“แงงงง ....แแ แม่ ... แงงงง ....” เสียงเล็กๆ ร้องแหลมสูงเหมือนเสียงเด็กน้อยถูกขัดใจลอยทะลุออกไปจนถึงทางเดินด้านหน้าของอาคารหลังหนึ่ง ...
-๑-
ฉันเดินเข้ามาในอาคารหลังนั้นพร้อมเพื่อนชาวญี่ปุ่น เธอเป็นพยาบาลวิชาชีพแต่เดินทางมาเรียนหนังสือในระดับปริญญาโททางด้านการบริหารจัดการสาธารณสุขมูลฐาน ที่สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากที่เธอได้เคยมา Field study ที่นี่มาก่อน และเมื่อใกล้จบการศึกษาเธอได้เปรยกับฉันว่าก่อนกลับประเทศ อยากมาทำงานเป็นอาสาสมัครที่นี่อย่างน้อย ๑ สัปดาห์ และก็ได้พาเธอมาที่นี่ “วัดพระบาทน้ำพุ” วันนั้นฉันได้กราบนมัสการและแนะนำเธอให้ได้รู้จักกับพระอาจารย์อลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมขอให้เธอได้มาช่วยดูแลผู้ติดเชื้อที่นี่ในสัปดาห์ถัดไป ซึ่งแน่นอนว่าพระอาจารย์อลงกตยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีอาสาสมัครมาช่วยท่านดูแลผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก ๑ คน ..
-๒-
“แงงงง ง แงงง งงงง .... แงงงง ...” เสียงร้องระงมยังดังตลอดเวลา หนัก เบา ไปตามเสียงสะอื้น .. มองไปโดยรอบอาคารมีเตียงนอนผู้ป่วยอยู่ ๒๐ กว่าเตียง มีพยาบาล ๒-๓ ท่านที่กำลังดูแลพวกเค้าอยู่ จึงพาเพื่อนชาวญี่ปุ่นไปแนะนำให้รู้จักกับน้องพยาบาลวิชาชีพที่สนิทสนมด้วยเมื่อตอนที่เคยมาเป็นบัณฑิตอาสาสมัครที่นี่ และฝากให้ช่วยแนะนำเพื่อนด้วย แต่ในขณะนั้นสายตายังมองตามหาเสียงร้องเล็กนั้น พบว่ามีเปลเด็กน้อยตั้งอยู่เปลนึง ชะโงกหน้าไปมอง ก็พบเด็กน้อยผอมบาง ผิวคล้ำ ผมร่วงหมด .. สายตาเธอจ้องมองมายังแขกแปลกหน้า แล้วก็ส่งเสียงร้องไห้ต่ออย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย พร้อมชูแขนเล็กๆ ทั้งสองขึ้นอย่างสุดแขน สัญญาณแบบนี้ใครก็บอกได้ว่าต้องการให้ใครอุ้มเธอขึ้นมาสักนิด .. ถามน้องพยาบาลว่าเด็กน้อยเป็นอย่างไรบ้าง เธอบอกว่า แม่เค้าติดเชื้อและเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งแน่นอนว่าเด็กน้อยติดเชื้อเอช ไอ วีมาจากแม่ของเธอ ไม่แปลกใจที่น้องพยาบาลบอกว่า “น้อง .... อายุ ๓ ขวบกว่าแล้วค่ะ” แต่ด้วยอาการที่กำลังเริ่มเข้าสู่ระยะรุนแรงทำให้ร่างกายของเธอเป็นเช่นนั้น .. ฉันมองซ้าย มองขวา ไม่มีพยาบาลคนไหนว่างเลย จึงถามน้องพยาบาลว่าอุ้มน้องเค้าได้ไหม น้องพยาบาลบอกว่าอุ้มได้เลย ชอบซะด้วยสิถ้ามีคนอุ้ม ในขณะที่สวมถุงมือและผ้าปิดปาก เด็กน้อยยังคงร้องไม่หยุด .. เมื่อชะโงกหน้าไปอีกครั้ง มือของเด็กน้อยก็ชูขึ้นมาอีก คล้ายๆ ลูกนกชูคอรออาหารจากแม่นกยังไงยังงั้น จึงรีบอุ้มขึ้นมา โอ้วว! ตัวเบาหวิว แขนมาเกาะไหล่แน่น เสียงร้องไห้ดังลั่นเมื่อสักครู่เงียบลงทันที พาเดินไปทักคุณลุงคนโน้น คุณป้าคนนี้ เธอหัวเราะอย่างสนุกสนานที่ถูกโยกไปมาเบาๆ จนเมื่อน้องพยาบาลพาเพื่อนมาหาจึงวางเด็กน้อยลงเปลไป ปล่อยมือได้ไม่นานก็ร้องไห้จ้าอีก สายตาจ้องมองมาไม่วางตา เพื่อนมองแล้วอุ้มขึ้นมา เด็กน้อยเงียบเสียงลง จึงพาเดินรอบๆ จนดูเธอสบายใจ และคงต้องถึงเวลาที่ต้องให้เธอนอนบนเปลอีกครั้ง คราวนี้ไม่ส่งเสียงร้องแต่หน้าตาบ่งบอกว่าเสียใจน้ำตาปริ่มเต็มดวงตา ....
“บ๊าย บายยนะคะ....” ฉันส่งเสียงพร้อมโบกมือ และรีบเดินออกมาจากอาคารหลังนั้น เพื่อนเอ่ยเบาๆ ว่า “เด็กเพิ่งขาดแม่ คงอยากให้เราอุ้มไปหาแม่ หรือคิดว่าเราคือแม่ของเธอ” สังเกตได้ว่าเพื่อนชาวญี่ปุ่นจมูกแดงๆ มีน้ำตาเอ่อล้นเช่นกัน
เมื่อนึกถึงแม่ของเด็กน้อยที่เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นานและประเมินสถานการณ์เอาเองว่า หนึ่ง เธอคงไม่รู้ว่าเธอติดเชื้อเอช ไอ วี และไม่เข้าใจว่าการแพร่เชื้อไปยังลูกน้อยจะส่งผลอย่างไรต่อไป หรือสอง เธอรับรู้ว่าเธอติดเชื้อเอช ไอ วี แต่เลือกที่จะมีบุตรและเฝ้าดูแลเด็กน้อยจนวาระสุดท้ายของความเป็นแม่ที่พึงจะดูแลไหว ..
ภาพของหลายๆ สถานการณ์ช่วงที่อยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ การได้ดูแลพวกเค้า พูดคุยเป็นเพื่อนกัน ป้อนข้าวป้อนยา การได้เห็นเค้านั่งเหมอมองไปทางด้านหน้าของวัดเพื่อรอบุคคลที่รัก คนในครอบครัวมาเยี่ยมเค้าบ้าง การได้เห็นเค้าได้จากโลก และโรคนี้ไปอย่างสงบ การได้ทำความสะอาดดูแลร่างของเค้าจนกระทั่งขึ้นสู่เมรุ และเถ้ากระดูกได้แพ๊คส่งกลับไปหาครอบครัว หรือแม้กระทั่งเถ้ากระดูกนั้นได้ตีกลับมาที่วัดอีกครั้งหนึ่งเพราะไม่มีผู้รับตามที่อยู่ที่ได้ให้ไว้กับทางวัด ได้ฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง ..
ทราบว่าเด็กน้อยเสียชีวิตขณะที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่วัดพระบาทน้ำพุ แต่ในขณะที่เธอดูแลผู้ติดเชื้อรายอื่นอยู่ เธอเสียใจมาก หัวใจเต้นแรงตลอดเวลา เพราะเธอคิดถึงในวันที่เธอจะมีลูก และถ้าลูกของเธอต้องเป็นแบบนี้ ไม่มีแม่มาดูแล เธอทนไม่ได้แน่นอน หัวใจของความเป็นแม่และหัวใจลูกย่อมผูกพันกันจนชีวิตหาไม่ ..
-๓-
เอดส์ โรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างมากมายมหาศาล แต่เด็กน้อยยังไม่ได้ทำความรู้จักกับโรคนี้ ไม่ได้กล่าวคำต้อนรับเสียด้วยซ้ำไป .. เอช ไอ วี ได้เริ่มกัดกร่อนชีวิตของเธอตั้งแต่ก่อนที่เธอจะถือกำเนิด เหมือนความตายที่เกาะหลังไหล่ไปตลอดประหนึ่งจะคอยเป็นประจักษ์พยานในวาระสุดท้ายของเธอ ถ้าเธอโตพอที่จะเข้าใจในชะตาชีวิต เธอก็คงไม่คิดมอบความผิดนี้ให้กับใคร แม้แต่แม่ของเธอเอง ...
ขอให้ดวงวิญญาณของทั้งสองไปสู่สุขคติและกลับมาเป็นแม่-ลูกกันอีกครั้ง แต่ขอให้เป็นครอบครัวที่เข้มแข็ง มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์พร้อม และมีความสุขที่สุด ..
บันทึกนี้สะท้อนความดีงามของแม่สู่ความกระจ่างใสในหัวใจของลูก...ทักทายความอ่อนเยาว์ของพี่สาวครับผม
สวัสดีครับอาจารย์ ดร.ป๊อบ : แวะมาทักทายและให้กำลังใจกันอย่างรวดเร็วแบบนี้แอบดีใจนะเนี่ยะ ขอบคุณมากครับ ^^
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์พระมหาแล และขอบคุณอาจารย์ ดร.ป๊อบค่ะ
สมาชิกที่ให้กำลังใจ: พระมหาแล อาสโย ขำสุข และ Dr. Pop.
ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย และให้กำลังใจกันค่ะ ^^
สมาชิกที่ให้กำลังใจ: ณัฐรดา, kwancha และ วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--
ขอบคุณค่ะสำหรับดอกไม้ ^^
สมาชิกที่ให้กำลังใจ: noktalay และ นาง นงนาท สนธิสุวรรณ
^_^ อ.เหมียวโดน อ.ขจิต แซว
อ่านเรื่องนี้ด้วยหัวใจหนักอึ้งค่ะ แต่ก็รู้สึกชื่นชมอาสาสมัครทุกท่านที่ทำงานนี้กันอย่างไม่รู้จักเหนื่อย
ขอให้ทั้งสองชีวิตเกิดมาอีกครั้งและใช้ชีวิตที่สวยงามด้วยกันอีกหนนะคะ
ถ่ายทอดได้ดีจังเลยครับ
ไม่ได้ไปกราบนมัสการท่านพระอาจารย์อลงกตนานมากแล้วนะครับเนี่ย
สวัสดีค่ะอาจารย์ปริม
สวัสดีค่ะอาจารย์วิรัตน์
สวัสดีค่ะอาจารย์ศิลา
"เมื่อชะโงกหน้าไปอีกครั้ง มือของเด็กน้อยก็ชูขึ้นมาอีก คล้ายๆ ลูกนกชูคอรออาหารจากแม่นกยังไงยังงั้น "
อ่านบันทึกนี้เหมือนอ่านเรื่องสั้น มองเห็นชีวิต เห็นน้ำตา เห็นการจากพราก
ขอให้ดวงวิญญาณทั้งสองแม่ลูกไปสู่สุขคติเกิด....
สวัสดีค่ะคุณพ.แจ่มจำรัส
เต็มตื้นอยู่ในอก และเห็นภาพอย่างต่อเนื่องตามที่อาจารย์เล่า สิ่งหนึ่งที่สะท้อนเข้ามา คือ เวลาแม้นเพียงสั้น หากเราเอาใจเข้าไปอยู่ใกล้ บางทีอาจเป็นเวลาแห่งความอบอุ่น ในบั้นท้ายชีวิตของใครบางคน ... อนุโมนาบุญกับอาจารย์ และเพื่อนชาวญี่ปุนนะคะ
อาจารย์เป็นแบบอย่างอันดีเสมอในการเป็นจิตอาสาทำเพื่อผู้อื่น สักวันคงมีโอกาสได้ใช้เวลา และร่วมรับรู้สุข ทุกข์ของท่านเหล่านี้บ้าง
ขอบคุณคุณสินีค่ะ ^^