สันถวะกันอย่างคนสุราษฎร์ : คุณแสงแห่งความดี


๒๒-๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ นี้ ผมได้ไปอยู่สุราษฎร์ธานี ไปเป็นวิทยากรที่ปรึกษาให้กับเครือข่ายคนทำงานสุขภาพชุมชนและตำบลจัดการสุขภาพของภาคใต้ หน่วยงานผู้ประสานงานคือศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพภาคประชาชนภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อไปถึงก็ได้รับการต้อนรับจากคุณแสงแห่งความดีที่สนามบินสุราษฎร์ธานี

คุณแสงแห่งความดีทราบว่าผมจะลงใต้ไปสุราษฎร์ธานี ก็ขอเจอกันกับผม แต่เนื่องจากงานที่ไปทำในครั้งนี้มีคณะทำงานไปด้วยกันหลายคน ผมก็เลยเกรงใจทั้งคุณแสงแห่งความดีและเกรงใจกลุ่มคนที่ไปด้วยกัน แต่เดิมเลยจะขอให้ไปถึงที่พักและพอจะทราบบรรยากาศการทำงานก่อนว่าจะมีเวลาเว้นว่างกันบ้างหรือไม่ หากพอจะมีก็จะได้กินข้าวและนั่งคุยกัน แล้วผมก็บอกไปว่าผมจะพักที่โรงแรมทวินโลตัส ไม่รู้หูผมไปได้ยินมาจากไหน คุณแสงแห่งความดีก็ยืนยันขันแข็งว่าโรงแรมนี้มันไม่ได้อยู่สุราษฎร์ มันอยู่ที่นครศรีธรรมราช ผมก็เลยต้องฟังเจ้าถิ่นไว้ก่อน คุณแสงแห่งความดีเลยบอกว่าเพื่อไม่ให้ใช้เวลามาก เขาก็ขอไปต้อนรับที่สนามบินเลย นอกจากเป็นคนที่ได้เขียนและคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆกันใน GotoKnow แล้ว

คุณแสงแห่งความดีนั้นมีรากเดียวกันอย่างหนึ่งกับผมคือ เขาเป็นคนทำงานทางสาธารณสุขชุมชนท้องถิ่นและเป็นศิษย์เก่าปริญญาโทของมหาวิทยาลัยมหิดล เลยรู้สึกเหมือนกับคนกันเอง ที่เอาไงเอากัน ไม่ต้องมีรูปแบบกันมาก สบายๆ

เมื่อไปถึง คุณแสงแห่งความดีก็บอกทางโทรศัพท์ว่าได้รออยู่ที่ประตูทางออกแล้ว พอผมเดินออกไปก็เจอกันได้โดยไม่ยาก เมื่อได้พบแล้วก็ได้ความประทับใจ ชื่นชม และได้อารมณ์ขันจากวิธีสันถวะของคุณแสงแห่งความดี 

พอผมเดินออกจากประตูของสนามบินและกำลังมองหาคุณแสงแห่งความดีไปด้วย สายตาก็กวาดไปเห็นหนุ่มใหญ่ยืนถือกล้องถ่ายรูปแพนตามผมเดิน ผมรู้ได้ทันทีทั้งที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนว่าเป็นคุณแสงแห่งความดี หากเป็นเพื่อนกันหรือเป็นเพื่อนร่วมงานก็เป็นต้องได้ตะโกนร้องทักทายกันได้ว่าเล่นตามถ่ายรูปกันอย่างกับดาราเลยเชียวรึ

คุณแสงแห่งความดีบุคลิกเหมือนที่สะท้อนอยู่ในสิ่งที่ตนเองเขียนเรื่องราวต่างๆใน GotoKnow สุภาพ นอบน้อม มีปฏิสัมพันธ์อย่างใส่ใจและให้ความสำคัญมากแก่ผู้อื่นมากกว่าตนเองในแทบทุกเรื่อง อยู่ในวัยน่าจะเหมือนเป็นน้องคนสุดท้องของผม ดูดี เหมือนนักเลงพระเครื่องหรือเสี่ยรับเหมา อุตส่าห์ต้อนรับผมอย่างคนสุราษฎร์ ซื้อกาแฟแบบไม่มีกาเฟอีนติดมือไปฝากผมด้วย ผมเองก็มีของฝากเป็นสมุดไดอารี่ที่ทำด้วยมือไปฝาก เราคุยทักทายกันได้สักพักหนึ่งก็ถ่ายรูปด้วยกันและอำลากัน 

การได้พบปะกับคุณแสงแห่งความดีอย่างนี้ นอกจากเป็นความประทับใจแล้ว ก็ทำให้ผมได้ความคิดที่ดีไปด้วยหลายอย่าง คุณแสงแห่งความดีปฏิบัติเหมือนอย่างกับความเป็นสุราษฎร์มาต้อนรับผม ซึ่งเมื่อครั้งที่ทำงานในหน่วยงานต่างๆ หรือเมื่อต้องเป็นคณะทำงานต่างๆ หากต้องทำหน้าที่นำทีม ผมเองก็เคยบอกทีมทำงานในการทำบทบาทหน้าที่เป็นผู้สื่อสารและสร้างปฏิสัมพันธ์กับสังคม ขององค์กรไปด้วย โดยให้แนวคิดว่าสมาชิกทุกคนขององค์กรนั้น เป็นสื่อบุคคลและเป็นนักประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดขององค์กรได้ทุกคน

หากมีความสำนึกร่วมในความเป็นองค์กรและทำสิ่งต่างๆในนามส่วนรวมขององค์กรออกมาจากความมีจิตสาธารณะของตัวเราเอง สิ่งเล็กๆน้อยก็สามารถบ่งบอกและสื่อสะท้อนความมีจิตใหญ่ สะท้อนภาพขององค์กรและความเป็นส่วนรวม เหมือนเมื่อผมได้เห็นน้ำใจของคุณแสงแห่งความดีแล้ว ก็ได้เห็นภาพพจน์ในคำขวัญของสุราษฎร์ที่บอกว่าสุราษฎร์เมืองคนดี เกิดขึ้นเป็นอีกความประทับใจอย่างหนึ่ง

หมายเลขบันทึก: 499724เขียนเมื่อ 23 สิงหาคม 2012 07:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 กันยายน 2012 08:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (30)

สวัสดีค่ะอาจารย์วิรัตน์

เป็นบทสรุปที่ชัดเจนค่ะ อาจารย์  "ปัจเจกกับการสื่อสะท้อนส่วนรวม" ...สองปัจเจกที่มีความงามของจิตใจ จากเมืองเหนือและเมืองใต้ ทำให้เจอกันบนความฐานของความสุขและเป็นผู้ให้/ผู้รับ โดยมีสะพานสานเชื่อมกันจาก โกทูโนว์ มิตรภาพของทั้งสองท่าน..สะท้องสังคมนี้นะค่ะ

อาจารย์ไปทำงานเป็นวิทยากร "เครือข่ายฯ" เลยได้ไปกระชับสัมพันธ์เครือข่ายด้วยนะค่ะ ... 2 in 1 เลยค่ะ ..ขอบคุณบันทึกดีๆ จรรโลงใจ อ่านเช้านี้ก่อนเริ่มงานค่ะ :-))

มอบดอกไม้ให้ "อโศกกาญจนา" จากที่บ้านค่ะ ...อาจารย์ทำงานหนัก เดินทางไกล อาจารย์ดูแลสุขภาพนะค่ะ ให้แข็งแรง ไร้โรคภัย..

สันถว, สันถวะ : [สันถะวะ] น. การนิยมชมชอบกัน, การสรรเสริญซึ่งกันและกัน; ความคุ้นเคย, ความสนิทสนมกัน. (ป.; ส. สํสฺตว).

แวะมาค้นหาความหมายจากศัพท์และความเป็นกัลยาณมิตรกันครับ ท่านพี่ ;)...

สวัสดีครับอาจารย์ดร. Kwancha ครับ
คิดอยู่เหมือนกันครับว่าคุณแสงแห่งความดีน่าจะเป็นเครือข่ายวิชาการให้กับเครือข่ายในพื้นที่ของสุราษฎร์ด้วยได้ ยังนึกอยากชวนไปช่วยบนเวทีเพื่อถือโอกาสเชื่อมต่อทีมพื้นที่กับคุณแสงแห่งความดีให้ โดยเฉพาะเข้าไปเป็นคนดูแลการบันทึกและสื่อบทเรียนการทำงานลงบนสื่อออนไลน์ เห็นเลยครับว่าเขาทำได้ดีแน่ๆ

ดอกไม้อโศกาญจนาของอาจารย์สวยจังเลยครับ ชื่อก็ดี เหมือนเป็นไม้มงคลเลย
ขอบพระคุณมากเลยครับอาจารย์ 

สวัสดีครับอาจารย์ Wasawat Deemarn ครับ
ความสนิมและความคุ้นเคยกันนี่ เป็นญาติอย่างยิ่งเลยนะครับ
เป็นธรรมค้ำจุนภราดรภาพของสังคม ขอบคุณอาจารย์ที่นำความหมายที่ลึกซึ้ง
มาฝากกันครับ 

รู้สึกเป็นเกียรติอย้างยิ่งครับ ที่อาจรย้เขียนถึงผม ขอบพระคุณอาจารย์มากคระบ

ผมอ่านความเห็นของอาจาีย์แล้ว หากผมช้วยเหลืองานบางส้วนของอาจาร ได้บ้าง@@ผมยินดีคระบ@

มาสวัสดีท่านอาจารย์กับคุณแสงแห่งความดีไปพร้อมๆ กันในบันทึกนี้ค่ะ

ยิ้มให้กับมิตรภาพผ่านโกทูโนนี้ค่ะ

สุขสันต์ในการทำงานนะคะ

การได้เจอตัวจริงของกัลยณมิตรทางตัวอักษรนี่น่าดีใจอย่างยิ่งครับ

  • มาชื่นชมครับ
  • ผมเจอคุณแสงหายครั้งมาก
  • ตอนไปสุราษฯ
  • มีความสุขเมื่อสมาชิกได้พบกันครับ

ดวงใจงอแงไปหน่อยต้องขอโทษอาจารย์ ด้วย@ฝนตกอากาศเย็นสบาย@ มาส่งอาจารย์ผักพ่อน@พรุ่งนึ้

ขอให้อาจารย์เดินทางกลับโดยสวัสดิ ภาพคระบ

ขอบคุณอาจารย์มากนะครับ ฝากความระลึกถึงแม่ของอาจารย์@ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงนะครับ@

คุณแสงแห่งความดีบุคลิกเหมือนที่สะท้อนอยู่ในสิ่งที่ตนเองเขียนเรื่องราวต่างๆใน GotoKnow สุภาพ นอบน้อม มีปฏิสัมพันธ์อย่างใส่ใจและให้ความสำคัญมากแก่ผู้อื่นมากกว่าตนเองในแทบทุกเรื่อง .. อาจารย์วิรัตน์บรรยาย ได้ตรงกับความรู้สึกตนเองต่อคุณแสงแห่งความดีเลยคะ ชื่นชม วิธีชื่นชมคนดีของอาจารย์ จริงใจ จริงจัง ไม่ขาด ไม่เกิดเลยคะ

สวัสดีครับ ดร.ปริมครับ
ขอบคุณ ดร.ปริมมากเช่นกันครับ สุขสันต์และรื่นรมณ์กับการทำงานมากๆครับ

สวัสดีครับอาจารย์ ดร.ธวัชชัยครับ
ความเป็นชุมชนทางจินตภาพ กับมิติสังคมและวัฒนธรรมทางจิตใจ ที่เกิดผ่านการอ่านเขียนออนไลน์ ในทางการสื่อสารวิชาการ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหมู่สังคมของคนหลากสาขานี่ คงจะถือได้ว่าเป็นมิติหนึ่งของสังคมวิทยาชุมชนศึกษา ที่ต้องเรียนรู้ไปบนการทำให้เกิดขึ้นไปด้วยในสภาพแวดล้อมใหม่ๆที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยนะครับ นอกจากได้ความรู้สึกและความประทับใจดีๆมากแล้ว ก็เลยได้ตัวอย่างดีๆที่ได้สัมผัสกับตนเองด้วย

สวัสดีครับอาจารย์ ดร.ขจิตครับ
เมื่อเย็นวานนี้คุณแสงแห่งความดีเขาพาลูกมาหาอีก เจ้าหนูดวงใจกำลังน่ารักมาก แต่นอกจากไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้แล้ว หากผมนั่งหรือยืนอยู่ทางไหน เธอก็จะพยายามดึงพ่อให้หนีไปอีกทางหนึ่ง คุณแสงแห่งความดีบอกว่าตอนที่พบกับอาจารย์กับดร.บัญชา นั้น เจ้าหนูน้อยดวงใจเธอชอบอาจารย์กับดร.บัญชามาก คุณแสงแห่งความดีบอกว่า เพราะอาจารย์เล่นถูกใจ ตีลังกาหกหัว คลานทำท่าช้าง แล้วก็หยอกสนุก    

สวัสดีครับอาจารย์หมอ ป.ครับ
ตัวตนและสิ่งที่อยู่ในวิถีชีวิตจริง ก็ยิ่งน่าทึ่งมากอีกหลายเรื่องครับ เป็นต้นว่า คุณแสงแห่งความดีต้องส่งและรับลูกไปกลับโรงเรียนทุกวัน แล้วก็อยู่ในช่วงที่ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิดติดหนับ พอส่งลูกเสร็จและขับรถออกจากตัวเมืองกลับบ้าน พอผ่านร้านอินเตอร์เน็ตก็จึงจะได้แวะเข้ามาเขียนและคุยกับผมและท่านอื่นๆใน GotoKnow เสร็จแล้วก็จะไปดูแลสวนยาง หลายๆเรื่องจึงมีภาษาของความตั้งอกตั้งใจสูงมากครับ นับถือ นับถือ

สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดีครับ
เจ้าหนูดวงใจดูท่าทางเธออารมณ์ดีและขี้เล่นอยู่ครับ แต่สงสัยต้องได้ทำความสนิทสนมเป็นพวกเดียวกันก่อน ต้องศึกษามนต์ผูกมิตรกับเด็กๆจากอาจารย์ดร.ขจิตเสียแล้วครับ ขอบคุณคุณแสงแห่งความดีมากนะครับ

                 

 

                 

เก็บตกจากเวที UKM ครั้งที่ 22 :

กัลยาณมิตร และเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวศาลายารำลึกถึงเจ้าของภาพเสื้อ G2K ครับ !!!

สวัสดีครับอาจารย์วิรัตน์ครับ

วันนี้ผมอยู่ประจวบ เมื่อคืนที่ผ่านมาได้ใช่ internetของโรงแรม

จึงถือโอกาส นำงานศิลป์ของน้องชายมาให้อาจารย์ชม แทนการได้ชมของจริง

 

ผมบอกน้องชายไว้ว่า หากอาจารย์แวะเวียนผ่านไปที่ภูเก็ต คงได้เจอตัวจริงของน้องชายครับ น้องชายนั่งวาดรูปอยู่ที่ Banthai resort Hotel หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต

น้องบอกว่า..หากได้เจออาจารย์ถือเป็นเกียรติเช่นกัน

ใจผมก็คิดเช่นนั้น

เชิญอาจารย์แวะชมที่นี่ครับ

 

ปล.อาจารย์คงเดินทางถึง ชม. โดยสวัสดิภาพแล้ว พักผ่อนด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายเติมเต็ม เชื้อไฟในชีวิต ด้วยความสุขในอ้อมกอดของธรรมชาตินะครับ

ด้วยความเคารพรัก

 

อาจารย์ครับ คิดถึง ระลึกถึง นึกถึง และพยายามจะทำตาม ด้วยหัวใจบริสุทธิ์ ครับ สมัครมานานแต่หาพาสเวิดไม่เจอ วันนี้เข้า โกทูโนได้เลย ค้นหาคำว่า วิรัตน์ คำศรีจันทร์ เพื่อจะเข้ามาคารวะและสันถวะกับอาจารย์ต่อไปขอรับ

ช่วงเวลานั้นที่อาจารย์อยู่สุราษฏ์ ท่านปราชญ์โม่งก็ต่อสายว่าอยู่ไม่ไกล ผมอยู่ขนอม ประชุม UKM เช่นเดียวกันจึงเอารูปหล่อๆมาฝากครับฮ่าๆ

อะฮะ รูปวาดนี่ แค่ทาบเสื้อเฉยๆ ยังทำให้ ผอ.นภามาสกับน้องสำนักพัฒนาคุณภาพของมหิดลดูง้ามงามเลยนะเนี่ย พอใส่จริงก็ยิ่งต้องงาม และพอเจ้าจักรีสวมใส่ ก็ทำให้อ้วนและกลมน้อยลงกว่าความเป็นจริง เพราะตัว G กับตัว O อีกหลายตัว ดูกลมมากกว่าหลายเท่า ฮ่าาาา รำลึกถึงทุกท่านเด้อครับ

ขอบคุณคุณแสงแห่งความดีมากเลยนะครับ ฝีมือเขียนภาพของน้องคุณแสงแห่งความดีนี่งามมากครับ ขอบคุณมากเลยนะครับที่ลิงก์แหล่งเข้าชมได้มากขึ้นอีกมาฝาก

สวัสดีครับเจ้าชาตรี
นั่นสิ พอรู้ก็กำลังจะกลับเสียแล้ว ชาตรีสบายดีเนาะ
รำลึกถึงชาตรีและทุกคนเช่นกันครับ

แวะมาอ่านบันทึกของอาจารย์ถึงคุณแสงแห่งความดี ก็รับรู้และเรียนรู้พลังชีวิตที่ดีงาม จากท่านอาจารย์วิรัตน์เสมอครับ

สวัสดีครับอาจารย์ Dr.Pop ครับ

คุณแสงแห่งความดีนี่เขาดีครับ แล้วก็ทำให้ผมได้เรียนรู้ชีวิตของคนตัวเล็กๆ แต่มีจิตใจกว้างขวาง และขวนขวายหาโอกาสทำสิ่งดีๆต่อสังคม ใกล้ๆตัวที่ถิ่นฐานบ้านช่องของตนเอง พร้อมกับเป็นการบันทึกและสั่งสมความทรงจำดีๆไปบนเส้นทางชีวิตของตนเองได้อยู่เสมออย่างไม่กลัวเหน็ดเหนือย ไม่กลัวเสียเวลา ไปด้วยครับ 

คุณแสงแห่งความดีทำให้ผมคิดถึงคนที่เคารพนับถือหลายคน คนหนึ่งคือ Dr.Ken Hasekawa ชาวญี่ปุ่นซึ่งผมได้รู้จักเมื่อครั้งท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญของ JICA และท่านได้มาเป็นผู้เชี่ยวชาญในโครงการแลกเปลี่ยนทางวิชาการและพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการของไทยกับญี่ปุ่นภายใต้โครงการพัฒนางานสาธารณสุขมูลฐานในประเทศไทยเมื่อกว่า ๒๐-๓๐ ปีมาแล้ว ช่วงหนึ่งท่านกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นก่อนที่ต่อมาจะไปเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แอฟริกาและในภูมิภาคอื่นๆ และเป็นช่วงที่ผมได้ทุนไปศึกษาอบรมที่ญี่ปุ่นด้วย ท่านทราบว่าผมจะได้ไปญี่ปุ่น จึงขอแสดงความยินดีกับผม และบอกว่า ผมเพิ่งจบและเพิ่งเริ่มชีวิตการทำงาน ยังมีโอกาสทำงานให้สังคมอีกยาวนาน น่าจะได้มีโอกาสไปเห็นและไปเรียนรู้สิ่งต่างๆให้มากเท่าที่จะหาโอกาสทำได้ จากนั้น ก็พยายามถามความสนใจ ช่วยจัดโปแกรม และช่วยประสานงานกับทางญี่ปุ่นให้เป็นอย่างดี 

เท่าที่ได้รับนั้นก็มากเกินและเป็นที่ซาบซึ้งใจมากแล้ว แต่เมื่อไปอยู่ที่ญี่ปุ่น ก็ได้รับการติดต่อจากท่าน พร้อมทั้งบอกว่าท่านจะขอไปทักทายและพาไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อหนึ่ง ในวันที่ไปเจอกันนั้น ผมก็พบว่าท่านไม่สบาย แต่ไม่ว่าผมจะพยายามขอยกเลิกรายการต่างๆเพื่อขอให้ท่านกลับไปพักผ่อนรักษาสุขภาพอย่างไรท่านก็ไม่ยอม ท่านพาผมไปกินข้าว นั่งคุยกัน และเป็นโอกาสให้ผมได้คารวะ พาผมไปในแหล่งที่ผมรู้สึกได้ว่าท่านศึกษาความสนใจของผมและรสนิยมชีวิตของผมมาอย่างดี ไปสวนสาธารณะกลางเมืองโตเกียวซึ่งมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม ออกแบบและจัดระบบนิเวศน์แบบป่าในเมือง มีงานศิลปะติดตั้งเป็นองค์ประกอบ ไปเดินพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และศิลปะ เดินคุยกันไปตามถนนท่ามกลางเกล็ดหิมะ

Dr.Ken Hasekawa ทำให้ผมประทับใจและมีผลต่อการมองญี่ปุ่นต่างไปจากที่เคยรู้จักก่อนหน้านั้นมากทีเดียว ทำให้ผมอยากเห็นด้านที่เป็นความละเอียดประณีตของสังคมวัฒนธรรมญี่ปุ่น และหลังจากนั้น ช่วงที่อยู่ก็เลยได้ความคิดที่พอจะมองเห็นเรื่องราวต่างๆสำหรับได้เลือกหนังสือ งานศิลปะ และสิ่งดีๆ หอบติดไม้ติดมือกลับบ้าน 

คุณแสงแห่งความดีก็ทำให้ผมได้อารมณ์เหมือนเมื่อครั้งได้รับการปฏิบัติให้จาก Dr.Ken Hasekawa เหมือนกันครับ มองในแง่ของการสื่อสารและสร้างการเรียนรู้สิ่งดีๆให้กับชุมชนและสังคม รวมทั้งการสื่อสารองค์กรละก็ให้การเรียนรู้ที่ดีจริงๆเลยละครับว่าการเป็นเจ้าบ้านและถือเป็นธุระให้กับสังคมหรือองค์กรของตนเอง ของปัจเจกทุกคน ในฐานะสมาชิกของสังคมและในฐานะพลเมืองที่ผูกพันกับส่วนรวมด้วยใจนี่ จะมีผลต่อการทำให้ผู้อื่นเกิดความรู้สึกเชื่อมโยงที่ดีกับสังคมของเราเอง ได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว และคนตัวเล็กๆทุกคนนั้นสามารถทำได้อยู่เสมอ แม้ในเรื่องเล็กๆน้อยๆรอบตัว

แวะมาอ่านบทความดี ๆ นะครับ

และก็ตกใจกับคำว่า สันถวะ นิดหนึ่งนะครับ

ขออธิบายคำว่า สันถวะ นะครับ ว่า

คำนี้ถ้าดูตามพจนานุกรมไทยก็ถือได้ว่าเป็นคำธรรมดาคำหนึ่ง เพราะหมายถึงการเชยชม หรือความสนิทสนมคุ้นเคยกัน

สิ่งเหล่านี้เป็นความหมายที่คนไทยใช้

แต่คำนี้ แต่เดิมนั้นหมายถึงการมีอะไรกันระหว่าคนสองจนมีน้ำยางออกมานะครับ

พอเห็นคำนี้ก็รู้สึกตกใจนะครับ เพราะพอนำความหมายนี้ ไปบวกกับคำที่ตั้งเป็นบันทึกก็ขำ ๆ ดีครับ

ขอบคุณครับ

ฮ่าาา นี่หากเป็นภาษาของการทำสื่อหรือการดำเนินการเสวนาแล้วละก็ เขาเรียกว่าความสามารถเปิดมุมและโยนลูก ให้สามารถเล่นประเด็นเพื่อชวนกันคิดชวนกันมองต่อไปได้อีกเรื่อยๆนะครับเนี่ย เยี่ยมครับเยี่ยม

ไม่น่าตกใจหรอกนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะมีรากศัพท์อย่างนั้นอยู่นะครับ ตอนนี้จัดหนังสือและพจนานุกรมต่างๆลงกล่องแล้วขนไปต่างจังหวัดหมดเสียแล้วล่ะสิ เลยไม่รู้ว่าจะสามารรถไขความให้ได้หรือเปล่านะครับ

แต่ว่าก่อนอื่นนี่ สันถวะไม่น่าจะหมายถึงการ 'เชยชม' หรอกนะครับ ควรจะแปลว่าการ 'ชมเชย' ในความน่ารัก น่าเคารพ น่านับถือกัน แล้วก็เป็นการแสดงความสนิทสนมเยี่ยงผู้ที่มีความคุ้นเคยกัน แม้จะเป็นผู้ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องผูกพันกันอย่างใกล้ชิดมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้มีความลึกซึ้งมากพอสมควร จะเข้าถึงแง่มุมที่ลึกซึ้งนี่ อาจจะต้องเข้าใจนัยะของอีก ๒ เรื่อง คือ 'การชมเชยกัน' กับ'ความคุ้นเคยกัน'

ในส่วนของการชมเชยกันนั้น การชมเชยในภาษาธรรม ไม่ได้หมายถึงการชมกันอย่างที่มักได้ยินกันโดยพื้นๆทั่วไป แต่เป็นการน้อมตนเองลงเพื่อยกย่องเชิดชูความดีงามที่เราได้เห็นในตัวผู้อื่น ซึ่งเป็นการอนุโมทนาและสรรเสริญคุณธรรมความดีที่ปรากฏในตัวผู้อื่น ส่งเสริมให้เกิดสิ่งดี ขณะเดียวกัน ก็เป็นวาระในการกล่อมเกลาตนเองด้วยความดีงามของผู้อื่น ให้ความติดกับตัวตนของเราเบาบางลง ดังนั้น จึงมีความแยบคายอย่างยิ่ง มีแต่ต่างได้และต่างให้ความงอกงามแก่กันทั้งสองฝ่าย ความชมเชยในความหมายของการสันถวะกัน จึงทำให้ขอบเขตของความเป็นคนอื่นและความต่างเป็นคนแปลกหน้ากันของผู้คนในสังคมอันกว้างขวางหายไป ซึ่งต่างจากการพบปะและสังคมกันแบบผิวเผิน จัดว่าเป็นหลักปฏิบัติที่ดีอย่างหนึ่งที่เป็นไปเพื่อการสร้างมิตรและกล่อมเกลาตนเองให้เป็นผู้นอบน้อมต่อความดีงามของผู้อื่นอยู่เสมอ ในสังคมซึ่งขยายตัวกว้างขวางซับซ้อนและผู้คนมักมุ่งต่างคนต่างอยู่กันดังปัจจุบันนี้นี่ สิ่งเล็กๆน้อยๆอย่างนี้ก็จัดว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากที่จะทำให้ผู้คนอยู่ร่วมกันได้ดีขึ้นอย่างกับเป็นผู้คุ้นเคยกัน และเกิดขึ้นได้ไม่ง่ายนัก ผู้ที่ปฏิบัติอย่างนี้ต่อผู้อื่นได้จึงถือได้ว่าเป็นผู้ซึ่งมีสิ่งที่หาได้ยากจากคนทั่วๆไป

ในอีกนัยะหนึ่ง 'การสันถวะ' นั้น เป็นการปฏิบัติต่อกันอย่างมีไมตรีและมีความคุ้นเคยกัน ซึ่งการปฏิบัติด้วยความคุ้นเคยกันนั้น เป็นสิ่งมงคลอย่างยิ่งของชีวิตอย่างหนึ่ง รวมทั้งเป็นหลักธรรมสำหรับการสร้างสังคมเพื่อการอยู่ร่วมกันเยี่ยงผู้ร่วมทุกข์สุขกันของมนุษย์ ดังพุทธวจนะที่ว่า วิสา ส ปรมา ญาติ : ความคุ้นเคยกันเป็นญาติอย่างยิ่ง (บ๊ะ ดูขรึมขังดีเหมือนกันนะครับเนี่ย) หากอธิบายในภาษาสังคมและวัฒนธรรมละก็ ก็คงจะเรียกว่าเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ที่เป็น Soft-Structure ซึ่งถ้าหากได้สร้างและสั่งสมกันไว้มากๆในสังคมแล้วละก็ ก็จะทำให้ผู้คนแม้แปลกหน้า ต่างเพศ ต่างเผ่าพันธุ์ ต่างสังคมวัฒนธรรม ต่างวัย ต่างภาษา วัฒนธรรมและถิ่นที่อยู่อาศัย สามารถเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ สนิทสนมคุ้นเคยและผูกสัมพันธ์กันได้เสมือนดังญาติ โดยที่ไม่ใช่พี่น้องหรือลูกหลานที่คลานตามกันมาด้วยการถือกำเนิดจากผู้ให้กำเนิดเดียวกัน การสันถวะกันจึงสื่อความหมายในเชิงคุณภาพของการคบหาสมาคมกันของผู้คน มากกว่าการพบปะกันอย่างทั่วๆไป

ตรงส่วนหลังนี้หรือเปล่านะครับ ที่มีนัยะเชื่อมโยงไปยังสิ่งที่คุณลูกสายลมกล่าวถึงแล้วบอกตกใจว่าสันถวะมีความหมายว่าการได้ปฏิสัมพันธ์และมียางออกมา แต่ก็อีกนั่นแหละ การมียางออกมา ก็คงจะเหมือนกับการกล่าวถึงความมีเยื่อใยต่อกันของผู้คน ซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงการที่คนปฏิสันถารกันแล้ว เมื่อบอกว่าเกิดความคุ้นเคยเป็นญาติ มีเยื่อใยไมตรีต่อกัน ก็จะมีความหมายว่ามียางและเส้นใยออกมาอย่างนั้นหรอกนะครับ

และเมื่อกล่าวว่า หากผู้คนที่มีความเป็นญาติและคุ้นเคยกัน เกิดความขัดแย้ง ห่างเหินกัน หรือสังคมมีบรรยากาศแบ่งแยกกัน เมื่อกล่าวว่าแม้นตัดบัวก็ยังเหลือใยละก็ ก็คงไม่ได้หมายความกันตรงๆว่า ผู้คนที่เกี่ยวข้องจะมีเส้นใยติดตัวพันเหมือนมีใยแมงมุมให้เห็นทุกคนกระมังนะผมว่า ดังนั้น ความมียางนี่ หากจะมี ก็คงจะหมายถึงแง่มุมที่จะพยายามเชื่อมโยงลงไปถึงการมีความนอบน้อมใจที่จะปฏิบัติต่อกัน มากกว่าการสมาคมกันของผู้คนชนิดที่เป็นเพียงกริยาภายนอกที่ไม่ได้กอปรด้วยน้ำใจและความจริงใจ เพื่อจำแนกการปฏิสันถารกันในเชิงคุณภาพ อย่างนั้นหรือเปล่านะครับ

อ่านความคิดของอาจารย์แล้วอดชื่น

ชมไม่ได้จริงจริงครับ รักษาสุขภาพนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท