วันพฤหัสที่ ๑๙ ก.ค. ๕๕วันที่ ๑๖ ของอาการและวันที่ ๔ ในโรงพยาบาลเป็นวันผ่าตัด คืนวันที่ ๑๘ ผมเข้านอนเวลา ๒๑ น. และตั้งนาฬิกาปลุก ๕.๐๐ น. แต่สาวน้อยตื่นก่อนแล้ว เมื่อคืนสาวน้อยจัดการให้ผมกินอาหารมื้อกลางคืนรองท้อง ตอนสามทุ่ม แล้วหลังจากสองยามงดอาหารและน้ำ โดยมีป้ายมาตั้งที่หน้าโต๊ะกระจก
ผมอาบน้ำแปรงฟัน เปลี่ยนชุดเสื้อผ้า แล้วตรวจสอบ อี-เมล์ ตอบเฉพาะที่จำเป็น ใกล้ๆ หกโมงเช้าพยาบาลมาวัดความดัน ได้ ๑๒๐/๗๐ ชีพจร ๖๒ อุณหภูมิที่ติ่งหู ๓๖.๒ ยืนยันว่าใจผมนิ่ง ไม่ตื่นเต้น คือระบบประสาทอัตโนมัติของผมเขาไม่เครียดหรือตื่นเต้น น่าจะเป็นผลของการฝึกฝนที่ผมหมั่นทำมาตลอดชีวิต โดยเฉพาะในช่วง ๑๐ ปีหลัง
เวลา ๖ น. พยาบาลมาหยอดตา และย้ำว่าคลุมผ้าได้แน่นะ แล้วมาชั่งน้ำหนัก ได้ ๗๒ กก. ตั้งแต่งดวิ่ง และตอนหลังมาอยู่โรงพยาบาล ผมน่าจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เขาหยอดตาทุกๆ ๑๐ นาที ๔ ครั้ง เพื่อให้ม่านตาขยาย รวมทั้งเอายา Cozar(ยาลดความดันโลหิต)ที่ผมกินประจำทุกเช้าร่วมกับ Hydrochlorothiazide (ยาขับปัสสาวะ) มาให้กินโดยใช้น้ำเพียง ๓๐ ซีซีแต่งดยาขับปัสสาวะเพื่อป้องกันการปวดปัสสาวะขณะผ่าตัด
เวลา ๗ น. เศษ ทางห้องผ่าตัดส่งรถเข็นนั่งมารับ ไปที่ห้องผ่าตัดซึ่งอยู่ที่ตึกสยามินทร์ชั้น ๓ เข้าไปที่ห้องรอผ่าตัด เดินไปขึ้นรถเข็นนอน พยาบาลมาซักซ้อม ถามชื่อ นามสกุล ผ่าตัดตาข้างไหน มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง แพ้ยาอะไรบ้าง มีฟันปลอมไหม และบอกให้ไปถ่ายปัสสาวะ เพื่อจะได้ไม่ปวดปัสสาวะระหว่างผ่าตัด
ผมนอนรอกว่าชั่วโมงครึ่ง ระหว่างนั้นผมสังเกตเหตุการณ์ในห้องรอ และทำอานาปานสติ เวลา ๘ น. เศษ อ. หมอจุฑาไลกรุณามาคุยด้วย บอกว่า อ. หมอโสมนัส กำลังสอบ เฟลโล่ว์ ระหว่าง ๗.๓๐ - ๙.๐๐ น. มีคนมาขยับรถเปลนอนของผม และเข็นรถเปลนอนของคุณปู่คนหนึ่งมานอนใกล้ๆ บอกว่าจะผ่าเป็นรายที่ ๒ เกือบ ๙ น. ผมขอไปเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายปัสสาวะป้องกันปวดในห้องผ่าตัด แต่เนื่องจากงดดื่มน้ำตั้งแต่ ๒๑ น. จึงไม่ค่อยมีน้ำปัสสาวะ
เวลา ๙ น.ตรง อ. หมอโสมนัสมาฉีดยาชาเฉพาะที่รอบตาขวา ๔ จุด โดยบอกทุกครั้งว่าจะเจ็บตรงไหนการฉีดยาชาเฉพาะที่ทำในห้องรอผ่าตัดนั่นเอง อ. โสมนัสบอกให้ผมกลอกตาไปทางซ้าย ขวา ขึ้นบน ลงล่าง แล้วบอกว่า บล็อก ประสาทคุมลูกตาสำเร็จแล้ว แล้วเขาเข็นเตียงเข้าห้องผ่าตัด เอารถเข็นนอนเข้าไปเทียบเตียงผ่าตัดให้ผมเลื่อนตัวไปนอนบนเตียงผ่าตัด อ. หมอ ณัฐวุฒิ รอดอนันต์ หมอตาอีกท่านหนึ่งเข้ามาทักทาย ว่าท่านมาช่วยอีกคนหนึ่ง เพื่อบริการผมอย่างเต็มที่ อ. หมออังคณา วิสัญญีแพทย์อาวุโส เข้ามาแทงเข็มเข้าเส้นเลือดที่มือซ้ายให้น้ำเกลือสำหรับให้ยา PentanylและDormicumให้ผมสลึมสลือซึ่งผมไม่รู้สึกสลึมสลือเลย และพยาบาลเอาเครื่องวัดความดันอ็อกซิเจนในหลอดเลือดแดงมาสวมนิ้วชี้มือซ้าย เครื่องวัดความดันโลหิตมาพันต้นแขนขวาผมขยับแขนทั้งสองข้างพบว่าเขาใช้ผ้าตรึงไว้เรียบร้อยขยับไม่ได้
ที่จริงการผ่าตัดตาของผมไม่ควรเรียกว่าผ่าตัดเพราะไม่ได้ผ่าและไม่ได้ตัดอะไรเลยน่าจะเรียกว่าเจาะดูดยิงมากกว่าคือใช้เครื่องมือเจาะเข้าไปในลูกตาดูดเอาวุ้นตาปนเลือดออกใส่น้ำ isotonic solution เข้าไปแทน ตรวจจอตาพบเส้นเลือดที่เป็นรอยฉีกเก่า (ไม่มีเลือดออกแล้ว) ก็ยิงเลเซอร์ ข่าวดีที่สุดคือ ไม่มีรอยฉีกขาดหรือล่อนของจอตา (retina) เลย ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ หมอปิดตา แล้วให้ผมย้ายไปนอนเตียงรถเข็น ไปนอนรอดูอาการที่ห้องพักฟื้น ที่มีเสียงเด็กร้องเกรียวกราว พยาบาลห้องพักฟื้นมาบอกว่าทนเสียงเด็กร้องหน่อยนะคะอาจารย์ วันนี้เป็นวันผ่าตัดเด็กพอดี สักครู่ก็มีหัวหน้าพยาบาลห้องพักฟื้นมาบอกอีกว่า หนูมีลูกเยอะอาจารย์ต้องทนหนวกหูหน่อย คำพูดต่อเด็กป่วยว่าเป็นลูกของพยาบาลเป็นคำที่ไพเราะมากสำหรับผม แสดงความเมตตาที่น่าซาบซึ้งใจ
ผมนอนรอในห้องพักฟื้นเพื่อดูอาการ ๑ ชั่วโมง มีเครื่องวัดความดันโลหิตพันอยู่ที่แขนขวา และวัดทุกๆ ๕ นาที มีจอแสดงผลที่หัวเตียง ซึ่งผมไม่เห็นและเครื่องวัดความดันอ็อกซิเจนที่นิ้วชี้ซ้ายก็ยังสวมอยู่
ในที่สุดเขาก็บอกว่าจะเข็นผมไปส่งที่ห้องพัก โดยใช้รถเข็นนอนไปส่ง ทำให้ผมมีประสบการณ์นอนรถเข็นในโรงพยาบาลเป็นครั้งแรกในชีวิต ผมบอกตัวเองว่าต่อไปก็จะมีครั้งที่ ๒, ๓, .... และสุดท้ายเป็นร่างไร้วิญญาณ
ถึงห้องพัก ๑๑ น. เศษ ผมดื่มน้ำด้วยความกระหาย และสาวน้อยเอาข้าวต้มอาหารเช้ามาป้อน และต่อมาเมื่ออาหารเที่ยงมาถึงก็ควบอาหารเที่ยงด้วย
ที่จริงสาวน้อยกับผมได้คันพบวิธีแก้คอแห้งอย่างง่ายๆ ด้วยยาอมยินตัน คือการงดน้ำและอาหารตั้ง ๑๒ ชั่วโมงนั้นมันทำให้คอแห้ง แถมโดนหยอดยา อะโทรปีนเพื่อขยายม่านตา มันยิ่งทำให้คอแห้ง เรากลัวว่าเมื่อคอแห้งอาจทำให้ไอ เราจึงแบ่งยาอมยินตันใส่ซองปลาสติกถือไป พอรู้สึกคอแห้งก็เอามาอมไปเรื่อยๆ จนเข้าห้องผ่าตัด พอย้ายไปนอนบนเตียงผ่าตัดผมก็เอาซุกไว้ด้านหลัง ผ่าตัดเสร็จผมยกตัวมานอนบนเตียงเคลื่อนย้ายหรือรถเข็นนอน อ. หมอโสมนัสหยิบซองยาอมส่งให้ บอกว่านี่ยาอมของอาจารย์
เวลาเที่ยงนิดๆนพ. สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐกับ อ. วิมมาเยี่ยมได้คุยกันเรื่องการประชุมยกร่างนโยบายของม.มหิดลต่อการพัฒนาระบบบริการสุขภาพของประเทศที่จะมีบทบาทขับเคลื่อนให้ระบบมีความสมเหตุสมผลไม่สิ้นเปลืองมากโดยได้ผลต่อสุขภาวะน้อยอย่างระบบของสหรัฐอเมริกา
เวลา ๑๗น. สาวน้อยลงไปซื้ออาหารเย็น ตั้ม ลูกคนเล็ก มาเยี่ยมพร้อมของกินหลายอย่าง ผมมีโอกาสคุยเรื่องชีวิตการงานของเขา ซึ่งเป็นชีวิตทางเลือก ไม่ดำเนินตามความนิยมโดยทั่วไปที่เน้นความมั่นคงในการสร้างฐานะ แต่เน้นการทำงานแก้ไขปัญหาสังคมภาพใหญ่ จากการกระทำ (ที่เน้นการเป็นนักวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์สังคม) ของคนเล็กคนน้อย โดยเขาค้นพบวิถีการทำงานแนวจิตวิญญาณ ซึ่งกว้างกว่าศาสนา และเข้าไปเป็นแนวร่วมกับนักสังคมศาสตร์ ซึ่งอุดมคติส่วนหนึ่งของเขาก็เหมือนกับตัวผมเองในช่วงอายุ ๓๐ ปี ที่แสวงหาการทำงานเป็น change agent ของสังคม แต่ผมทำงานอยู่ในระบบ ในขณะที่ตั้มไม่ยอมเข้าระบบ แม้จะมีหลายสถาบันชักชวน ผมดีใจที่เขาบอกว่าพอจะมีรายได้เลี้ยงตัวได้ ไม่ขัดสน และมีความเชื่อว่า เขามีสติปัญญาที่จะเรียนรู้ ปรับตัว และหาทางดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จในการทำประโยชน์ต่อสังคม และชีวิตของตนก็มีความสุข อย่างที่ผมได้เสี่ยงเผชิญ และได้รับผลดีมาแล้ว
ตกค่ำท่านคณบดี ศ. นพ. อุดม คชินทร มาเยี่ยม เล่าเรื่องการไปร่วมประชุม Rim Chao Phya Research Forum เมื่อวาน เราคุยกันเรื่องการวางยุทธศาสตร์ให้ศิริราชทำประโยชน์ต่อสังคมในเชิงระบบ และเชิงนโยบาย ของระบบสุขภาพของประเทศ
หลังผ่าตัดพยาบาลมาหยอดตา วัดความดันโลหิต อุณหภูมิ และชีพจร ปกติทุกอย่าง และถามว่าเจ็บไหม ผมไม่เจ็บเลย ไม่ต้องกินยาแก้ปวดเลยหลังผ่าตัด ฝีมือของ อ. หมอโสมนัส เยี่ยมจริงๆ
แต่ตกบ่ายแก่ๆ ยาชาที่ตาคงจะหมดฤทธิ์ ผมรู้สึกว่าผ้าปิดตามันครูดกระจกตาเวลาผมลืมตาและหลับตาหรือกระพริบตา คงจะเป็นเพราะตอนเอาผ้าปิดตาตาของผมยังเปิดอยู่ จึงบอกพยาบาล พยาบาลบอกว่าต้องรายงานหมอ พยาบาลไม่มีสิทธิ์เปิดตาถ้าหมอไม่สั่ง ในที่สุดแพทย์ประจำบ้านปี ๒ มาดู และบอกว่าต้องรายงานอาจารย์ ในที่สุดมีหมอผู้หญิงที่ผมเดาว่าเป็นเฟลโล่ว์ ได้รับคำสั่งจาก อ. หมอโสมนัส ให้มาเปิดตา และปิดใหม่ จึงเรียบร้อย
ผมบอกกับหมอที่มาดูทั้งหลายว่า ตาซ้ายเห็นมีขยะเป็นฝุ่นเล็กๆ ลอยอยู่ และมีเงากลมๆ สีดำ ขยับไปมาเวลาผมหันหน้าไปทางซ้ายขวา และเวลาไปเข้าห้องน้ำมีไฟนีออนอยู่ข้างหน้า เงากลมๆ คล้ายเหรียญเจาะรูจะเป็นสีแดงเลือดนกสวยงาม อาการเหล่านี้เพิ่งเกิดขึ้นตอนบ่าย ได้รับคำบอกว่า พรุ่งนี้อาจารย์หมอโสมนัสจะมาตรวจพร้อมกับตรวจผลการผ่าตัดตาขวา
วิจารณ์ พานิช
๒๐ ก.ค. ๕๕
ฟังเพลงหลังผ่าตัด
ขอให้อาจารย์หมอหายไว ๆ นะครับ ;)...
แวะมาเฝ้าใข้อาจารย์ครับ ขอให้อาจารย์หายเร็วๆนะครับ
ด้วยความเคารพรัก
*หวังว่าเราจะได้พบกันในวันประชุมคณะกรรมการ CSR ที่ SCB ในวันที่ ๒๘ นี้
น้องดร.จันทวรรณ ปิยะวัฒน์ มาคุยที่ SCBF เรื่อง Class Start เมื่อวานนี้(16/8)
ขอคุณพระคุ้มครองท่าน อจ. หมอ นะคะ ... หายเร็วๆ ท่านอจ.หมอ อย่าโหมงานหนักนะคะ ท่าน อจ.หมอ พักผ่อนมากๆๆ....อ้าว..หนูไป แนะนำ ท่าน อจ.หมอ...เสียหละนี้...ท่านอจ.หมอ เก่งและแกร่งมากค่ะ เดินทางไกลๆๆ นั่งเครื่องบิน นานๆ ได้เยี่ยมมากจริงๆๆ หนูขอ...ยกนิ้วโป้ง (A+) ให้เลยนะคะ....หายเร็วๆนะคะ...จะได้ไปฟังท่าน อจ.พูดที่ สรพ. อีกนะคะ
ขอบคุณมากค่ะท่านอจ.หมอ
มาเยี่ยมไข้เช่นเคยค่ะ ขอบพระคุณสำหรับ ความรู้ และมุมมองต่างๆของท่านต่อการเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยค่ะ หายในเร็ววันนะคะ
อาจารย์หายเร็วๆนะคะ หนูรออ่านบันทึกอยู่ค่ะ
ขอคุณพระคุ้มครองให้อาจารย์หายโดยเร็วค่ะ ดิฉันคิดว่าอาจารย์เป็นผู้ผลิตอาหารสมองชั้นเยี่ยม ที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านต่างๆขึ้นในสังคมไทยอย่างแท้จริง