วิธีนี้ชลัญไม่เคยรู้ ได้แต่กำหนดจิต แล้วจิตก็เตลิดเปิดโปงทุกที
อาจารย์พระมหาดิเรก ท่านสอนว่าถ้าทำกรรมฐานวิธีไหนมาแล้ว ยี่สิบปีก็แล้ว สามสิบปีก็แล้ว ยังอยู่เหมือนเดิม
ถ้านั่งเป็นหลับ นั่งแล้วฟุ้ง
น่าจะลองเปลี่ยนเป็นวิธีการนี้ดู ท่านใช้คำว่า หนทางสุดท้าย
อย่างน้อย อาจจะดีขึ้น
เหมือนกับท่านพระอาจารย์ปราโมทย์สอนอยู่เสมอๆว่า
คนเราส่วนมากจะเผลอ (นั่งหลับ, ฟุ้ง)
ไม่เผลอก็เพ่ง (เพ่งมือ เพ่งท้อง เพ่งลูกแก้ว เพ่งลมหายใจ)
เราต้องเป็นผู้ดู แบบว่าดูรูปเห็นนาม
แต่ท่านไม่ได้บอกรายละเอียดต้นๆ แต่ท่านบอกว่าใครทำวิธีไหน ก็ให้ทำไปด้วยความมีสติ
วิธีการทำจังหวะเป็นวิธีหนึ่ง ที่เป็นแบบเป็นแผน เอามาปฏิบัติได้ เห็นได้
เสร็จแล้วจึงค่อยไปต่อยอดแบบของท่านพระอาจารย์ปราโมทย์อีกทีหนึ่ง
ผมว่าน่าจะทดลองดูนะครับ
ขอบคุณค่ะคนบ้านไกล ชลัญจะลองน่าจะได้ผล เพราะว่า คุณหมอที่ รพ.แนะนำให้ชลัญ ฝึกเดินผ่านสิ่งของที่วางเกะกะ เป็นการฝึกสมอง ซึ่งชลัญคิดว่าคงต้องอาศัยสมาธิ วิธีที่คนบ้านไกลบอกนี่ น่าจะใช้หลักการเดียวกันและน่าจะดีกว่าตรงได้สมาธิ ชลัญจะลองฝึกนะค่ะได้ผลอย่างไร จะเล่าสู่กันฟังอีกรอบ ขอบคุณจากใจจริง
ขอบคุณค่ะ ที่นำธรรมะดีๆมาเผยแพร่ ขอให้ผลบุญนี้ย้อนกลับไปยังผู้เผยแพร่ให้พบแต่ความสุขความเจริญตลอดไปเทอญ
เมื่อก่อนขับรถจากบ้านมารพ.๒๐ กว่ากิโลเมตร แต่มารู้สึกตัวว่าขับรถเอาตอนที่ใกล้จะถึงรพ.แล้ว.. ไม่รู้ว่าคิดอะไรไปบ้าง จำไม่ได้
หลังจากที่ไปฝึกปฏิบัติธรรม kunrapee รู้สึกตัวเร็วขึ้นค่ะ รู้ว่ากำลังขับรถ (แต่มันก็วอกแวกบ่อยมาก)
การมีสติกับปัจจุบัน.. เป็นสิ่งที่พอจะได้มาเล็กๆน้อยๆ ขอบคุณค่ะ
สาธุ อนุโมทนาให้กับคนทำวิดีโอด้วยคนครับ
ดีใจมากๆ ที่บันทึกนี้ยังมีประโยชน์อยู่บ้างครับ