เช้ามืดวันที่ ๒๙ สค. ๔๙ ผมวิ่งออกกำลังและฟังวิทยุ FM 101 ดีเจคุยกับผู้กำกับสถานีตำรวจพระนครศรีอยุธยาเรื่องปัญหาแก๊งซิ่งมอเตอร์ไซค์ แล้วหลังจากนั้นก็คุยกับหมอยงยุทธ วงศ์ภิรมศานติ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขวิทยาจิต ผมจึงได้ความรู้ว่าพฤติกรรมรุนแรงในเด็กจะมีช่วงกำเนิด ๒ ช่วง คือช่วงอายุ ๓ - ๕ ปี กับช่วงวัยรุ่น เป็นกลไกเรียนรู้ของเด็กทั้งสิ้น และพ่อแม่ และครูต้องเข้าใจวิธีการสร้างบุคลิกหรือนิสัยที่ดีให้แก่เด็ก คือตอนอายุ ๓ - ๕ ปี ต้องคอยสั่งสอนห้ามปรามชี้แจงสิ่งถูก-ผิด ตอนอายุวัยรุ่นต้องคุยกับลูกในฐานะเพื่อน อย่าสั่งสอน และต้องหากิจกรรมสร้างสรรค์ให้วัยรุ่นทำ
กิจกรรมสร้างสรรค์นี่แหละที่ต้องใช้เครื่องมีอ KM และ Empowerment โดยต้องทำกันแบบบูรณาการ สนธิพลังหลายฝ่ายหลายหน่วยงาน
ปัญหาและการสร้างสรรค์สังคมเป็นเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อน การทำงานแบบแยกๆ กันทำ ต่างหน่วยต่างทำ จะไม่ได้ผล การทำงานแบบแยกกันเชี่ยวชาญเป็นวิธีคิด วิธีจัดองค์กร วิธีทำงาน ในยุค Modern หรือยุคอุตสาหกรรม นี่เราเข้ายุค Postmodern หรือยุคหลังอุตสาหกรรมแล้ว เราต้องเข้าใจความไร้ประสิทธิผล (ไม่ใช่ประสิทธิภาพ) ของการจัดการสิ่งซับซ้อนแบบแยกส่วน ต้องหันมาสร้างและใช้วิธีคิด วิธีปฏิบัติแบบบูรณาการ สร้างกระบวนทัศน์และทักษะบูรณาการ และผมเห็นว่าทักษะและกระบวนทัศน์บูรณาการสร้างได้ไม่ใช่โดยการสั่งสอนหรือบรรยาย ต้องสร้างจากการกระทำ ซึมซับด้วยตนเองจากการปฏิบัติ และการปฏิบัติแบบซึมซับกระบวนทัศน์ Postmodern - บูรณาการ แบบไม่รู้ตัว คือการทำ KM
การแก้ปัญหาวัยรุ่นในสายตาของผมต้องอย่าแก้ปัญหา ต้องสร้างโอกาส คือสร้างโอกาสให้วัยรุ่นได้ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ โดยอย่าไปจัดกิจกรรมให้เขา ต้อง empower ให้เขาจัดกิจกรรมสร้างสรรค์กันเอง แล้วเรา (ผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่) ส่งเสริมให้แต่ละกลุ่มสร้างสรรค์เอาเรื่องราวของความสำเร็จมาเล่าสู่กันฟังและชื่นชมซึ่งกันและกัน ซึ่งก็คือทำ KM หรือสร้างเป็น CoP นั่นเอง อาจเรียกว่า CoP วัยรุ่นสร้างสรรค์
กิจกรรมนี้หน่วยงานต่างๆ นับสิบหน่วยงานต้องสวมวิญญาณ Postmodern เข้ามาทำงานสนธิพลังกัน แต่ละหน่วยงานจึงจะมีผลงานที่แท้จริง และยั่งยืน
นี่คือการ ลปรร. ของผมในด้านการคิดออกแบบ KM เพื่อการพัฒนาวัยรุ่น เพื่อการใช้พลังวัยรุ่นให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และต่อสังคม
วิจารณ์ พานิช
๒๙ สค. ๔๙
ไม่มีความเห็น