เช้าวันนี้พอถึงเวลาแปดโมงตรง ผมก็เปิดดูรายชื่อพนักงานที่สแกนเข้างานมาตามปกติว่ามีใครหยุดบ้าง เพื่อจะได้แจ้งหัวหน้าทีมของแต่ละส่วนให้ทราบและวางแผนงานในแต่ละวัน
และหลังจากนั้นก็จะรอรับโทรศัพท์จากพนักงานคนที่ไม่ได้ลาล่วงหน้าไว้เพื่อรับทราบว่าพวกเขาหยุดด้วยเหตุฉุกเฉินจากเรื่องอะไร หากป่วยก็จะมีใบแพทย์มายืนยัน หากฉุกเฉินเรื่องอื่นๆก็จะรับเรื่องไว้เป็นกรณีๆไป
เช้าวันนี้ก็เช่นกันมีพนักงานคนหนึ่งชื่อ โต หยุดงานติดต่อกัน 7 วัน โดยโทรมาล่าสุดวันจันทร์ที่16 บอกป่วยปวดหลังหมอให้หยุด วันนี้เขาสแกนเข้างานมาและผมกำลังรอดูใบแพทย์ที่เขาจะต้องเอามาอ้างแน่ๆ
...............
ช่วงที่ โต หายไปเพื่อนร่วมงานเข้าใจว่าเขาออกงานไปแล้ว หัวหน้าทีมเองก็ยุให้ผมแจ้งฝ่ายบุคคลว่าควรจะแจ้งยกเลิกสัญญาจ้างไปเลย เพราะปกติจะหยุดงานบ่อย และประวัติเก่าก่อนผมยังไม่ย้ายมาอยู่ที่แผนกนี้ก็โดนหนังสือเตือนไป 2 ครั้งแล้ว
เอาเป็นว่าประวัติการทำงานไม่ดีเอาเสียเลย โอกาสที่จะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำไม่ต้องพูดถึง หากทำงานแล้วหยุดบ่อยๆก็เป็นภาระต่อคนอื่นร่ำไป
"แล้วจะเอาไว้ทำไม" ผมคิดในใจ
"เปิดใบสมัครไว้รอเลยพี่" หัวหน้าทีมยุ
ระหว่างที่ยืนคุยกันอยู่นั้นแฟนของโตก็เดินผ่านมาพอดี เธอท้องหกเดือนแล้ว หัวหน้าทีมกระซิบบอกผม ท้องเธอใหญ่มากจนเดินดูอุ้ยอ้ายผ่านไปอย่างเชื่องช้า
...........
หลังแปดโมงหัวหน้าทีมก็พาโตมาพบผมที่โต๊ะ โตถือเอกสารมายื่น 2 ใบ เป็นใบรับรองแพทย์ที่กรุงเทพฯใบหนึ่ง ต่างจังหวัดอักใบหนึ่ง
"นี่ไม่สบายยังเดินทางกลับต่างจังหวัดอีกเหรอ"ผมเริ่มซัก
"พอดีไปทำธุระด้วยครับ"โตชี้แจง
"หมอให้หยุดรวมสี่วันนะแต่เราหยุดเกินอีกสามวัน จะให้ทำยังไง"ผมต่อ
"ก็แล้วแต่พี่"
"ที่จริงพี่มีสิทธ์แจ้งยกเลิกสัญญาเราได้นะ หยุดงานติดต่อกันเกินสามวันโดยไม่แจ้ง"
"ก็แล้วแต่พี่"
"แล้วถ้ากลับมาทำงานจะทำไหวเหรอ ในเมื่อปวดหลังอย่างนี้ จะไปทำตรงไหนที่ไม่ต้องยกของหนัก"
"ก็แล้วแต่พี่"โตยังพูดคำเดิม
"ก็แล้วแต่พี่ได้ยังไง"ผมทวน "ชีวิตของเรา ลูกเมียของเราใครจะเลี้ยงดูหรือว่ารวยมีเงินเป็นถุงเป็นถัง ออกงานไปจะทำอะไรวางแผนไว้ยัง"ผมร่ายยาวและเริ่มมีอารมณ์นิดๆ ขณะที่หัวหน้าทีมนั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ
"แล้วลูกเราในท้องคลอดเดือนไหน" ผมต่อ
"เดือนพฤศจิกา ครับ"
ผมนึกถึงอีกสามเดือนที่ลูกของเขาจะลืมตามาดูโลก ขณะที่เขาเองตกงานแล้วเขาจะดูแลเลี้ยงดูกันยังไง แต่เขาอาจจะได้งานใหม่ก็ได้ รายได้ก็พอๆกันไม่น่าจะวิตกแทนเขาหรอก งานสมัยนี้หาง่ายจะตาย ผมเริ่มเถียงกับตัวเอง
"เราเหลือวันลาพักร้อนได้กี่วัน"
"สองวันครับ"
ผมเปิดดูประวัติในคอมฯโตเหลือพักร้อน 4 วัน
"เหลือสี่วันนี่ นี่แกหยุดโดยไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองเหลือพักร้อนกี่วัน"ผมบ่นต่อ
"แต่คงใช้พักร้อนไม่ได้หรอก เพราะมันผิดระเบียบ สามวันที่หยุดไปคงต้องหยุดแบบยินยอมไม่รับค่าจ้าง และต้องได้รับหนังสือเตือนอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และหากเกิดกรณีอย่างนี้อีกคงไม่ต้องเตือนกันอีกแล้วนะ"
"ก็แล้วแต่พี่"
ผมมองหน้าหัวหน้าทีมที่นั่งอมยิ้มอยู่ข้างๆ
หลังจากผมร่ายยาวไปพักใหญ่จนดูเหมือนผมจะเหนื่อยเพราะพูดมากเกินหรือคิดมากเกินก็ไม่ทราบ ผมบอกหัวหน้าทีมให้หางานที่เบาๆให้โตทำไปก่อน จนกว่าจะหายจากการปวดหลัง
..........
เย็นวันนี้ผมเห็นโตเดินวางเอกสารใบคุมสินค้าตามพาเลท ใกล้ๆกับโต็ะทำงานแฟนของเขาซึ่งอยุ่อีกแผนกหนึ่ง ดูเขาเงียบกว่าวันก่อนๆที่เคยเห็น
ผมนึกขอบคุณหัวหน้าทีมที่เข้าใจหางานที่ทำให้เขาดูมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆลูกเมียของเขา ...
กับลูกน้องบางคนเราก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันนะ เหือนมีอะไรในใจแต่ไม่กล้าบอกเรา จริงๆเราอาจช่วยเขาก็ได้ก็เป็นได้ หรือว่าเรายังไม่น่าไว้ใจพอก็ไม่รู้
ขอบคุณพี่ใหญ่ แห่งวงการครับ....
ขอบคุณท่าน วอญ่า ครับ
ละเอียดอ่อนค่ะเรื่องแบบนี้
นึกถึงหลานชายค่ะ ตอนอยู่บ้านถามว่าจะกินอะไร แล้วแต่น้าละกัน จะออกไปไหนกันดี แล้วแต่น้าละกัน จะเรียนสาขาใดดี แล้วแต่น้าละกัน ตอนนี้เรียนจบแล้ว หวังว่าคงไม่ไปตอบในทำนองเดียวกันกับที่คุณพิชัยเล่าในที่ทำงานค่ะ
สวัสดีบ่ายวันพุธค่ะ :)