอะไรได้บ้าง คิดจากขวามาซ้าย คือ เหมาะสมหรือไม่ ใช้การได้จริงหรือไม่ จะต้องปรับอย่างไรถึงจะเหมาะสม เป็นต้น ดังนั้นการเป็นนักคิดเชิงกลยุทธ์ที่ดีจะต้องฝึกเป็นนักคิดจากซ้ายไปขวา การจะเป็นนักคิดจากซ้ายไปขวานั้นมีเทคนิค ดังนี้
- เทคนิคระดมความคิดเชิงประยุกต์
- เทคนิคคิดเทียบเคียงเพื่อทดแทน
- เทคนิคแตกแขนงความคิดสร้างสรรค์
นอกจากการฝึกการคิดจากซ้ายมาขวา เพื่อให้เราสามารถคิดเชิงประยุกต์ได้แล้ว เรายังต้องมีกระบวนการคิดจากขวาไปซ้าย กระบวนการคิดจากขวาไปซ้ายนั้น เป็นกระบวนการพัฒนาความสามารถในการนำสิ่งที่อยู่มาปรับใช้อย่างเหมาะสม ในหัวข้อนี้เป็นการนำสิ่งที่เราคิดสร้างสรรค์ไว้จำนวนมากๆ มาพิจารณาหาทางเลือกโดย ตั้งคำถามเชิงวิพากษ์เพื่อหาความเป็นไปได้ เช่น ใช้ได้จริงหรือ นำไปใช้อย่างไร ถ้านำมาใช้ต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้าง นำมาใช้เมื่อไหร่ ใครควรเป็นผู้ใช้ นำไปใช้ที่ใดจึงเหมาะสม เป็นต้น
ใช้อะไรทดแทนได้บ้าง
การคิดเชิงประยุกต์เมื่อเราก้าวเข้าสู่ปัญหา และจำเป็นต้องใช้การแก้ไขปัญหาเราจำเป็นจะต้องมีความคิดเชิงประยุกต์ เช่น สมมุติว่า นาย ก อยู่ในห้องและต้องการผูกเชือก โดยปลายเชือกทั้งสองไม่สามารถผูกติดกันได้ เพราะมือของนาย ก เอื้อมไปจับปลายเชือกไม่ถึง และมีอุปกรณ์ภายในห้องดังนี้ ค้อน วิทยุ และ ซองจดหมาย ดังนั้นนาย ก ต้องใช้ค้อนในการผูกติดกับปลายเชือกอีกด้านหนึ่งแล้วเหวี่ยงจนนาย ก สามารถจับปลายเชือกมาผูกกันได้ จากสถานการณ์ดังกล่าวเราจะพบว่ากระบวนการใช้ความคิดเชิงประยุกต์สามารถในการช่วยแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์ได้ ในชีวิตประจำวันเราสามารถใช้กระบวนการแก้ไขปัญหาโดยใช้กระบวนการคิดเชิงประยุกต์ดังนี้คือ เราจะนำสิ่งที่มีอยู่มาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างไร และ เราจะค้นหาสิ่งที่เหมาะสมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างไร ซึ่งกระบวนการค้นหานั้นสามารถทำได้โดยอาศัย 6 ขั้นตอนดังนี้
ค้นหาสาเหตุของปัญหา กำหนดเป้าหมายในการแก้ไขปัญหา กำหนดคุณสมบัติหลักของสิ่งที่ต้องการแก้ไขปัญหา พิจารณาคุณสมบัติของสิ่งทดแทน ประยุกต์สิ่งทดแทนนั้นตรงจุดที่เป็นปัญหา และสุดท้ายคือ ทดสอบว่าใช้การได้หรือไม่
จะนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
ความคิดเชิงประยุกต์สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี เป็นเหมือนการคิดจากขวาไปซ้ายกล่าวคือ เป็นการตั้งคำถามว่า ต้องปรับเปลี่ยนอย่างไรถึงจะสามารถใช้การได้ดีหรือประสบความสำเร็จ โดยพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้คือ เห็นสิ่งที่น่าพอใจแล้วนำ บางส่วนมาใช้ เช่น นาย ค เป็นเจ้าของร้านอาหาร วันหนึ่งเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเห็นกระบวนการทำอาหารแล้วเขานำมาปรับใช้กับร้านอาหารของเขา โดยใช้กระบวนคิดเชิงประยุกต์ กรณีที่สองคือ เห็นสิ่งที่น่าพอใจต้องการนำทั้งหมดมาใช้ กล่าวคือหากเราต้องนำทฤษฏี แนวคิด หรือประสบการณ์มาใช้เราต้องเริ่มด้วยการ กำหนดเป้าและวัตถประสงค์ จากนั้น ทำความเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังของสิ่งที่จะนำมาใช้ จากนั้นวิเคราะหื เปรียบเทียบบริบท เพื่อค้นหา ความเหมือนและความแตกต่าง จากนั้นปรับเปลี่ยนเหมาะสมกับบริบทใหม่ จากนั้นตรวจสอบว่าตรงกับเป้าหมายหรือไม่
การพัฒนาทัศนคติและนิสัยนักคิดเชิงประยุกต์
การคิดเชิงประยุกต์มีความสำคัญมาก เพราะเราสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี การพัฒนาให้เป็นนักคิดเชิงประยุกต์นั้นสำคัญต้องพัฒนานิสัยและทัศนคติดังนี้
เป็นนักพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่ง เป็นนักเศรษฐศาสตร์ใช้ทรัพยาการอย่างคุ้มค่า ใช้ความรู้คู่การเรียน และสุดท้าย ยืดหยุ่นในความคิด เป็นต้น
อ้างอิง : การคิดเชิงประยุกต์ ศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์