การนำมูลหรือขี้ไส้เดือนมาใช้ในภาคการเกษตรได้รับความสนใจในกลุ่มเกษตรกรที่ชอบทำการเกษตรแบบปลอดสารพิษเกษตรอินทรีย์และผู้ที่ให้ความสนใจในแนวใกล้เคียงกันนี้อีกเป็นจำนวนมาก จึงมีการจัดจำหน่ายชุดและวัสดุในการเพาะเลี้ยงไส้เดือน และยังมีการโฆษณาว่าต้องคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดี ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงได้ผลผลิตดีมีคุณภาพนำไปใช้ในการย่อยสลายขยะและเศษอินทรีย์ถุต่างๆ เพื่อใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยมูลไส้เดือนทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีราคาแพงและอาจจะสมความเป็นกรดลงไปในดิน ยิ่งถ้าไม่มีการใช้ร่วมกับอินทรีย์วัตถุด้วยแล้วจะยิ่งทำให้ดินแน่นแข็งเป็นดานได้ง่าย
ในอดีตดินที่ไม่ผ่านการทำร้ายโดยการเติมปุ๋ยยาเคมีลงไป เราจะพบเห็นไส้เดือนและสิ่งมีชีวิตเล็กๆ เยอะแยะมากอาศัยอยู่ในดิน สังเกตจากตนเองที่เป็นคนต่างจังหวัดเมื่อเดินลงไปในแปลงนาจะสามารถพบเห็นขุยไส้เดือนริมคันนาหรือเดินไปตามสวนรอบๆ บ้านบริเวณดงกล้วย หรือใต้ต้นมะม่วงใหญ่ๆ แปลงผักสวนครัวก็จะพบเห็นแต่ขุยหรือขี้ไส้เดือนเยอะแยะมากมาย เพียงแต่มีจำนวนลดลงและพบเห็นได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆสวนทางกับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สามารถสร้างสารพิษทุกชนิดให้ปนเปื้อนเลอะเทอะไปหมดทั้งดิน น้ำ อากาศ ล้วนแต่มีสิ่งที่เป็นพิษเจือปนแทบทั้งสิ้น
ทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีประโยชน์ในดินรวมทั้งไส้เดือนด้วยล้มหายตายจากไปจำนวนมาก การที่จะรื้อฟื้นหรือนำมูลหรือขี้ไส้เดือนกลับมาใหม่โดยไม่ต้องเสียตังค์ซื้อก็เพียงแค่หยุดการใช้สารพิษ หยุดการใช้ยาฆ่าหอยเชอรี่ หยุดการใช้ยาฆ่าแมลง หยุดการใช้ยาฆ่าหญ้า และใช้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกหมั่นเติมเสริมลงไปในดินทุกครั้งที่มีโอกาส เพียงเท่านี้เราก็สามารถที่จะทำให้ผืนดินที่ว่ากลับมามีระบบนิเวศน์ที่อุดมสมบูรณ์ทั้งน้ำ พสุธา อากาศ ให้มีความสะอาดหมดจดได้ตลอดไปอย่างยั่งยืน
มนตรี บุญจรัส
ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
ดินดินดิน โถดินต้องสิ้นชีวิต พวกเราหลงเดินทางผิด ราดสารพิษลงสู่พื้นดิน.....ยามเมื่อได้ยินเพลงสะกิดความรู้สึกผิดทุกครั้ง
อ้าว พิมพ์ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วไฉนมาเป็นเลข 1 อยู่หน้าไปได้ล่ะนี่!!!