นาซ่ากับภูมิอากาศ (การเมือง) (นาซ่า ณ อู่ตะเภา ..ตอน ๒)


น่าสงสัยมากว่าทำไมดาวเทียมสำรวจภูมิอากาศของโลก ที่มีหน่วยงานดูแลอยู่แล้ว กลับให้บริหารโดยนาซ่า ที่ในสุดท้ายก็ต้องส่งข้อมูลให้ NOAA เพื่อทำการวิเคราะห์วินิจฉัยต่อไปอยู่ดี

ฟังทูตสหรัฐให้สัมภาษณ์เรื่อง  NASA มาอู่ตะเภาก็เพื่อมาช่วยเรา “แก้น้ำท่วม”

 

หา..ว่าไงนะ  นาซ่าช่วยแก้น้ำท่วม อืมม์..มันก็พอได้อยู่หรอก แต่มันห่างไกลมากเลยนะ  ถ้าจะมาช่วยแก้น้ำท่วมจริงๆ ทำไมไม่เอา NOAA มาล่ะครับ เพราะนี่เป็นภารกิจโดยตรงของเขาเลยนะ

 

National Oceanic and Atmospheric Administration

 

http://www.noaa.gov/

 

(น่าจะพออนุโลมเรียกว่าเป็นกรมอุตุ สรอ. แต่เขาทำงานลึกกว้างกว่าเรามาก  ไม่ใช่เพียงแต่ทำนายน้ำป่าไหลหลาก ฝนฟ้าคะนองกระจายปกคลุมภาคเหนือใต้ตกออกร้อยละ 60 แบบเราๆ    แต่เขาทำงานแก้ไขน้ำท่วมด้วย    ครอบคลุมไปถึงการสำรวจวิจัยทะเลด้วยทั้งชายฝั่งและก้นทะเล และสมุทรศาสตร์ทั่วไป  ส่วนเรื่องแก้น้ำท่วมนั้นเขาทำงานรร่วมกับ us geological survey หรือ องค์กรสำรวจธรณี  และ กรมวิศวกรรมแห่งกองทัพบก  us army corps of engineers)

  

อีกอย่างที่น่าสงสัยคือ มีประเทศอื่นที่น้ำท่วมหนักและบ่อยกว่าประเทศไทยมากหลาย เช่น บังคลาเทศ  พม่า  และในอเมริกาใต้  แล้วทำไมนาซ่าไม่ไปตั้งสถานีอยู่ในประเทศเหล่านั้นบ้าง

 

เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ กรรมาธิการในรัฐสภาสหรัฐมีมติให้โยกย้ายการบริหารงานดาวเทียมสำรวจภูมิอากาศ 4 ตัว ของ NOAA ไปสังกัด NASA โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของการบริหารงบประมาณให้มีปสภ. สูงขึ้น เพื่อประหยัดงบประมาณ    แต่มันน่าสงสัยมากว่าอาจมีวาระซ่อนเร้น   หรือว่าอาจเป็นเพราะหากให้อยู่กับ NOAA ก็จะบริหารข้อมูลเพื่อการทหารได้ยาก  แต่หากอยู่กับนาซ่าจะทำได้ง่ายกว่า เพราะนาซ่าทำงานร่วมกับทหารอย่างเหนียวแน่นอยู่แล้ว (โปรดอ่านบทความเก่า ตอนที่ ๑...เรื่อง JANNAF) 

 

มันน่าสงสัยมากว่า ทำไมดาวเทียมสำรวจภูมิอากาศที่มีหน่วยงานตรงดูแลอยู่แล้ว กลับให้บริหารโดยนาซ่า ที่ในสุดท้ายก็ต้องส่งข้อมูลให้ NOAA เพื่อทำการวิเคราะห์วินิจฉัยต่อไปอยู่ดี  อย่างนี้จะมีปสภ. ตามอ้างได้อย่างไร เพราะต้องมีสององค์กรมาร่วมกันทำงานแบบนี้   มันก็ขาดเอกภาพของการทำงานโดยไม่จำเป็นเลย เพราะ NOAA ก็บริหารจัดการดาวเทียมสำรวจภูมิอากาศดวงอื่นๆอยู่แล้วด้วย ก็มีความชำนาญด้านนี้เป็นอย่างดี

 

ไม่ต่างอะไรกับการที่ กรมประมง ต้องใช้เรือในการสำรวจเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับปลาในอ่าวไทย  แต่ัรัฐบาลบอกว่าให้การบังคับบัญชาเรือเป็นอำนาจหน้าที่ของกองทัพเรือ  ทั้งที่การเดินเรือแบบนี้ไต้ก๋งจบปอสี่ที่ไหนก็ทำหน้าที่ได้  และได้ดีกว่ากองทัพเรือเสียอีกด้วยซ้ำไป 

 

แต่พอให้นาซ่าบริหาร นาซ่าอาจสั่งให้ดาวเทียมวิ่งเลี้ยว วิ่งอ้อมเส้นทางเมื่อไหร่ก็ได้ ตามใจชอบ  เพื่อไปหาข้อมูล “ภูมิอากาศ (ทางการทหารและการเมือง” ในจุดที่ต้องการ (หรือเปล่า?))    ...พฤติกรรมมันทำให้น่าตั้งคำถาม

  

การมาตั้งสถานี “สำรวจอากาศ” ที่อู่ตะเภานั้น มันเป็นไปได้ที่จะใช้เป็นสถานีบังคับดาวเทียม และยานอื่นๆ ไปด้วยในตัว  เช่น drone (ยานไร้นักบิน)  ที่ใช้ในกิจการทหาร เช่น ที่ใช้ยิงผู้นำอัลกออิดะตายที่ปากีสถานเมื่อไม่นานมานี้    (ซึ่งองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลทั้งหลายต่างเงียบเป่าสากไปตามกัน ทั้งที่เป็นการละเมิดสิทธิคนอย่างอุกอาจที่สุดเป็นครั้งแรกของโลก) 

 

ถ้านาซ่ามีเจตนาดี มีความโปร่งใส  ทำไมไทยเราไม่เสนอให้จัดอู่ตะเภาเป็นห้องทดลองนานาชาติไปเลย  เช่น เอานาซ่า รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น เยอรมัน เข้ามา รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์ไทยเราด้วย     โดยอาจเลียนแบบศูนย์วิจัยภูมิอากาศที่ขั้วโลกใต้ ที่ทุกชาติสามารถเข้าไปทำงานได้

  

ว่าไปแล้ว อย่าว่าแต่เข้าไปร่วมทำงาน   แต่ไทยเรา ในฐานะเจ้าบ้าน ควรมีสิทธิในการร่วมกำหนดนโยบายด้วยซ้ำไป เช่น จะให้ดาวเทียมวัดเก็บข้อมูลอะไรบ้าง  โดยเฉพาะสภาพแอ่งน้ำธรรมชาติที่มีกระจายอยู่นับหมื่นแห่งทั่วประเทศ  เพื่อทำเป็นแก้มลิงเล็กๆทั่วประเทศเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และเป็นแหล่งน้ำสำหรับเกษตรกรรมไปในตัว   (ผมเคยเสนอให้รัฐบาลไทย ทำการสำรวจเก็บวัดข้อมูลนี้มานานแล้ว แต่รับรองว่า ..ยากส์ ที่จะเกิดขึ้นได้) 

...ถ้าทำ TOR กันแบบนี้ก็พอไหว  เพราะทำให้เราได้ประโยชน์คุ้มค่า ที่เสียพื้นที่ดินแดนให้ต่างชาติทั้งที  แต่ก็ได้ประโยชน์หลากหลายด้าน    

 

เลิกโง่เหมือนเดิมๆในอดีตซะที  ที่ปล่อยให้ฝรั่งมาช่วยแก้โน่นแก้นี่ให้ยังกะเด็กปัญญาอ่อน โดยไม่ได้เรียนรู้หรือร่วมกำหนดนโยบายอะไรกะเขาเลย  

 

เสียค่าโง่ไปมากและนานแล้ว  ก่อนแต่รศ. ๑๑๒  จันทบุรี ตราด ฝั่งซ้ายขวาแม่โขง  สงครามเวียตนาม   วันนี้ไม่คิดจะอยากปลดแอกบ้างหรือ ..เอ้า..เสื้อแดงช่วยด้วย

 

พี่แม้วก็ช่วยชาติด้วยสิครับ   อย่ามัวแต่เอาตาไปมองดาว(เทียม) เพื่อหวังแปรความโลภมาเป็นทุนอยู่เลยครับ เพราะถ้าไม่มีแผ่นดินอยู่ แล้วเท้าจะติดดินได้อย่างไร

 

...คนถางทาง (๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕)

 

 

หมายเลขบันทึก: 492661เขียนเมื่อ 27 มิถุนายน 2012 20:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 มิถุนายน 2012 03:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

วันนี้แวะมาเห็นด้วยจริงๆ ค่ะ ตอนนี้ประเทศเปิดกว้างเสียจน ฝรั่งมาแย่งงานเราไปกินหมดแล้วค่ะ สามารถประกอบอาชีพได้ทุกอย่าง นอร์มินี่หรือไม่ นอร์มินี่โจ้งครึ่มเลยค่ะ ฝรั่งขายส้มตำไก่ย่างก็เห็นมาแล้วค่ะ ...

เรื่องนี้เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวชัวร์ (ฮา)

ปล. ผมไม่ได้ตามข่าว (ไม่ได้ดูทีวีครับ) มีเขาพูดในเชิงนี้ (มนุษย์ต่างดาว) บ้างไหมครับ

.......

ขออนุญาตถามต่อเป็นจริงเป็นจังว่า หากเป็นเพื่อผลลัพธ์ทางทหารจริงๆ แล้ว ฐานที่เขามีอยู่ทีฟิลิปปินส์และปาปัวนิวกินีก็น่าจะครอบคลุมระยะดาวเทียมแล้วไหมครับ ทำไมต้องมาตั้งที่ไทยด้วยครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะก้อติดตามข่าวยุเหมือนกันค่ะ

อาจมีวาระซ่อนเร้น.. ความคิดของอาจารย์ทำให้นึกไปไกลหลายประเด็นเลยค่ะ การบ้าน การเมือง การทหาร

 

เพิ่งดูบอลเสร็จ เสปน ชนะ สะใจดี เพราะผมเชียร์ทีมคนตัวเล็กที่สุด (เพราะผมได้เขียนบทความสนับสนุนการเล่นบอลของคนตัวเล็กไว้แล้ว)

ท่าน ดร.ธ. ครับ แหม...คำถามยากจังครับ ผมขอเดา

1) การหาพิกัดในสามมิติ (เช่น พิกัดดาวเทียม drone) ถ้าจะให้แม่นยำ ต้องใช้มุมมองอย่างน้อยจาก 3 จุด ครับ ยิ่งได้ 4 5 จุดยิ่งดี ความแม่นยำของต้นกำเินิด จะเป็นต้ัวกำหนดความแม่นยำของการ "ยิง" เป้าด้วย

2) สถานการณ์การเมืองที่ผันผวนได้เสมอ ทำให้ต้องมีตัวสำรอง (redundancy) เสมอ ..มีเผื่อไว้เป็นหลักประกัน

3) ไทยเราเป็น "มหามิตร" ที่สั่งการ "ซ้ายขวาัหัน" ได้เสมอ ถ้าสั่งไม่ได้ก็ซื้อได้อยู่ดี

4) ที่ปาปัว ผมไม่ทราบ แต่ที่ ฟิฯ เป็นฐานทัพทหารเรือ อากาศ ยังไม่มีการ "สำรวจอากาศ" นะครับ (Subic bay และ Clark ผมไปเยี่ยมมา 3-4 ครั้ง ส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ใน PX ...ร้านสหกรณ์ไร้ภาษี ๕๕๕)

เรื่อง มะนาวต่างดุ๊ด...๕๕๕ วันนี้คงมีแต่มนุษย์ที่ตามองดาวเทียมต่างๆ เพื่อแปรอวกาศมาเป็นทุนเท่านั้นแหละครับ ซึ่งนาซ่าคงคิดไม่ถึง และเรดาร์ก็จับไม่ได้หรอก

พวกที่เป็นมะนาวตางดุ๊ด .. 555 ของท่านอาจารย์ เค้าเก่งกันจริง ๆ เนอะ สุดยอดหน่ะ ถ้าสามารถแปรอวกาศเป็นทุนได้จริง

อ๋อ... พอเข้าใจแล้วครับ แหมนึกถึงโครงการ Star Wars นะครับ ถ้าเป็นไปได้นี่ไม่ต้องอาศัย land bases เลย แต่ ideas ก็ไกลเกินความจริงไปหน่อย (ไหมครับ?)

ความจริง star wars นั้นผมว่าตอนนี้ก็น่าจะทำได้แล้ว เช่น บัญชาการทุกอย่างจาก space station โดยสามารถ ส่งผ่านสัญญาณผ่านไปยัง network ของดาวเี่ทียมแบบอยู่กับที่ (geostationary) ที่ต่อเชื่อมกันเป็นเน็ตเวิร์คที่คลุมโลกได้หมด แบบนี้ก็ไม่ต้องมี ground station ไ้ว้คอยรีเลย์ข้อมูลเลย ....เครื่องบิน air force 1 ของ ปธด. สรอ. ก็เป็นศูนย์บัญชาการลอยฟ้าได้ในยามฉุกเฉิน (มีมานานหลายสิบปีแล้ว) ...อีกทางคือ บัญชาการจากเรือดำน้ำ

ส่วนปืนแสงเลเซอร์ก็ทำกันได้แล้ว อีกไม่นานคงมีใช้กันเกร่อเป็นแน่

ผมเองไม่ได้ตามเรื่อง ไม่ทราบว่า nasa จะมาทำอะไรแน่ที่อู่ตะเภา อาจเป็นเพียงสถานี relay ข้อมูล และการสื่อสารเชื่อมต่อกับศูนย์บัญชาการในสหรัฐก็เป็นได้ เพราะดาวเทียมสำรวจภูมิอากาศมักเป็นพวกบินต่ำ (Low earth orbit) การติดต่อกับดาวเทียมนิ่งกับที่โดยตรงคงลำบาก เพราะอยู่ไกลกันมาก สัญญาณอาจอ่อนเกินไป

เฮ้อ... คิดไปแล้วก็น่าเศร้าที่นวัตกรรมของโลกนี้โดยส่วนใหญ่ก็มีที่มาจากสงครามทั้งนั้นเลยครับ แม้กระทั่ง Internet ที่เราใช้กันอยู่ครับ

digital IC ตัวแรก (intel 4 bit) ก็มาจากการทหาร

ผมวิเคราะห์มานานแล้วว่า ยุโรปพัฒนามาจากเลือดในสงครามตั้งแต่ยุคโบราณ วันนี้ usa รับมรดกต่อ ญี่ปุ่น จีน ก็มาจากสงครามทั้งสิ้น

ส่วนทหารไทย ตีกอล์ฟ ออฟแคดดี้ไปวันๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท