การฝึกใจให้ไร้ความวิตกกังวล


เมื่อความวิตกกังวลมาบั่นทอนความสุขของเรา เราจะจัดการกับมันอย่างไรดี

 

การฝึกใจให้ไร้ความวิตกกังวล

 

              เนื่องจากตอนที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่ชั้นม.6  ที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนกดดันในเรื่องของการสอบเพื่อเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย  และแน่นอนว่าคณะและมหาวิทยาลัยที่ข้าพเจ้าหวังไว้นั้นก็ดันไปตรงตามความต้องการของคนส่วนใหญ่  การแข่งขันในการสอบเข้าสูงอย่างเป็นมาก     ความยากของข้อสอบที่มากกว่าระดับม.ปลาย  ความฝันของตนเอง  ความหวังของครอบครัว  สิ่งเหล่านี้ได้สร้างความกังวลให้ข้าพเจ้าได้ไม่น้อยเลย แล้วเด็กม.ปลายอย่างข้าพเจ้าจะทำอย่างไรเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ 

 

                             

 

       สิ่งที่เรียน  ฝึกใจให้ไร้ความวิตกกังวลโดยการสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิ

       วิธีเรียน  จัดสรรเวลาวันประมาณวันละ  30  นาทีให้กับการสวดมนต์  20  นาที  โดยบทที่แนะนำก็คือ  

1)บทบูชาพระรัตนตรัย  2)บทชัยมงคลคาถา(พาหุง)  3)บทชัยปริตร(มหากา)  4)บทพุทธคุณ(สวดจำนวนเท่ากับอายุของตนบวกอีกหนึ่งรอบ)  ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าการสวดบทพุทธคุณนี้  ที่ให้สวดซ้ำหลายๆรอบเพื่อให้เรานั้นได้มีสติรู้ และจดจ่อกับการนับรอบที่เรากำลังสวด ณ ขณะนั้น  เป็นการฝึกจิตที่ดีมากๆวิธีหนึ่ง  5)บทแผ่เมตตา  และ6)บทแผ่ส่วนกุศล  แล้วเวลาที่เหลืออีก  10  นาทีคือเพื่อการนั่งสมาธิกำหนดจิตไปตามลมหายใจเข้า-ออก โดยคำที่ข้าพเจ้าชอบใช้คือ คำว่า"ยุบหนอ  พองหนอ"  เหตุผลที่ชอบเพราะรู้สึกว่าคำสองคำนี้ดูยาวๆ  และยุ่งๆดี  ทำให้ตอนที่ข้าพเจ้ากำหนดลมหายพร้อมๆกับการนึกถึงสองคำนี้ทำให้ข้าพเจ้าไม่วอกแวกไปคิดเรื่องอื่นๆที่กังวลใจ  จะพูดง่ายๆสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นคือการอยู่กับปัจจุบันนั่นเองค่ะ อยู่กับสิ่งที่เราทำอยู่ขณะนั้นจริงๆ ไม่คิดถึงเรื่องอื่นไม่ว่าสิ่งนั้นจะทำให้เราสุขหรือเศร้าใจก็ตาม ท่องไว้ค่ะเราอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น อยู่กับวินาทีนี้ ในนาทีนี้ ชั่วโมงนี้ วันนี้ เราคงไม่สามารถทำอะไรกับคำบอกเวลาเหล่านี้ที่ลงท้ายด้วย"ที่แล้ว" กับ "ถัดไป"ได้

       ผลการเรียน การที่ได้ฝึกจิตใจในขั้นต้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกได้ว่าจิตใจของตัวข้าพเจ้าอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ ความวิตกกังวล ความเครียดลดน้อยลง 

      ข้อคิดที่ได้จากประสบการณ์ การที่เรามัวแต่เอาเวลาไปหมกมุ่นอยู่กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง หรืออดีตที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราทำอะไรไม่ได้ จนก่อให้เกิดความทุกข์นั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย สู้เราเอาเวลามาคิดสร้างสรรค์ ดูแล เอาใจใส่กับปัจจุบันที่เราอยู่กับมันตลอดเวลาดีกว่า แล้วความสุขจะเกิดขึ้นกับตัวเราอย่างแน่นอนค่ะ

สื่ออ้างอิง

พระธรรมสิงหบุราจาย์(หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม).อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณและบทสวดมนต์ถวามพรพระ. กรุงเทพ: รุ่งเรืองวิริยะพัฒนาโรงพิมพ์.2551.

http://www.ceciliacapuzzisimon.com/portfolio/article?article_id=35

ภาคผนวก

                          

วัน-เดือน-ปี  ที่บันทึก 23-มิ.ย.-55

วัน-เดือน-ปี  ที่ปรับปรุง 26-มิ.ย.-55

 

หมายเลขบันทึก: 492178เขียนเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 22:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 เมษายน 2014 01:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มาจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

มีเนื้อหาสาระน่าสนใจครับ มีการอธิบายอยากละเอียดและสวยงาม แต่สิ่งที่ขาดคือควรจะแยกเป็น ข้อสำคัญเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้า แต่องค์ประกอบรวมๆๆถือว่าดีครับ

เป็นข้อมูลที่ดีมากๆๆ เลย ^^

มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์ดีๆนะครับ

ดีจัง :) อยากทำได้ๆ เนื้อหาเข้าใจง่ายดีจ้าาาา

สิริวิภา ศรีรับขวา

วิธีนี้วัยอย่างเราน้อยคนที่จะทำได้ เป็นตัวอย่างที่ดีมากจ้าฟาร์ม^

ขอชื่นชมมากๆเลยครับ

การพัฒนาตนเองที่ดีที่สุดคือการพัฒนาที่จิตของตัวเอง

มีคนไม่มากนักที่จะมีความเพียรฝึกได้

รู้สึกชอบมากๆจริงๆเลยครับกับบทความนี้ ^^

ดีอะ สงสัยต้องไปลองทำมั่งซะแล้วววว ^^

จะลองเอาไปปรับใช้ดู ขอบคุณนะ ^_____________^

ชอบนั่งสมาธิเหมือนกันคับแต่ไม่ค่อยมีเวลาสงสัยต้องกลับมานั่งมั่งแล้วเห็นฟาร์มแล้วอยากฟิตๆมั่ง ++ ๆึับเรื่องสวดมนต์กับนั่บสมาธิเป็นอะไรที่ทำต่อเนื่องยากจริงๆถ้่าไม่ตั้งใจแต่จะลองพยายามดูมั่งนา^

เคยตั้งใจจะนั่งดู สุดท้ายคือหลับทุกที TwT

ต้องอย่างนี้สิ เรียนหนักจะได้ไม่เครียด :)

เราจะลองเอาไปฝึกบ้างนะ น่าจะช่วยได้มากๆเลย

มีประโยชน์มากคับ ว่างๆจะลองทำมั่ง ^^

ฝึกจิตใจ อยากฝึกมั่งจังๆ

น่าจะทำให้มีสมาธิกับการเรียนมากขึ้นนะ

เป็นวิธีที่ดีมากๆเลย ถ้าทำได้ทุกๆวันก็คงดี

เป็นวิธีที่ดีมากๆ เด๋วจะจะลองทำดูนะ จะเรียนเก่งๆเหมือนปิยะพร

เป็นบทความที่ดีและมีประโยชน์มากๆ

สงสัยต้องลองทำดู!!! จะได้มีสมาธิอย่างคนอื่นเขาบ้าง

เจ๋งมากครับๆๆ ต้องลองแล้วว :D

จะพยายามทำดู ดูเหมือนมันจะทำไม่ได้สักทีเลยน้ะ >,<

  • ลูกสาวอ.วิ (คนยืนข้างอ.วิ อดีตนักศึกษาแพทย์ มข. ที่ไม่มีปัญหาด้านผลการเรียน แต่คงเป็นเพราะไม่มีวาสนา จึงไม่เรียนให้จบแพทยศาสตร์) ปัจจุบันก็สวดมนต์ทุกวันค่ะ
  • ข้อคิดที่ได้จากประสบการณ์ ของหนูดีมากค่ะ "การที่เรามัวแต่เอาเวลาไปหมกมุ่นอยู่กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง หรืออดีตที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราทำอะไรไม่ได้ จนก่อให้เกิดความทุกข์นั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย สู้เราเอาเวลามาคิดสร้างสรรค์ ดูแล เอาใจใส่กับปัจจุบันที่เราอยู่กับมันตลอดเวลาดีกว่า แล้วความสุขจะเกิดขึ้นกับตัวเราอย่างแน่นอนค่ะ" จะแนะนำให้นักศึกษาของอ.วิเข้ามาอ่านค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท