วัดถ้ำญาณสังวร



พระอุโบสถ พระประธานในอุโบสถ

วัดถ้ำญาณสังวร ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ ๙ บ้านถนนโค้ง ตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี (บริเวณเชิงเขา ในบริเวณเนื้อที่ของนิคมสร้างตนเอง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี) ซึ่งประวัติความเป็นมาของถ้ำนี้ (นายพิมพา วงศ์นคร ซึ่งเป็นครูผู้บุกเบิก และพัฒนาที่ดินในบริเวณนี้เป็นผู้บอกเล่าและเป็นผู้จดบันทึก) ข้าพเจ้านายอานนท์ ภาคมาลี ต้องกราบขออนุญาตท่านอาจารย์พิมพา วงศ์นคร ที่นำข้อมูลของอาจารย์มาเผยแพร่ความเป็นมาและความรู้สืบต่อไป

ในวันที่ ๑๖ เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๗ ข้าพเจ้านายพิมพา วงศ์นคร ได้มาประจำอยู่จังหวัดสระบุรี เป็นครั้งแรก ที่วัดหาดสองแคว ตำบลท่าคล้อ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ต่อมาก็ย้ายมาประจำที่วัดหินซ้อนใต้ หรือเรียกชื่อว่า วัดราษฏนิยม ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งขึ้นใหม่ภายในตำบลหินซ้อน แห่งนี้ เมื่อวันที่ ๑๒ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๗๘ กุฏิในวัดแห่งนี้เป็นกุฏิที่เก่า และทรุดโทรมมาก ข้าพเจ้านายพิมพา วงศ์นคร จึงชักชวนชาวบ้านในแถบนั้นช่วยกันตัดไม้ในป่ามาปลูกสร้างกุฏิใหม่ขึ้น พื้นที่ในบริเวณแถบนี้ เป็นที่โล่งไม่มีผู้คนอาศัยเลย มีช้างป่า หมี เสือ กวาง และสัตว์อื่นๆมากมายมาอาศัยอยู่ ข้าพเจ้านายพิมพา วงศ์นคร เดินทางเข้าไปในป่าเรื่อยมาเข้าไปจนถึงเขาลูกหนึ่งก็เผอิญเป็นเวลาเย็น ข้าพเจ้าสังเกต เห็นว่าบริเวณแถบนี้มีค้างคาวบินไปมาจำนวนมาก จึงทำให้คิดว่าในเขตนี้ต้องมีถ้ำ อยู่ในภูเขาแห่งนี้เป็นแน่ ข้าพเจ้านายพิมพา วงศ์นคร สนใจภูเขาลูกนี้เพราะถ้ามีถ้ำอยู่จริงและเป็นที่อยู่ของค้างคาวแล้ว ย่อมจะเอามูลค้างคาวมาขายได้ วันพระต่อมาเป็นวันหยุดเรียน ข้าพเจ้าจึงมีโอกาสไปสำรวจภูเขาแห่งนี้อีก ก็พบปากถ้ำเล็กๆ พอที่จะก้มคลานเข้าไปได้ ข้าพเจ้ากับพวกก็คลานเข้าไปสำรวจ เมื่อฉายไฟเข้าไปในถ้ำ ก็เห็นพวกสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในถ้ำเช่นเลียงผา กระโจนแตกตื่นออกมาทางปากถ้ำเป็นจำนวนมาก ข้าพเจ้าพบมูลค้างคาวเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบวัตถุโบราณ เช่นที่ใส่มวยผม สมัยทวาราวดี กำไร และต่างหู พร้อมทั้งพระบูชา และพระเครื่อง ตลอดจนเครื่องใช้ต่างๆ อีกมายมาย ยังปรากฏกระทั่งทุกวันนี้

ในปี พ.ศ.๒๔๙๕ ข้าพเจ้านายพิมพา วงศ์นคร ได้จ้างคนงานมาปรับพื้นที่ เพื่อมี่จะทำไร่ เช่นข้าวโพด ถั่ว และพืชอื่นๆ เมื่อพืชเจริญงอกงามก็มีสัตว์ป่าในแถบนั้นมารบกวนเสมอๆ ข้าพเจ้ามีคนงานประจำไร่ ๖ คน เพื่อที่จะดูแลและเป็นเวรยามในเวลากลางคืน

ในคืนวันหนึ่งเป็นวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ ข้าพเจ้ามาเข้าเวรตอนกลางคืน ประมาณเวลาเที่ยงคืน ข้าพเจ้าได้บ่ายหน้าไปทางถ้ำ ที่ข้าพเจ้าพบ ได้พบสิ่งประหลาดที่เพิ่งเคยเห็น และพบครั้งแรกในชีวิต สิ่งประหลาดนั้นก็คือแสงสว่างเรืองๆเหนือภูเขาลูกนี้ ชั่วครู่ต่อมามีแสงพุ่งไปในอากาศเป็นลำแสง เช่นเดียวกับพลุ ลำแสงนี้พุ่งไปสูงมาก แล้วก็โค้งลงไปทางเขตอำเภอมวกเหล็กในปัจจุบัน ลำแสงนี้ปรากฏอยู่จนถึงประมาณตี ๕ ก็หายไป ข้าพเจ้าประหลาดใจอยู่มาก รุ่งเช้าจึงมาสอบถามคนงานที่เฝ้าไร่ก็ไดความว่า เห็นลำแสงเช่นเดียวกันกับข้าพเจ้าเห็นแต่เฉพาะวันพระเท่านั้น

๑๐ ปีต่อมา ประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๗ มีพระภิกษุองค์หนึ่งมาจากวัดเขาพระมาจำพรรษาอยู่ในถ้ำแห่งนี้ รวม ๓ องค์ มีองค์หนึ่งเป็นพระภิกษุสูงอายุ ท่านเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าท่านนั่งสมาธิในถ้ำแห่งนี้ ในวัดพระคืนหนึ่งมีลูกแก้วกลมมีแสงสว่างลอยมาอยู่ในระดับเพดานถ้ำตรงมายังที่ๆท่านนั่งสมาธิอยู่แล้วก็หายไป หลังจากนั้นอีก ๒ ปีท่านก็ย้ายไปเพราะอาพาธ

ในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ พระสุขสุทธะสโร พระกิ่ง ภาวิโต นางกิมฮวย กลิ่นกลัก วันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๑๓ จากการสันนิษฐานและมีการจารึก ด้วยแรงศรัธาได้มาก่อสร้างฐานและสร้างพระองค์ดำในถ้ำโดยแบกหิน ปูน เหล็ก ทรายและน้ำขึ้นไปทุกวัน จนสร้างแล้วเสร็จ

ในปี พ.ศ.๒๕๑๔ ก็มีข่าวลือว่ามีเหล็กไหลในถ้ำญาณสังวรแห่งนี้ มีคณะอาจารย์ซึ่งตัดเหล็กไหลได้ มาจากสุโขทัยบ้าง นครสวรรค์บ้าง ประมาณ ๑๕ คน และพวกเขาเหล่านั้น ก็ให้ข้าพเจ้านำไปหาเหล็กไหลแห่งนี้ โดยใช้น้ำผึ้งล่อ ปรากฏว่าไม่พบ แต่คณะอาจารย์บอกว่าลักษณะหินในถ้ำแห่งนี้น่าจะมีตัวถ้ำกว้างใหญ่มาก อาจจะค้นพบยากสักหน่อย จึงเป็นล้มเลิกไม่หากันอีก

ในปี พ.ศ. ๒๕๑๖ มีพระอาจารย์สายกับโยม ๘ คนซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณถ้ำ (๑.ชื่อลุงเชื้อ ศรีไพศาล ครอบครัวคือป้าบุญมี ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ ๒.ลุงผู้ใหญ่คูณ ธรรมวิเศษ ๓.ลุงเหลือ ศรีไพศาล เป็นครู ๔.ลุงผู้ใหญ่สำลี วงษ์ท้าว ครอบครัวคือป้าสำรวย ยังมีชีวิตอยู่ ๕.ลุงบุญจันท์ บุญเสนา ครอบครัวคือป้าพูล ยังมีชีวิตอยู่ ๖.ลุงห่อน โสดา ครอบครัวคือป้าสิน ๗.ลุงมืด นาคบำรุง ๘.ลุงสอ รีเรืองชัย) มาที่บ้านข้าพเจ้า(นายพิมพ์พา วงศ์นคร) แสดงความจำนงจะมาประจำอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ ท่านอาจารย์สาย ท่านนี้เป็นผู้นำความเจริญมาสู่แถบนี้ เพราะท่านอุทิศทั้งกำลังกาย กำลังความคิดและทุนทรัพย์ในการพัฒนาด้านความเจริญ พร้อมด้วยความร่วมมือร่วมใจจากผู้มีจิตศรัทธา ผลงานที่ปรากฏให้เห็นประจักษ์ได้แก่ กุฏิ ๒ หลัง แบบถาวร และหลังที่ ๓ กำลังเริ่มฐานได้ศาลา ๑ หลัง ตัดถนนได้ระยะ ความยาวประมาณ ๘ กิโลเมตร ท่านอาจารย์สายก็ได้เป็นกำลังในปฏิบัติงาน และก่อสร้างต่อ พระหลวงพ่อองค์ดำประธานประดิษฐ์ฐานไว้ในถ้ำ พร้อมด้วยผู้สนับสนุน คือผู้ปกครองนิคมพระพุทธบาท คุณหมอเผ่า บุบผาชาติ และนายสาลี มาไพศาล กำนันตำบลหินซ้อน พระครูนิรันเสละคุณ เจ้าคณะหมวดหินซ้อน วัดหินซ้อนใต้ และสมาชิกนิคม ในเขตตำบลหินซ้อน อาจารย์สายจำพรรษา ๖ พรรษา มีการบันทึกรายละเอียดไว้เท่านี้จากอาจารย์พิมพา วงศ์นคร และจากการสอบถามและหาข้อมูลเชิงลึกต่างๆของข้าพเจ้านายอานนท์ ภาคมาลี กับผู้สูงอายุที่ยังมีชีวิตอยู่พอจะประติดประต่อเรื่องราวต่างๆ


สมเด็จพระญาณสังวรฯ บริเวณปากทางเข้าถ้ำ

ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ สมเด็จพระญาณสังวร (ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระญาณสังวร พระสังฆราช องค์ปัจจุบัน) และท่านเจ้าคุณพระธรรมดิลก พร้อมผู้ติดตามสองคนได้แวะมาเยี่ยมและพักค้างที่ถ้ำแห่งนี้ ๗ คืน โดยหมอเผ่า บุบผาชาติ และผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองนายสำเภา เดชาวุฒิ เป็นผู้พาท่านมา โดยนายสำลี วงษ์ท้าว เป็นผู้รับใช้และปรนนิบัติในการเป็นผู้คอยดูแลพร้อมชาวบ้าน ที่อยู่ใกล้บริเวณวัดคอยดูแลรับใช้ท่าน สมเด็จพระญาณสังวรเข้าพักค้างคืนในถ้ำ นั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน ไม่สามารถนั่งได้ตลอดทั้งคืน ตอนเช้าจึงเล่าให้ผู้ติดตาม ทั้งสามท่านว่า พระแม่จันทร์เทวีมารบกวน ขอน้ำร้อน เพราะไม่มีใครนำน้ำมาให้กิน จากคำบอกเล่าของนายสำลี วงษ์ท้าว (ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่) สมเด็จญาณสังวร นั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐานที่เจดีย์พระธาตุ พระอรหันต์ จนครบ ๗ วัน จึงเดินทางกลับโดยหมอเผ่า บุบผาชาติ และนายสำลี วงษ์ท้าว ได้ถวายกำไลข้อเท้าขนาดใหญ่สองวง และหัวพญานาค ๑ หัว เป็นเนื้อทอง เพื่อนำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ในช่วงเวลาที่สมเด็จพระญาณสังวรมาจำวัดอยู่ในถ้ำ พลตรีแวว ตะเกิงพล ผู้บัญชาการศูนย์การทหารม้าสระบุรี และคุณหญิงภรรยา นำอาหารมาถวายที่ศาลาด้านล่าง และนำทหารสารวัตรมาอารักษ์ขา และต่อจากอาจารย์สาย คืออาจารย์สิงห์ และอาจารย์เล็ก รับตำแหน่งเจ้าอาวาส เดิมวัดแห่งนี้ชื่อวัดถ้ำเกศแก้วพิศดาล ตั้งอยู่ในพื้นหมู่ ๕ บ้านซับม่วง ตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันแยกมาเป็น หมู่ ๙


พระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต (พระครูวรญาณสุนทร)

ในปี พ.ศ.๒๕๓๐ พระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต (พระครูวรญาณสุนทร) เดินธุดงค์มาและได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสและขออนุญาตสมเด็จพระญาณสังวร ตั้งเป็นชื่อวัดถ้ำญาณสังวรมาจนถึงปัจจุบัน และ พระครูประกาศพุทธพากย์ (พระสมพร กตวโร ปธ.) วัดมงกุฎกษัตริยราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ นำพระนวกะ จำนวนเป็นร้อยขึ้นไปมาสร้างทางขึ้นไปบนถ้ำ และช่วยก่อสร้างศาลาและปลูกต้นไม้เป็นจำนวนมาก และนำต้นมะขามหวานมาจากจังหวัดเพชรบูรณ์ มาปลูกไว้เป็นแถวยังคงให้ในปัจจุบัน พระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต(พระครูวรญาณสุนทร) เป็นคนรักษาต้นไม้บริเวณนั้นและห้ามใครมาตัดหรือทำลายต้นไม้โดยเด็ดขาด เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๐ อายุ ๗๔ ปี ๑๖ พรรษา และมรณภาพวันที่ ๒๕ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๖ รวมอายุ ๘๐ปี ๒๒ พรรษา

พระธาตุ พระอรหันต์ ความเป็นมาจากคำบอกเล่าของคุณสกรรจ์ สุทธิโรจน์ (พี่หมู) บอกว่าพระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต(พระครูวรญาณสุนทร)ขึ้นไปบนถ้ำและได้ชวนพี่หมู ขึ้นไปและให้เอาภาชนะถังพลาสติกที่ใส่สังฆทานมาถวายวัด ขึ้นไปประมาณ ๑๐ ใบ โดยพระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต(พระครูวรญาณสุนทร) ได้ให้พี่หมู ขุดหลุม โดยใช้มือโกยพื้นดินในถ้ำ เป็นหลุมเล็กๆลึกไม่มาก และเอาใส่ถังที่เตรียมมาทั้งหมดจนเต็ม และนำกลับมาที่ศาลา และมาเลือกเอาพระธาตุออกจากดิน ได้จำนวนมาก พระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต(พระครูวรญาณสุนทร) ได้นำพระธาตุ แจกให้กับผู้มาร่มทำบุญที่วัดจนหมด และต่อมาวันหนึ่งมี(คุณทองดี คุณพูลทรัพย์ หรรษคุณารมณ์) (คุณสมบัติ คุณนิตยา วิศาลวุฒิเวท) (คุณสัมฤทธิ์ คุณเสาวลักษณ์ จารุเมธี) จากวัดบวรนิเวศราชวิหาร กรุงเทพมหานคร มาพบพระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต(พระครูวรญาณสุนทร)



พระแม่จันทร์เทวี เจดีย์บรรจุพระธาตุพระอรหันต์ หลวงพ่อดำ

ว่าที่วัดถ้ำญาณสังวร แห่งนี้มีพระธาตุ พระอรหันต์ ๓ พระองค์ และจะเป็นผู้มาบรรจุพระธาตุ (ไม่ทราบว่าคุณทองดี หรรษคุณาภรณ์ทราบได้อย่างไรเกี่ยวกับพระธาตุ) พระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต(พระครูวรญาณสุนทร) บอกว่าได้แจกให้ประชาชนไปหมดแล้ว ต่อมาไม่นาน พอประชาชนทราบข่าวเรื่องการบรรจุพระธาตุ ทุกคนที่ได้รับพระธาตุไป ไม่ว่าอยู่ใกล้ ไกลพอรู้ข่าวนำกลับมาคืน บางคนที่ได้รับพระธาตุไปมีพระธาตุเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงนำพระธาตุมาบรรจุอย่างแน่นหนาไว้ภายในวัดถ้ำญาณสังวรโดยมีการสร้างฐานประดิษฐ์องค์พระเจดีย์ ผู้ดำเนินก่อสร้างถวาย คุณประดิษฐ์ คุณศิวราภรณ์ โกมลกาญจนา คุณพิมล คุณทองสุข กนกพลอยคุณประเสริฐ คุณปทุม สังวรเสนสร้างถวายเมื่อวันที่ ๒๘ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๐ และเป็นที่กราบไหว้เคารพบูชา ของบุคคลทั่วไปและเพิ่มเป็นสิริมงคลชีวิตให้กับทุกๆคนที่มากราบไหว้บูชา

และเป็นเรื่องเล่าต่อกันมาว่า มีชาวบ้านที่อยู่ตรงข้ามวัดที่อยู่ห่างไกลมากหลายสิบกิโลเมตรมองเห็นดวงไฟสามดวงลอยอยู่ที่บริเวณหน้าถ้ำ โดยไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีถ้ำ จึงนำอาหารคาวหวานและนำสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆมาร่วมบริจาคทำบุญ ที่วัดถ้ำญาณสังวรแห่งนี้


พระแม่จันทร์เทวี ศาลพระแม่จันทร์เทวี

พระแม่จันทร์เทวี ความเป็นมาจากคำบอกเล่า…เดิมศาลตั้งอยู่บริเวณริมภูเขา วันหนึ่งอยู่ดีๆมีคนเห็นเหตุการณ์หลายคน เช่น พี่เวก เมฆา ลุงเชื้อ ป้าบุญมี อยู่ๆดีมีหินก้อนใหญ่กลิ้งลงมาจากยอดเขาใกล้ถ้ำลงมาหลังศาลพระแม่จันทร์เทวี ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าแม่ช่วยด้วย ปรากฏว่าหินกลิ้งมาหยุดอยู่หลังศาลพระแม่จันทร์เทวีพอดี และอันเชิญรูปพระแม่จันทร์เทวีไปไว้ในถ้ำ และสร้างจำลองมาใหม่ไว้ด้านล่างทุกวันนี้

พระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต (พระครูวรญาณสุนทร) มรณภาพ พระฉัตรชัย เทศนันท์ หรือพระอาจารย์ตู่ มาเป็นเจ้าอาวาส แต่อยู่ได้ไม่นานพระอาจารย์ตู่ สึกออกไปเป็นฆราวาส ปัจจุบันกลับมาบวชใหม่

ยันต์มหาอุด พระอธิการอุดม ฌานสุโภ พระครูวินัยธรเดชอุดม ญาณวโร

ในวันที่ ๒๕ เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ พระอธิการอุดม ฌานสุโภ ได้รับตราตั้งให้มาเป็นเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน เป็นพระปฏิบัติธรรมสายพระธรรมยุต ท่านเป็นพระนักพัฒนา พระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก่อสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ ห้องน้ำ ปรับปรุงอุโบสถ์ เมรุ ศาลาปลงสังเวช และบริเวณภายนอก-ในถ้ำ และปรับปรุงบ่อน้ำบาดาล และอาณาบริเวณต่างๆของวัด ให้ร่มรื่นและสะอาด มีความเป็นระเบียบ เป็นที่น่าพักผ่อนและปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน สำหรับผู้ที่ผ่านไปผ่านมาและมาร่วมทำบุญกับทางวัด เพราะท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยเป็นพระที่ใจดี โดยเฉพาะทุกๆท่านที่แวะมากราบนมัสการ โดยไม่เลือกคนจนคนรวย ให้ความเสมอ และในทุกๆปีจะจัดงานทำบุญสืบต่อกันมาในระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒-๒๓ เดือนกรกฎาคม ทุกๆปีเพื่อระลึกถึงพระอาจารย์สุเทพ อิสิทตโต(พระครูวรญาณสุนทร) กราบไหว้บูชาพระธาตุ พระอรหันต์ ที่เป็นที่เคารพสักการระของทุกคนๆ และต้องกราบขอบพระคุณลุงเชื้อและป้าบุญมี ศรีไพศาล ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกในการเขียนบันทึกของข้าพเจ้าในครั้งนี้สำเร็จ เพื่อเป็นประโยชน์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อเก็บไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไปและขออุทิศส่วนกุศล ผลบุญ ให้อาจารย์พิมพา วงศ์นคร ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆและสามารถทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรวบรวมข้อมูลบันทึก เพิ่มเติมและคงจะมีโอกาสให้คนรุ่นต่อไต่อหปได้ศึกษา่มเติมและคงจะมีโอกาสให้คนปได้ศึกษาและรวบรวมข้อมูล

ข้อมูลเพิ่มเติม การขึ้นไปเที่ยวบนถ้ำ ต้องแจ้งให้พระท่านทราบ ท่านจะได้เปิดไฟให้สว่าง และเป็นผู้นำทาง มีบันไดขึ้นลงสะดวกประมาณ ๒๗๔ ขั้น มีห้องน้ำที่สะอาดเลยปากถ้ำไปทางขวามือจำนวน ๒ ห้อง สะอาดมีน้ำใช้น้ำอาบสะดวก บรรยากาศหน้าถ้ำ อากาศเย็นสบายมีลมพัดตลอดเวลา เมื่อทุกคนขึ้นไปจะเหนื่อยลมพัดเย็น ปากถ้ำกว้าง ๓-๔ เมตร บางคนเดินเข้าไปลึกๆหลายร้อยเมตร (จากคำบอกเล่า) จะมีทางออกอีกทางหนึ่ง หากท่านมาเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธ์ และเที่ยวทุ่งทานตะวัน ลองแวะมาเที่ยวพักผ่อนกางเต็นท์นอนได้ ห้องน้ำสะดวกสบาย ที่จอดรถกว้างขวาง


พระแม่เมืองลับแล ศาลพระแม่เมืองลับแล

ประวัติพระแม่เมืองลับแล ศาลพระแม่เมืองลับแลก่อตั้งเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๕๕ เนื่องจากพระอธิการอุดม ฌานสุโภ ท่านฝันเห็นหญิงสาวแต่งชุดไทยโบราณ มาบอกท่านว่าไม่มีที่อยู่ และขอให้ช่วยทำบุญอุทิศส่วนกุศลผลบุญไปให้บ้าง เนื่องจากอดอยากไม่มีใครทำบุญไปให้ ท่านอาจารย์ถามไปว่าอยู่ตรงไหน พระแม่เมืองลับแลบอกว่าขออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ท่านพระอธิการอุดม ฌานสุโภ จึงได้ตั้งศาลให้อยู่ใต้ต้นโพธิ์หน้าวัดใกล้ประตูทางเข้า และเดินทางไปร้านที่ปั้นรูปปั้นเจ้าแม่ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เข้าไปร้านแรกท่านอธิการอุดม ฌานสุโภ เห็นรูปปั้นแล้วหมายตาไว้จะนำมา ปรากฏว่าคนขับรถที่ไปด้วยบอกว่าไม่สวย ไปดูร้านอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆกัน ไม่มีรูปปั้นที่ต้องการ จึงกลับมาที่ร้านเก่าที่พบ แต่หารูปปั้นเท่าไหร่ ก็ไม่พบ พอดีพระครูวินัยธรเดชอุดม ญาณวโรโทรศัพท์มาหาพระอธิการอุดม ฌานสุโภ บอกว่าให้เอารูปปั้นที่ร้านดังกล่าวร้านแรกมาพระอธิการอุดม ฌานสุโภ เข้าไปหาอีกครั้ง จึงพบรูปปั้นดังกล่าวและนำมาที่วัดถ้ำญาณสังวรและทำพิธีอันเชิญพระแม่เมืองลับแลประทับทรง (เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากที่พระครูวินัยธรเดชอุดม ญาณวโร โทรศัพท์คุยกับพระอธิการอุดม ฌานสุโภ ว่าให้นำรูปปั้นที่ร้านแรกดังกล่าวมาที่วัดถ้ำญาณสังวร และหาพบโดยง่าย) และใครที่ผ่านไปผ่านมามักจอดรถแวะมาซื้อน้ำหวานและธูปเทียนและดอกไม้มากราบไหว้บูชาเป็นประจำ

ที่ดินวัดมีเนื้อที่ประมาณ ๒๒ ไร่ มีประชาชนมาอาศัยที่ดินของวัดจำนวน๒ ไร่ ๒ งาน จำนวน ประมาณ ๑๖ ครอบครัว๑.นายบุญจันทร์ บุญเสนา ๒.นายแบน วังสันเที้ยะ ๓.นายสมจิตร เบ้าทอง ๔.นางนาง เข็มจารี ๕.นางอำไพ ก้อนน่วม ๖.นางเง้า แดงเตาปูน ๗.นายซ้อน แดงเตาปูน ๘.นางคูณ เข็มจารี ๙.นางสุธิดา เข็มจารี ๑๐.นางแสวง วงษ์ยืน ๑๑.นางคำปุ่น เนียรศิริ ๑๒.นายบรรจง สุมังคู้ ๑๓.นางเสริมศรี แดงเตาปูน ๑๔.นางรัตนา บุญเสนา ๑๕.นายวิเชษฐ์ รีเรืองชัย ๑๖.นายสมบัติ ชมสุวรรณโดยจ่ายค่าเช่าเป็นรายปี ให้กับทางวัด โดยทางวัด ได้ปลูกต้นไม้สัก เป็นแนวกันการบุกรุก ที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นของนาย ไว เมฆา ได้มอบให้วัด และอีก ๒ ท่านทางวัดได้ชื้อไว้

ขอขอบพระคุณพระครูวิศาลสารคุณ เจ้าคณะอำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี (วัดเขารวก) ที่ให้ความช่วยเหลือและให้ความอนุเคราะห์ทุกๆด้านแก่วัดถ้ำญาณสังวร

ลุงเชื้อ ป้าบุญมี ศรีไพศาล ผู้ใหญ่สำลี วงษ์ท้าว

ผู้ที่รู้เรื่องราวต่างๆของวัดถ้ำญาณสังวรช่วยแจ้งรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่

นายอานนท์ ภาคมาลี 062 - 5701385

ในปีนี้ทางวัดถ้ำญาณสังวร มีหมายกำหนดการ ทอดกฐินสามัคคี ในวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม 2559 เพ่ื่อสมทบทุนในการก่อสร้างพระองค์ใหญ่หน้าปากถ้ำบนเขา ขณะนี้กำลังดำเนินการวางรากฐาน และจ้างชาวบ้านแบกหิน ปูน ทราย ขึ้นไป และต่อปั๊มน้ำ ยังขาดปัจจัย และทุนทรัพย์อีกมาก ติดต่อโทร. 086 - 1228677

วัดถ้ำญาณสังวร วันที่ 12 มิถุนายน 2559 กำลังดำเนินการก่อสร้างพระพุทธรูปหลวงพ่อองค์ใหญ์ ทาสีทอง ราคาปมาณ 6แสนเก้าหมื่นบาท

หน้าปากถ้ำ ใกล้ๆพระฤาษี หน้าตักกว้าง5- 6 เมตร โดยได้จ้างชาวบ้านแบกหิน ปูน ทราย เหล็ก ขึ้นไปดำเนินการก่อสร้างขึ้นบนเขา ซ่ึงเดินขึ้นบันไดไปประมาณ 270 ขั้นบันได สูงประมาณ 100 กว่าเมตร และยังขาดปัจจัยอีกจำนวนมาก ขอเรียนเชิญร่วมบริจาคได้ที่พระอาจราย์อุดม ฌานสุโภ โดยจะวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 25 กรกฎาคม2559 ตรงกับวันมรณะภาพหลวงพ่อสุเทพ ทางวัดจัดงานทำบุญถวายเพลพระ 100 รูป จองแผ่นศิลาฤกษ์ได้แผ่นละ ห้าหมื่นบาท โดย และขอชื่อ นามสกุล และบุคคลในครอบตรัว เพื่อจัดทำดวงชะตา ได้ถ่ายรูปมาเื่ออนุโมธนาจิตในการกุศลครั้งนี้ ด้วยเทอญ หิน ปูน ทราย อิฐ ที่แบกขึ้น ไว้ในถ้ำ ทางขึ้น รูปสมเด็จโตฯ รูปหลวงปู่ทวด วิหารหลวงปู่เทฑฯ ไม้แม่นางตะเคียนกลายเป็นหิน ไม้เก่า (ยังหาที่เก็บรักษา รอผู้มีจิตศัทธรา) รูปวาดฝาผนังในถ้ำด้านซ้ายมือ(หากสังเกต) หลวงพ่ององค์ดำ บอกบุญหมายกำหนดการทอดผ้าพระกฐินสามัคคี ในวันที่ 23 เดือนตุลาคม 2559












หมายเลขบันทึก: 494604เขียนเมื่อ 12 กรกฎาคม 2012 19:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2016 19:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เรียน หมอแดง ผมเคยอ่าน ซีไรต์ เรื่อง ลับแล แก่งคอย

อ่านประวัติ วัดนี้แล้ว นึกถึงเรื่องนี้ครับ

ละเอียดดีมากเลยค่ะพี่แดง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท