เรียนรู้จากบรมครูทางธุรกิจ สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง ตอนที่ 5


คนเก่ง คนฉลาด เขาจะรู้ว่าทำอะไรเพื่ออะไร การไม่เอาอย่างคนอื่น แต่อยู่ได้ และดูดีในสายตาคนอื่นได้ เป็นความฉลาดของท่านสวัสดิ์ ที่ไม่เหมือนใคร เป็นการตีโจทย์ความต้องการของชีวิตของคนรวยได้ ว่าไม่ต้องมาแข่งรวยกัน แข่งกันด้วยสมองซิจึงจะรู้ว่าใครแน่ ผมคิดว่าท่านน่าจะคิดอย่างนั้น

@เรียกว่า ต้องมีสติตลอด

ใช่ ผมไม่เคยบวช แต่ผมอยู่ใกล้วัด และอ่านหนังสือมาก ช่วงที่มีปัญหาอยู่ต่อหน้าลูกน้อง เห็นผมอารมณ์ดี แต่ว่า ไม่มีเหตุผลให้เขารู้ว่า เรากำลังจะแย่ กลับไปบ้านต้องมีความสุข ถามว่า หากเมียถามเกิดอะไรแล้วไปบ่น เขาช่วยอะไรได้ ไม่มีใครช่วยได้ มีหนี้เป็นแสนล้านบาท

คนเก่ง คนฉลาด หลายคนเป็นพรสวรรค์  หลายคนเป็นพรแสวง        ทำมากรู้มาก  อ่านมากก็รู้มากยิ่งขึ้น บวชเรียนอยู่ในวัด บางทีก็ไม่เท่าไม่ได้บวชเรียนที่เพียรอ่านหนังสือ อย่างที่ท่านสวัสดิ์บอกเล่า

เท่าที่ที่สังเกต พวกพ่อค้าแม่ค้าธรรมดา ๆ ยกตัวเองขึ้นเป็นนักธุรกิจได้หรือไม่ได้ก็อยู่ที่ความสนใจใฝ่ศึกษา   หากนั่งดูหนังน้ำเน่าทุกวัน ชีวิตก็ต้องเป็นอย่างนั้นร่ำไป   จะถือว่าทำพอกินพอใช้ก็ได้ แต่ต้องถามว่าใช่ไหม  เพราะความก้าวหน้าทางค้าขายก็คือการยกระดับความเป็นพ่อค้าแม่ค้าธรรมดา ๆ  ให้ขึ้นมาเป็นนักธุรกิจ แบบพอเพียงก็ได้ (นี่เป็นการคิดแบบทางโลกนะครับ) เพราะมันก็เป็นความคิดเชิงสร้างสรรค์ ที่ท้าทายให้เลือกได้อย่างหนึ่ง ดังที่ท่านสวัสดิ์ ได้ปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง

อีกเรื่อง  เมื่อมีปัญหา ก็อย่าบ่น เพราะบางทีกไม่มีใครช่วยได้แม้คนใกล้ชิด เช่น ภรรยา สามี  ขอนี้ก็เป็นข้อคิดที่ดี จากมหาเศรษฐีไทย

 3 ปีที่ผมล้มละลาย ผมใช้ชีวิตปกติ ขับรถโรสลอยด์ วันละคัน เพราะว่า ผมรู้ตัวว่า ผมจะต้องล้มละลายตั้งแต่ 1997  พอ 1997 ผมโอนทุกอย่างให้เพื่อน มันยึดหัวใจรถรักทุกคัน แต่ยังจอดที่เดิมบ้านผม และผมขับทุกวัน แต่ชื่อเพื่อน ผมโอนก่อนที่เจ้าหนี้จะฟ้องผม เจ้าหนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมก็แรดได้ทั้งวัน ใช้ชีวิตตามปกติ ลูกผมตอนนั้นก็เรียนเมืองนอก แล้วลูกน้องชายที่สร้างมากับผม ทิ้งลูกไว้ 4 คน เมียเป็นแม่หม้ายผมก็ต้องดูแล เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่จะมานั่งเหมือนจะตาย  หนี้เป็นแสนกว่าล้านบาทไม่มีใครช่วยเราได้ ไม่มีความจำเป็น

ความรู้จริงในสิ่งที่ทำ และสิ่งที่เกี่ยวข้องที่ต้องอาศัยการอ่าน การรับฟังจากผู้คนรอบข้าง แล้วนำมาพิจารณาเลือกใช้   ก็ทำให้อยู่รอดได้  เจริญก้าวหน้าได้ นี่เป็นบทเรียนที่ได้จากท่านสวัสดิ์  ท่านไม่ได้รู้การค้าขายอย่างเดียว  รู้กฎหมาย รู้จักนักการเมืองในประเทศ ต่างประเทศ และสารพัดรู้  ท่านจึงสู้ชีวิตมาได้

แม้ว่า คุณจะเศร้าจริง ๆ แต่งตัวมอซอ ออกจากบ้าน ใครเขารู้ว่า ผมมีหนี้แสนกว่าล้านบาท นี่น้ำตาจระเข้ แกล้งจน ทำมันดี ๆ เป็นหนี้แสนกว่าล้านบาท ยังใส่นาฬิกาปาเต๊กเรือนละ 10 กว่าล้านบาท มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ไม่ต้องดัดจริตไป ต้องเข้าใจเราซื้อเป็นรางวัลกับตัวเองตอนเรารวย หุ้นเหมราชตอนนั้นขึ้น 300 กว่าบาท ตอนนี้เหลือ 2 บาทกว่า วันที่ล้มละลายเหลือ 10 สตางค์ แล้ววันนี้จนกลัวทำไม ถูกหรือไม่ ทุกอย่างเราซื้อตอนเรารวย ถ้าซื้อตอนนี้เขาด่าแน่

ข่าวที่เกี่ยวข้องคลิกที่นี่:สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง เปลือยชีวิตเนี๊ยบๆ- สู่ฝันอันยิ่งใหญ่แบบเจ้าพ่อ วิพากษ์เพื่อนชื่อทักษิณ

หากคลิ๊กตัวแดงข้างบนนี้ก็จะได้ ข้อความข้างล่างนี้ครับ

วันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555   เวลา  22:30:16
มติชนออนไลน์

หากเอ่ยถึงคนอายุ 70 กว่าปี หลายคนคงนึกถึงคนแก่สูงวัย ที่เปรียบเสมือนไม้ใกล้ฝั่ง

แต่เชื่อหรือไม่ ชายอายุกว่า 70 ปีคนหนึ่งยังคง“ฟิตปั๋ง” ยังปิ๋ง ยังซิ่ง ยังซ่าส์

เดินไปไหนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้สาว ๆ ต้องเหลียวหลังมอง
ถึงกับเล่นเอาหนุ่ม ๆ สไตล์เกาหลียุคใหม่ หลายคนต้องหลบมุมให้เลยทีเดียว
หลายคนคงอยากรู้แล้วว่า เขาเป็นใคร ทำอย่างไรถึงมีบุคลิกภาพที่ดี มีสุขภาพกาย สุขภาพใจแข็งแรง

ข้างบนนี้เป็นความคิดเห็นของผู้สื่อข่าวมติชนที่ไปสัมภาษณ์ ที่ยกย่องท่านสวัสดิ์ ที่น่าสนใจก็คือ เรื่องบุคลิกภาพของท่านสวัสดิ์ที่ได้รับการยกย่อง

พ่อค้าแม่ค้าโดยทั่วไป  แสดงออกถึงอะไรบางอย่างผ่านการแต่งกายให้เห็นว่า เป็นคนที่ขาดความมั่นใจในกิจการของตัวเอง  ด้วยการแต่งเนื้อแต่งตัวแบบมอซอ  จนอาจทำให้ถึงกับหงอที่จะพูดกับผู้คน และลูกค้า   ที่มากับฟอร๋มโต  โปรดอย่าลืมว่าคนที่ไปซื้อไปหา เขาต้องการไม่เพียงเฉพาะสินค้า  เขาต้องการอะไรที่เหนือกว่าด้วย  นั่นคือ ความมั่นใจ    ในตัวเองของพ่อค้า แม่ค้า ที่ออกมาอย่างฉะฉานในเรื่องสินค้าและมารยาทดีที่พึงมีกับลูกค้า   ถ้าพัฒนาตัวเองในเรื่องบุคลิกภาพได้ก็เป็นอีกทางที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ แม้จะไม่เท่าท่านสวัสดิ์ก็ตาม

แถมความคิดภายในหัวสมองยังโลดแล่น ผุดโปรเจ็คระดับหมื่นล้านแสนล้านบาทได้ทุกวัน

มีมุมมองทางด้านการลงทุนในพม่า ในภูมิภาคอาเซียนอย่างน่าสนใจ ที่สำคัญมองการเมืองไทยวันนี้ อย่างเป็นห่วงอนาคตลูกหลานไทยอย่างไรบุคคลที่กำลังจะเอ่ยถึงวันนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง"เจ้าพ่อนักวางแผน นักพัฒนาที่ดิน ที่แม้เคยเป็นบุคคลล้มละลายนาน 3 ปี แต่วันนี้บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด(มหาชน)กำลังกลับมาผงาดติดลมบนในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างน่าติดตามยิ่ง

@ปัญหาคือ เราแต่งตัวดีกว่าเจ้าหนี้อีก เจ้าหนี้ไม่หมั่นไส้หรือ

ไม่ เจ้าหนี้ทราบตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ส่วนมากรู้จักกันตั้งแต่รุ่นพ่อผม ทำโรงงานน้ำตาล เห็นมาตั้งแต่วัยรุ่น เพราะว่าผมชอบ ผมไม่ได้ชอบของแพง อย่างเรื่องการซื้อรถ ผมไม่เคยซื้อรถใหม่เลยในชีวิต แต่ลูกน้องผมใช้เบนซ์ใหม่
ผมชอบทำตัวให้”น่าหมั่นไส้” คุณรวย ผมก็รวย หากคุณ และผมซื้อรถเฟอร์รารี่ใหม่รุ่นเดียวกัน ต่างคนต่างมี ไม่มีใครมองใคร แต่ผมจะซื้อเฟอร์รารี่รุ่นเมื่อ 50 ปีก่อน ราคาวันที่ซื้อไม่แพง และรถรุ่นเก่าทุกคัน ผมจะมีโมเดลทั้งหมด ของพวกนี้อยู่ที่คุณชอบ ถ้าไม่ชอบมันจะเป็นภาระ

สมมุติคุณขับรถเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ ผมขับเฟอร์รารี่รุ่นเก่า 40-50 ปีก่อน ผมถามว่า หากขับไปกลางถนน 2 คัน คู่กัน คนทั่วไปจะมองรถเก่าด้วยความทึ่ง และถามว่า ดูแลรถเก่าอย่างไร ถึงยังขับได้ ส่วนใหญ่ไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์เป็นเศษเหล็ก แต่รถผมขับได้ทุกคัน

คนเก่ง  คนฉลาด เขาจะรู้ว่าทำอะไรเพื่ออะไร  การไม่เอาอย่างคนอื่น แต่อยู่ได้ และดูดีในสายตาคนอื่นได้ เป็นความฉลาดของท่านสวัสดิ์  ที่ไม่เหมือนใคร  เป็นการตีโจทย์ความต้องการของชีวิตของคนรวยได้ ว่าไม่ต้องมาแข่งรวยกัน  แข่งกันด้วยสมองซิจึงจะรู้ว่าใครแน่  ผมคิดว่าท่านน่าจะคิดอย่างนั้น    

จบตอนที่ 5

มีต่อตอนที่

หมายเลขบันทึก: 496693เขียนเมื่อ 31 กรกฎาคม 2012 13:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม 2013 09:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท