การคิดเชิงสังเคราะห์
การคิดเชิงสังเคราะห์เป็นการคิดอีกมิติหนึ่ง ที่ผู้คนในสังคมไทยควรได้รับการฝึกการคิดแบบนี้ ความจริงแล้วในชีวิตประจำวันเราคุ้นเคยกับกระบวนการคิดเชิงสังเคราะห์ ยกตัวอย่าง เช่น ข้าวผัดที่เรารับประทานเกิดจากการสังเคราะห์ ข้าว กุ้ง หมู เครื่องปรุงรส เป็นต้น ดังนั้นหากเราฝึกการคิดเชิงสังเคราะห์ให้ดีแล้ว เราก็จะจะเป็นนักคิดที่มีคุณภาพ
ความหมาย ของการสังเคราะห์
การสังเคราะห์ หมายถึง การผสมผสานรวมกันอย่างกลมกลืนของส่วนประกอบ ต่างๆ จนกลายเป็นสิ่งใหม่ที่มีเอกลักษณ์และคุณสมบัติเฉพาะ
สิ่งที่ได้จากการสังเคราะห์จะมีอยู่ 2 ลักษณะกล่าวคือ
1.เป็นสิ่งใหม่ที่เกิดจากการหลอมรวม ส่วนประกอบย่อยต่างๆ จนไม่สามารถมองเห็นส่วนประกอบต่างๆ เหล่านั้น ดังนั้นการสังเคราะห์คือการรวมส่วนประกอบย่อยๆจนไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดได้ เช่น ยาเม็ดต่างๆ มีส่วนผสมอะไรบ้างเราไม่สามารถรับรู้ได้เลย
2. ถักทอ หรือ หลอมรวม องค์ประกอบต่างๆ เพื่อให้ได้สิ่งใหม่ภายใต้โครงร่างเดียวกัน การสังเคราะห์เป็นการนำองค์ประกอบต่างมาถักทอรวมกัน หรือนำมาร้อยเรียงกัน เช่น การสัมมนาเรื่อง การพัฒนาสถาบันอดุมศึกษาในอนาคต มีผู้เข้าร่วมสัมมนามากมาย และมีข้อคิดเห็นมากมาย จากนั้นนำมารวมกัน โดยวิธีการสังเคราะห์โดยนำมาทักทอร้อยเรียงใหม่ เป็นต้น
ดังนั้นจะเห็นว่าการสังเคราะห์เป็นการนำองค์ประกอบต่างๆมารวมกัน จนกลายเป็นสิ่งใหม่ นับว่าการสังเคราะห์นั้นสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆขึ้นมาได้
ความหมายของการคิดเชิงสังเคราะห์
การคิดเชิงสังเคราะห์ หมายถึง ความสามารถในการคิดที่ดึงองค์ประกอบต่างๆ มา หลอมรวมถักทอภายใต้โครงร่างใหม่อย่างเหมาะสม ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
การคิดเชิงสังเคราะห์จะเกิดขึ้นเมื่อ
- เราจำเป็นต้องหาทางเลือกใหม่ อันเนื่องมาจากวิธีการเก่าๆไม่สามารถใช้ได้แล้ว เราจึงควรเลือกวิธีการใหม่หรือวิธีการใหม่ เช่น อาจารย์แก้ไขนักศึกษาเรียนไม่เข้าใจบทเรียน อาจารย์ศึกษาปัจจัยที่ทำให้นักศึกษาไม่เข้า จากนั้น หาแนวทางมาแก้ไข สามารถนำไปใช้ในการแก้ไขต่อไป
- ทำสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
- หาข้อสรุปที่กระจัดกระจาย เกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หากเรื่องนั้นกระจายอยู่ต้องหาข้อสรุปในเรื่องนั้น
การคิดเชิงวิเคราะห์ในที่นี้หากจัดประเภทสามารถนำมาจัดประเภทได้ดังนี้
- การคิดสังเคราะห์เชิงวิพากษ์ เป็นการวิพากษ์เรื่องราวบางอย่างเพื่อให้ได้ข้อสรุป และนำมาใช้ได้
- การคิดสังเคราะห์เชิงสร้างสรรค์ เป็นการนำแนวคิดมาเชื่อมโยงกัน จนเกิดสิ่งใหม่
เหตุใดเราต้องคิดเชิงสังเคราะห์
การคิดเชิงสังเคราะห์มีความสำคัญมาก ช่วยให้กระบวนการคิดมีความสอดคล้องและมีความสัมพันธ์กัน หากจะถามว่าเหตุใดเราต้องคิดเชิงสังเคราะห์มีหลายประการ เช่น
- เพื่อช่วยหาทางออกของปัญหา โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ การคิดเชิงสังเคราะห์ทำให้เราไม่ต้องแก้ปัญหาใหม่เริ่มจากศูนย์เราสามารถนำสิ่งที่เคยสามารถแก้ไขปัญหาได้มาสังเคราะห์ลัวปรับเข้ากับบริบทของเราได้
- เพื่อช่วยให้มีความเข้า ที่คบชัดและคบถ้วนในเรื่องราวต่างๆ การคิดเชิงสังเคราะห์ทำให้เราเข้าใจในประเด็นที่ชัดเจน ไม่ต้องลองผิดลองถูกอีกต่อไป เราสามารถนำสิ่งที่เคยประสบความสำเร็จแล้วนำมาปรับเข้ากับบริบทได้
- เพื่อช่วยขยายขอบเขตความสามารถของสมอง การคิดเชิงสังเคราะห์ทำให้เราสามารถขยายขอบเขตของความสามารถของได้ เราจะพบว่าสมองเรามีข้อจำกัดในเรื่องการจดจำ หากเราใช้กระบวนการคิดเชิงสังเคราะห์เราก็จะสามารถเพิ่มความสามารถในการคิดได้
- เพื่อช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การคิดเชิงสังเคราะห์ทำให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เช่น โทรศัพท์มือถือ เกิดจากการสังเคราะห์ความสามารถด้านต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น เครื่องคิดเลข อินเตอร์เน็ต MP4 วิทยุ ทีวี เป็นต้น
คิดสังเคราะห์เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่
การคิดเชิงสังเคราะห์สามารถแบ่งรูปแบบการคิดออกเป็น 2 รูปแบบได้แก่
1 การคิดเชิงสังเคราะห์เพื่อสร้างสิ่งใหม่ เป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ อุปกรณ์ต่างๆที่เป็นสิ่งใหม่
2. การคิดเชิงสังเคราะห์เพื่อการสร้างสรรค์ แนวคิดใหม่ อันเป็นการค้นหาแนวคิดใหม่
การคิดเชิงสังเคราะห์เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่มีแนวคิดสังเคราะห์ดังนี้
- หลักจินตนาการสร้างสรรค์ คือ การคิดเชิงสังเคราะห์คือการคิดเชิงสร้างสรรค์นั่นเอง หากเราสามารถฝึกการคิดเชิงสังเคราะห์ได้ดีแล้ว เราก็จะสามารถนำสิ่งต่างๆมาเชื่อม ถักทอ เรากัน เป็นสิ่งใหม่ๆได้
- หลักสังเคราะห์ส่วนประกอบ หลักการนี้เป็นรูปแบบการคิดสังเคราะห์ที่สามารถให้เราสามารถเลือกทางเลือกได้ดีที่สุด โดยกำหนดวัตถุไว้ก่อน แล้วเขียนลักษณะที่ต้องการไว้แกนด้านหนึ่ง และเขียนลักษณะที่เกี่ยวข้องไว้อกนอีกด้านหนึ่ง เราก็จะมีทางเลือกให้เราตัดสินใจได้
- หลักขยับส่วนผสม มีลักษณะเช่นเดียวกับการผสมเฉดสี เช่น สีเหลืองมีหลายเสดสี หากนำมาผสมกับสีแดงเฉดต่างๆ ก็จะทำให้ได้สีแตกต่างไปอีก หลักการนี้เป็นอีกหลักการหนึ่งที่สามารถพัฒนาทักษะการคิดเชิงสังเคราะห์ได้เป็นอย่างดี
การคิดเชิงสังเคราะห์เพื่อสร้างสรรค์แนวคิดใหม่
กระบวนการคิดเชิงสังเคราะห์มีกระบวนการคิดที่สำคัญ 7 ขั้นตอนคือ
-
กำหนดวัตถุประสงค์ของเรื่องที่ต้องการคิดเชิงสังเคราะห์ การกำหนดวัตถุประสงค์หรือการตั้งเป้าหมายนั้นจะทำให้เรามีเป้าหมายที่เราต้องเดิน ดังนั้นการเป็นนักคิดเชิงสังเคราะห์ต้องเริ่มกระบวนการกำหนดเป้าหมาย
-
กำหนดขอบเขตของประเด็นที่เกี่ยวข้อง หลังจากกำหนดเป้าหมายแล้ว จะต้องกำหนดขอบเขตเพื่อให้เราทราบว่าขอบเขตที่เราต้องศึกษานั้นมีขอบเขตกว้างแค่ไหน มีข้อมูลอะไรบ้างที่เราต้องศึกษา
-
กำหนดลักษณะและขอบเขตของสิ่งที่จะนำมาสังเคราะห์ จากนั้นก็กำหนดขอบเขตที่จะนำมาสังเคราะห์ เช่น ข้อมูลที่นำมาเฉพาะประเทศไทยหรือทั่วโลก เป็นต้น
-
การดึงเฉพาะแนวคิดที่เกี่ยวข้องมาใช้ จากนั้นก็เอาเฉพาะแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะสังเคราะห์มาใช้ การดึงแนวคิดนั้นคือ การคัดสรรเฉพาะแก่นความคิดของข้อมูลที่ตอบวัตถุประสงค์ของเรา โดยไม่สนใจรายละเอียดหรือประเด็นอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง เมื่อได้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆแล้วจากนั้นนำข้อมูลมาผสมผสานกัน และดึงแนวคิดที่เกี่ยวข้องมาใช้ การดำแนวคิดที่เกี่ยวข้องมาใช้มีเทคนิคดังนี้ เทคนิคการระดมสมองเชิงสังเคราะห์ เป็นการะดมสมองจากหลายคนๆ เทคนิค เดลฟายเชิงสังเคราะห์ เป็นการใช้ประโยชน์จากมันสมองของผู้เชี่ยวชาญในการช่วยคิด และเทคนิคชั้นกรองแนวคิด เป็นการนำแนวคิดเครื่องกรองน้ำมาปรับใช้กับกระบวนการคิด
-
การจัดเรียงแนวคิดตามโครงสร้างที่ตั้งไว้ หรือสร้างแกนความคิดใหม่ เพื่อตอบวัตถุประสงค์ เป็นการจัดเรียงข้อมูลที่ได้มาเพื่อให้สามารถตอบวัตถุประสงค์ได้
-
ขั้นทดสอบโครงร่างใหม่ เมื่อเราได้โครงร่างใหม่ให้เราทดสอบว่าโครงร่างที่เราสร้างขึ้น ดีหรือยัง พร้อมหรือยัง
-
การนำสิ่งที่สังเคราะห์ไปใช้ประโยชน์ เป็นขั้นตอนสุดท้ายเมื่อเราได้โครงร่างที่สมบูรณืแล้วเราก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
การพัฒนาทัศนคติและนิสัยนักคิดเชิงสังเคราะห์
ทักษะการคิดเชิงสังเคราะห์นั้นเป็นสิ่งที่อยู่คู่เรามาตลอด ในชีวิประจำวันเราอยู่เราพบการคิดเชงสังเคราะห์ตลอดเวลา เราจะมาฝึกการคิดเชิงสังเคราะห์โดยวิธีการ ไม่ชอบดังต่อไปนี้ ไม่พอใจสิ่งเดิมชอบถามหาสิ่งใหม่ ไม่นิ่งเฉยแต่ชอบการสะสมข้อมูล ไม่จับแพะชนแกะแต่ชอบการเชื่อมโยงเหตุและผล ไม่แปลกแยกแต่ชอบ ผสมผสาน หมายถึง การผสมผสาน หลอมรวม ถักทอ ไม่คลุมเครือ คมชัดในประเด็น ไม่ลำเอียง แต่วางตัวเป็นกลาง ไม่ยุ่งเหยิง ชอบระบบระเบียบ ไม่ท้อถอยชอบมานะพากเพียร ไม่คิดแยกส่วนชอบคิด สิบมิติ หากเราสามารถฝึกฝนตามขั้นเหล่านี้ได้ เราก็จะเป็นนักคิดเชิงสังเคราะห์ได้เป็นอย่างดี และสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีงานต่อตนเองและสังคมต่อไป
อ้างอิง : การคิดเชิงสังเคราะห์ ศาสตราจารย์ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์