คุณอย่างนึกว่ารูปภาพการจังหวะทำมือ นั้นเป็นของธรรมดา ผมเองก็เคยคิดเช่นนั้น เพราะเคยทำมาแล้วสามสี่วันก็เลิก ไม่ทำจริง
แต่ตำราเล่มเล็กๆเล่มเดียวกันนั้น ท่านมหาพรหมา ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่สอนวิปัสสนากรรมฐานแบบวิธีอื่น ที่วัดธรรมมาราม นครชิคาโก ท่านเล่าว่าวันนั้นท่านทำกรรมฐานอยู่ตอนตีสามตีสี่ มีคนมากระซิบข้างหูว่า หลวงพ่อเทียนๆ ท่านทนไม่ไหวต้องลงไปห้องสมุดไปค้นหาหนังสือหลวงพ่อเทียน พบหนังสือเล็กๆบางๆอยู่สี่เล่ม ตอนจบเป็นรูปภาพการทำจังหวะ
ท่านมาลองทำดู สักพักท่านก็พบอะไรแปลกๆ ที่ไม่เคยไม่พบได้เห็นจากการนั่งกรรมฐานแบบอื่นๆ ท่านพบสภาวะธรรมของท่านจริงๆ
ตอนนี้ท่านเป็น พระเดชพระคุณพระราชโมลี (พรหมา สปปญโญ) ปธ ๙ เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส รองเจ้าคณะภาค ๑๐ ท่านไปที่ไหนก็สนับสนุนให้พระ เณรและฆราวาส มาทำจังหวะแบบหลวงพ่อเทียน
เมื่อผมได้ทำจังหวะพอสมควรแล้ว พบว่าวิธีการนี้ง่ายกว่าวิธีการอื่น เพราะไม่ต้องหลับตา ก็เปลี่ยนท่านั่งอย่างไรก็ได้ ขอให้มีความรู้สึกทุกขณะก็แล้วกัน ทำไปจนถึงวันที่หก สติเริ่มดีขึ้น สามารถจะจับความรู้สักที่เข้ามาในจิต ซึ่งเมื่อก่อนนี้ มันเข้ามา มันก็ถึงตัวเลย จะคิดว่า มึงหลอกกูไม่ได้แล้วคราวนี้ (อ่านได้ที่นี่) มันก็ไม่ทันการเสียแล้ว
ถามพระอาจารย์ว่าแล้วผมจะจัดการกับความคิดแย่ๆที่เข้ามาได้อย่างไร ท่านบอกว่าอย่าไปคิดมันก็แล้วกัน เอาสติมาทำจังหวะต่อ
ผมมาพิจารณาปัญหาคาใจของผมนี้มานาน ไม่กล้าจะถามใคร แต่ตอนนี้พอจะได้แนวทาง
นี้เป็นแนวทางของผม
ทำสติด้วยการทำจังหวะให้มากๆ บ่อยๆ
ถ้าความคิดเข้ามา อย่าไปสนใจ ไปปรุงแต่ง เพราะมันจะทำให้ความคิดนั้นมันขยายความไปเรื่อยๆ
ทำจังหวะต่อไป แต่ถ้าอยู่ในระหว่างชีวิตธรรมดา เช่นเพิ่งตื่นนอน ขับรถ ให้ขยับมือ ขยับนิ้ว ถ้าขยับมือขยับนิ้วแล้วยังเอาไม่อยู่ มันจะคิดถึงอยู่อย่างเดียว
ให้ขยับทั้งสองมือ เอาความรู้สึกทางกายสู้ความคิดทั้งมือซ้ายและขวา
พูดง่ายๆก็คือ เปลี่ยนการสัมผัสทางทวารใจ มาเป็นทวารกาย เพราะคนเราจะทำอะไรหลายๆอย่าง พร้อมๆกันไม่ใช่ของง่ายๆ
ท่านเจ้าคุณเสือพระอาจารย์ผม เทศน์ให้ฟังว่า ถ้าไปบิณฑบาตแล้ว เผอิญเห็นผู้หญิงแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าต่าง กามราคะมันเกิดขี้น พุทโธอย่างไรๆมันก็เอาไม่อยู่ ไม่ทันการเสียแล้ว ให้เอาเท้าเหยียบขี้หมาเลย
ที่ "วัดวัดป่าสุคะโต" จ.ชัยภูมิ ก็ใช้วิธีนี้ค่ะ กำหนดจิตให้อยู่ที่การวางมือ.. พระอาจารย์แนะนำว่า ถ้าเราอยู่ในชุมชน ไม่สะดวกที่จะใช้ท่าต่างๆ เราอาจจะกำหนดจิตด้วยวิธี "ใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือมาแตะ-ปล่อย แตะ-ปล่อย แตะ-ปล่อย" ทำไปเรื่อยๆค่ะ
ที่วัดป่าสุตะโต ท่านพระอาจารย์คำเขียนเป็นคนสอนกรรมฐานหรือเปล่าครับ