วันนี้ได้อ่านบันทึก ใครว่าข้าราชการสายข,ค. ไม่ต้องทำงานวิจัย ของคุณ Mitocondria โดยเฉพาะ "หากคุณคิดว่าจะเอาดีในอาชีพนี้แล้วล่ะก็ ตอบได้เลยครับว่า งานวิจัยคือคำตอบสุดท้ายของความก้าวหน้าในอาชีพนี้ " และถึงทำงาน Routine ดีขนาดไหนสุดท้ายเงินเดือนก็ตันอยู่ดีี
อ่านแล้วเห็นใจคนทำงาน routine จังค่ะ เพราะตัวอย่างคนใกล้ ๆ ตัวในภาคก็มีให้เห็น บางคนไหวตัวทันค่ะ ใกล้จะตัน ก็อาจจะลองเขียนคู่มือ แต่ตัวอย่างที่ได้เห็นมาก็อาจจะได้์ค่ะ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย แต่ถ้าเป็นวิจัยจะง่ายกว่า พอรู้แบบนี้บางคนหยุดเขียนซะเฉย ๆ เคยได้ลองคุยกับบางคน และได้เคยแนะนำให้ทำวิจัยเหมือนกัน แต่ ดูเหมือนจะแต่ละคนมีเหตุผล 108 ประการเลยค่ะ เป็นต้นว่า...
บางคนกล้า ๆ กลัว แต่ไม่รู้จะ เริ่มต้นต้น "ทำเรื่องอะไร?" บางคนบอก "เป็นเรื่องยากและ เป็นเรื่องใหญ่" และต้องเขียน "abstract" ภาษาอังกฤษ "ไม่มีเวลา" งาน routine ก็เต็มไหนจะภาระครอบครัวอีก ให้พี่ทำอย่างอื่นดีกว่า เผลอ ๆ ก็ปลงแล้วล่ะ จะรอ early หรือ รอเกษียณไปเลย และ บางคนยังไปทำธุรกิจอย่างอื่นเสริม ไปเลยก็มี .....
ทั้งๆ ที่คนเหล่านี้ จะว่ากันไป......สั่งสมประสบการณ์ "การทำงาน" มาอย่างยาวนาน เพียงแต่ ......ขาดประสบการณ์ "การทำวิจัย" เท่านั้นเอง (ประมาณว่าทำงาน Routine มาเกือบ 20 - 25 ปี เชียวน๊ะ อยู่ดี ๆ มาให้ทำงานวิจัยน่ะ) ผู้เขียนคิดว่าหากเราสนับสนุนคนเหล่านี้ ให้ถูกทางก็น่าจะเป็นขุมกำลัง "R2R" ได้
แต่เราจะมีวิธี หรือแนวทางอย่างไรล่ะ ????
ให้พวกเขาแค่ได้มีโอกาสลอง "ทำวิจัย" สักครั้ง
เผื่อ ๆ ว่าพวกเขาจะติดใจ
คุณวรวิภาค๊ะ ขอบคุณค่ะที่ได้ให้เกียรติผู้เขียน ก็ขอบอกตามตรงว่าผู้เขียนมีอาชีพทำ Lab. การเริ่มต้นงานวิจัยก็จากปัญหาหน้างานค่ะ นำมาวิเคราะห์ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
สำหรับวิชาพละศึกษา(การว่ายน้ำ) ก็นำมาผ่านกระบวนการวิทยาศาสตร์หรือทำให้มีตัวชี้วัดได้อย่างไร ก็อาจจะผ่านกระบวนการปรับเปลี่ยน นำปัญหามาวิเคราะห์สังเคราะห์ แล้ววัดผลไม่ว่าจะเป็นจากแบบสอบถามหรือ ระยะเวลาอะไรก็ตามแต่ หรือนำมาประยุกต์ให้เข้ากับเรื่องสุขภาพ ประมาณนั้นจะได้หรือไม่ ? อาจจะลองสอบถามจากผู้รู้ท่านอื่นน๊ะค๊ะ