สวัสดีครับลูกศิษย์ EADP 8 ที่รักทุกท่าน
กลับมาพบกันอีกครั้งในช่วงสุดท้ายของกิจกรรมการเรียนรู้ของเรา ในช่วง EGAT Learning Society (Group Study): The Wise Leader in the Next Decade ระหว่างวันที่ 20-22 มิถุนายน 2555 ณ ศูนย์ฝึกอบรมบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นช่วงที่มีความน่าสนใจและสำคัญมาก เพราะจะเป็นการประมวลความรู้ ความคิด และนำมาสู่การเสนอเป็นผลงานของทุก ๆ คน เพื่อการนำมาใช้ในงานที่สร้างคุณค่าให้แก่ กฟผ.ได้จริง เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
..............................................................
ติดตามการเรียนรู้ที่ผ่านมา
โครงการพัฒนาผู้บริหารระดับผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายและเทียบเท่าของ กฟผ. รุ่นที่ 8 (EADP 2012) ระยะที่ 4 และ 5
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/488095
ระยะที่ 3
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/485957
กิจกรรมการเรียนรู้ช่วงที่ 2: CSR http://www.gotoknow.org/blogs/posts/483425
กิจกรรมการเรียนรู้ช่วงที่ 1
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/481480
.................................................
ติดตามการเรียนรู้ของรุ่นอื่น ๆ
รุ่น 7: http://www.gotoknow.org/blogs/posts/438578
รุ่น 6: http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/339639
รุ่น 5: http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/266888
รุ่น 4: http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/179282?page=2
รุ่น 3: http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/95849
http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/109820 (Study Tour in Sydney)
รุ่น 2: http://gotoknow.org/blog/chirakm/32392 (Study Tour in Melbourne)
อื่น ๆ http://gotoknow.org/blog/casestudies
..................................................
ภาพบรรยากาศการเรียนรู้
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2555
วิชา เทคนิคการสื่อสารกับสื่อมวลชน
โดย ดร.พจน์ ใจชาญสุขกิจ
Group study: ร่วมให้คำปรึกษาและแนะนำโดย อาจารย์กิตติ ชยางกุล
Learning Forum: กฟผ. กับเส้นทางสู่องค์การแห่งการเรียนรู้
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
สรุปการบรรยายโดยทีมงานศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
เทคนิคการสื่อสารกับสื่อสารมวลชน
โดย ดร.พจน์ ใจชาญสุขกิจ
โมเดลภาพลักษณ์ขององค์กร แบ่งเป็น
ต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการขาย เช่น เพลินวาน ที่หัวหิน เจ้าของสังเกตว่าคนชอบถ่ายรูป ก็จัดมุมสำหรับให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพ เพราะฉะนั้นเปรียบเหมือนกับภาพลักษณ์องค์กรที่สามารถบริหารจัดการได้โดยการสังเกตและตรวจสอบก่อนเช่นกัน
ไม่ว่าจะต้องติดต่อกับใคร เช่น ลูกค้า ซัพพลายเออร์ ผู้ลงทุนร่วม ฯลฯ เราจำเป็นที่จะต้องให้เขารู้ภาพลักษณ์ขององค์กรเรา
ทิศทางของสภาพแวดล้อมของธุรกิจ มีลักษณะดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
- เกิดเป็นความท้าทายของประชาสัมพันธ์แบะการสื่อสารองค์กร
- วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายก่อนเสมอ
- ทำให้รูปแบบการสื่อสารในภาพรวมทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งในปัจจุบันมีควากลมกลืนกัน เนื่องจากผลกระทบของ Social media
- Crisis ที่เกิดที่หาดใหญ่ ที่โรงแรมที่เกิดไฟไหม้ ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เข้าพักและยกเลิกการจองจำนวนมาก
- การประชาสัมพันธ์ได้เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ขององค์กร ซึงเป็นการกำหนดทิศทางบริหารขององค์กร
- ต้องรู้ว่าใครเป็น Key communication ที่ดีที่สุด
- การเปลี่ยนแปลงทำให้ทิศทาง กลยุทธ์เปลี่ยนไป ต้องใช้ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
- ต้องโฟกัสประเด็นในภารกิจต่างๆที่สำคัญ ที่ตรงกับความต้องการ เหมือนกับคนที่เลือกจำในเรื่องที่ชอบ เรื่องที่ไม่ชอบ เรื่องที่โดนใจ
ทักษะด้านการสื่อสาร มีความสำคัญมาก ซึ่งนำไปสู่ความน่าเชื่อถือ
การสื่อสารทั้งหมดเปลี่ยนแปลงจาก
1. พฤติกรรมในการรับรู้การข่าวสารเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด
2. ทางเลือกของการรับการสื่อสารมีเยอะมาก
ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิต ทำให้ชีวิตการทำงานเปลี่ยนไปด้วย เช่น ใน 3-4 ปีที่แล้ว โนเกีย และซัมซุงได้รับความนิยมมาก แต่ในปัจจุบันพบว่าสมาทร์โฟนได้รับความนิยมมาก
วิทยาการส่วนใหญ่เกิดขึ้นในคนระดับสูง คือ ในเมือง ชุมชนใหญ่
ผู้บริหารต้องใช้การสื่อสารอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันเป็นการสื่อสารแบบ 2 way communication ไม่ใช่ one way communication แล้ว สื่อสารลงมาเป็นแบบ Top Management
Spokeperson ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- ระดับการศึกษา
- ตำแหน่งอาชีพ/ความรับผิดชอบในงาน
- ระดับความรู้
- ประสบการณ์/ภูมิหลัง ต้องดูว่าจริงๆแล้วเข้าต้องการอะไร
- ข้อมูลต้องน่าเชื่อถือ โปร่งใส ข้อมูลข่าวสารรวดเร็วและชัดเจน
- แสดงเหตุผลได้ทุกอย่าง ทำให้เกิดการยอมรับ
- มีความเป็นกลาง
วิธีการ 10 ข้อ ที่ทำให้ทำงานกับสื่อได้ง่าย
- Press release ที่ดีต้องไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 ข้อมูลไม่ควรจะเยอะเกินไป ให้ผู้อ่านเข้าใจในเวลารวดเร็ว
บุคคลที่จะให้ข่าว มีลักษณะดังนี้
- ต้องมีความเชื่อถือที่เพียงพอ
- มีไหวพริบดี/ มีปฏิภาณ
- ทุกคนขององค์กรต้องให้ข้อมูลที่ตรงกัน การให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกัน จะมีผลมากโดยเฉพาะคนที่เป็น Spoke person
- ต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทุกระดับ
ประเด็น
- มีความชัดเจน
- มีขอบข่ายอย่างไร
- ต้องหลีกเลี่ยง คำตอบ ที่ไม่มีความเห็น
เทคนิคการสื่อสาร
ภาวะปกติ
- ติดตามสถานการณ์ ต้องรู้กระแสสังคม รู้เทรนด์ของสังคม พอรู้แล้วบางเรื่องดีต้องขยาย เรื่องร้ายต้องขมวด
ภาวะการแข่งขันสูง
- เกิดขึ้นในชีวิตจริง ต้องรู้เรา รู้เขา และรู้โลก
- ควรทำ R&D กำหนดแนวทางรับมือ การเก็บข้อมูลที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ เช่น มีคนเข้ามาใช้บริการในธนาคาร ชั่วโมงละกี่คน
- ควรจัดทำแผนเชิงกลยุทธ์ด้วย
- มีการกำหนดประเด็นที่ชัดเจน
- ออกแบบหน้าที่ให้ตรงกับบทบาทีเกี่ยวข้อง
ภาวะวิกฤติ
- มีแผนรองรับภาวะฉุกเฉินหรือภาวะวิกฤติ
- ต้องมีการซักซ้อมเพื่อสร้างความพร้อมและความเข้าใจ
- ต้องมีการแบ่งบทบาทผู้รับผิดชอบ
คำถาม
หากจะทำรัฐกิจสัมพันธ์ แล้วต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ หากจะทำให้ประสบความสำเร็จต้องทำอย่างไร
ดร.พจน์ ใจชาญสุขกิจ ตอบว่า
- ต้องให้ความสำคัญกับเขา และเขาให้ความสำคัญอะไรกับเรา
- จุดอ่อน คือ คนที่ประสานงานจะไม่มีความเชี่ยวชาญ ไม่มีวิธีสร้างความสัมพันธ์
- ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมีความสำคัญมากกว่าตัวงาน
- ต้องมีการเล่าเรื่องจากสิ่งที่เขาได้รับประโยชน์ก่อนถึงจะดี
- ต้องเริ่มต้นจากสิ่งง่ายก่อนสิ่งยาก
- ดูกลุ่มเป้าหมายก่อนว่าเข้าต้องการอะไร
กฟผ. กับเส้นทางสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization)
โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์
- การหาความรู้ ไม่ควรนำมาจากแหล่งข้อมูลเก่าๆ ควรหาข้อมูลใหม่
- การเปลี่ยนแปลงองค์กร ควรเริ่มมาจากการเปลี่ยน Mindset ก่อน
- การเป็นสังคมการเรียนรู้ของ EGAT จะเป็นอย่างไร
- ตัวคุณได้ปรับวิธีการเรียนรู้ให้เกิดเป็น Habit ในช่วงดารเรียนรู้นี้ได้อย่างไร
- หากขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งขององค์กร จะสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้ได้อย่างไร
- องค์กรมักจะเกิด สับสนระหว่าง KM และ LO
- คุณภาพของคน จะมีผลประกอบการได้ต้องผ่านองค์กร HR=พฤติกรรมองค์กร + ทุนมนุษย์
- ถ้ามีความรู้แต่ไม่มีวัฒนธรรมการเรียนรู้ เราจะไม่มีองค์กรแห่งการเรียนรู้เช่นกัน
- KM = TOOL+TECHNIQUE
- ปัญหาของการเรียนในปัจจุบัน คือ ครูสอนไม่เป็น เทคนิคในการสอนไม่ดี สอนให้เด็กจำอย่างเดียว หากมีความรู้ แต่ไม่มี Learning Culture จึงไม่มี Learning Organization
- องค์กรที่มีLearning Culture ก็อาจจะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ได้
- ต้องหาความรู้ คิดวิเคราะห์ และเชื่อมโยงได้
- KM ได้มาจากความรู้ที่เก็บไว้ภายใน กับการแสดงความรู้ภายนอก ซึ่งเป็นระบบการจัดเก็บความรู้ และแบ่งบันออกมาภายนอก ทำให้สามารถนำเอามาใช้ ทำให้มีการตระหนักถึงคุณค่าได้ดี
- KM มาก่อน LO และ LC มาก่อน LO
กรณีศึกษากฟภ. กับการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้
ขั้นที่ 1 เริ่มต้นโครงการ Learning Organization Awareness สำหรับบุคลากรระดับกลางของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 4,000 คน (ปี 2551)
เริ่มสร้างความตระหนักเรื่องความสำคัญและความจำเป็นของการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้
โดยการจัด Workshop ทั่วประเทศรวมกว่า 10 ครั้ง ครั้งละ 2 วันให้ความรู้ในเชิงเทคนิค 1 วัน และอีก 1 เต็มเป็นการสร้างความตระหนักด้วยแนวคิดที่สำคัญเพื่อการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ โดยมีผมทำหน้าที่เป็นโค้ชตลอดทั้งวัน
ขั้นที่ 2 ต่อเนื่องด้วยการจัดโครงการ KNOWLEDGE AUDITING สำหรับบุคลากรระดับกลางของกฟภ.ทั่วประเทศ จำนวน 4,000 คน (ปี 2552)
เป็นการติดตามผลการเรียนรู้โดยใช้แบบสอบถาม เป็นการสำรวจการปรับพฤติกรรมในการเรียนรู้ของตนเอง การนำไปใช้ในระดับองค์กร และประเทศชาติและร่วมกันหากลยุทธ์ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
ผลที่ได้คือ การจัดการบริหารดีขึ้น มีผลประกอบการสูงขึ้น
- การฝึกอบรม ส่วนใหญ่มีอยู่ในองค์กร แต่ไม่มีการเรียนรู้
- Learning how to learn
-
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงมีวิธีการคิด 4
แนวคิด ก่อนที่จะเริ่มทำงานใดๆ ให้คิดถึงสิ่งต่อไปนี้
1) ทำอะไร
2) ทำอย่างไร เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
3) ทำเพื่อใคร
4) ทำแล้วได้อะไร
- กฎของ Peter Senge เป็นคนที่มีอิทธิพลต่อโลกมาก
- Personal Mastery รู้อะไร รู้ให้จริง
- Mental Models มีแบบอย่างทางความคิด
- Shared Vision มีเป้าหมายร่วมกัน และกฟผ.ต้องแชร์วิสัยทัศน์กับชุมชนด้วย
- Team Learning เรียนรู้เป็นทีม ช่วยเหลือกัน
- System Thinking มีระบบการคิด มีเหตุมีผล
Lateral Thinking ตรงข้ามกับ Vertical Thinking คือ การมองข้ามศาสตร์ และ Challenge Assumption
7 habits:
แนวคิดใหม่ของ Grid คือ การแบ่งข้อมูลข่าวสารต้องเป็นไปอย่างมีประชาธิปไตย
ทฤษฎี 2 R’s
- Reality
- Relevance เรียนรู้ในสิ่งที่มีผลกระทบกับตัวเอง ซึ่งมากจาก Line manager
จากทฤษฎี 8 K’s สิ่งที่สำคัญ 3 อันดับแรก คือ
ทุนทางจริยธรรม
ทุนทางปัญญา
ทุนแห่งความยั่งยืน
5 K’s ได้แก่
ทุนแห่งการสร้างสรรค์
ทุนทางความรู้
ทุนทางนวัตกรรม
ทุนทางอารมณ์ ต้องมีการควยคุมอารมณ์ให้ดี
ทุนทางวัฒนธรรม
ปัจจัยสำคัญ 3 ปัจจัย หากท่านขึ้นไปเป็นผู้นำขององค์กร มีดังนี้
1. สร้างให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ และมีวัฒนธรรมการเรียนรู้
2. ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กร
3. สนับสนุนในสิ่งที่จำเป็น เงิน ห้องสมุด
4. การวัดผล ต้องดูว่าผลประกอบหารของเราสูงขึ้นจริงหรือไม่
การทำงานอย่างมีความสุขและอารมณ์ขัน
ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล
- ผู้บังคับบัญชา หรือ หัว+หน้า
- หัว จะต้องมี ทัศนคติ และปัญญา
- หน้า จะต้องมี หา รักษา และ พัฒนา
- ดร.สุรวงศ์ถามว่า วิทยากรมาบรรยายทำไม?
- การทำงานทำเพื่ออนาคต หรือ เพี่อชีวิตของเราเอง เพราะฉะนั้นอาจารย์เฉลยว่าตอบข้อ 2 คือเห็นแก่ตัวนั่นเอง
- การอธิบายด้วยการยกตัวอย่าง แบบมีอารมณ์ขัน จะมีผลทำให้ผู้เข้าอบรมจำการบรรยายนั้นได้ดีกว่าการบรรยายแบบเครียดๆไม่มีการยกตัวอย่างประกอบ
การทำงานกับคนอื่นต้องมีหลักการ ดังนี้
- ทำดีเพื่อคนอื่นและตัวเอง
- มีน้ำใจ
- ต้องยึดหลักการที่ว่า มิตรภาพหาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน
- ต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
- มีน้ำใจเป็นพิเศษ
การข่มอารมณ์โกรธ และโมโหในขณะทำงาน แต่สามารถปฏิบัติงานต่อได้ ถือว่าเป็นการชนะใจตัวเองได้แล้ว
ในสังคม ถึงจะมีเงินทองมากมาย แต่ไม่มีใครคบ ก็อยู่ไม่ได้
EQ หรือความสามารถในการควบคุมอารมณ์ มีความสำคัญในการทำงานมาก
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นตัวอย่างที่ควรเป็นแบบอย่างในการมีอารมณ์ขัน
หากโดนด่าจะท่องคาถามอะไร
- หาพ่อแม่ปากมาก ท่องคำว่า “บุญคุณ”
- เพื่อนปากแปร๋น “ของฝาก”
- แฟนปากปลาร้า “กรรมเก่า”
- ลูกค้าปากร้าย “ชื่อเสียง”
- ลูกน้องปากไว “ตัวช่วย”
- ลูกพี่ปากไว “ตำแหน่ง”
เรียกว่าเป็นวิธีการกำหนดอารมณ์ ซึ่งเป็นหลักธรรมวิธีหนึ่ง
คุณสมบัติของพนักงาน ควรมีดังนี้
หากเจอใครแล้วไม่สบอารมณ์ ต้องคิดว่าคนเรานั้นแตกต่างกันเนื่องจาก
- สายเลือด
- การอบรมเลี้ยงดู
- สิ่งแวดล้อม
- บุพกรรม
คนเราจะมีสุขภาพเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับ
- อาหาร
- อุตุ ไม่ควรนั่งนาน ควรเดินผ่อนคลายบ้าง
- จิต ควรมีอารมณ์ขัน จิตจะได้ไม่เครียดมาก
- นวกรรม
เสน่ห์ของคนเรา ไม่จำเป็นที่จะขึ้นอยู่กับหน้าตาเท่านั้น หากมีความฉลาด และมีความคิดที่ดีก็ทำให้มีเสน่ห์ได้
ในเวลาการทำงานหากมีใครมาแซว หรือทำให้มีอารมณ์โกรธ เราควรข่มใจแล้วตอบกลับอย่างมีอารมณ์ขัน
ทัศนคติแง่บวกที่มีต่องาน มีความจำเป็นในการทำงานมาก
งาน = ศึกษา การมีมิตร เงิน ชื่อเสียง ข้อสอบ ท่องเที่ยว ฟิตเน็ต
ปราชญ์ มี 4 แบบ คือ
ขั้นตอนการเรียนรู้
ใครว่าอารมณ์ขันไม่ใช่วิชาการ???
อารมณ์ขันมีหน้าทีของมันอย่างมีแก่นสาร หากเราเรียนรู้แบบอารมณ์ขัน จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
การที่จะทำให้มีคนสนใจคุยกับเรา ต้องเป็นเรื่องที่น่าสนใจ ต้องมีมุขใหม่ ท้าทาย ทันยุค น่าขำ ง่ายง่าย คาใจ
ผู้นำกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กร
โดย ดร.ศิริลักษณ์ เมฆสังข์
- ศาสตร์ใหม่เริ่มมองเห็นการที่ผู้นำจะต้องเป็น Adaptive Change จากเดิมเป็น Transformational Leadership
- การทำหน้าที่โค้ช คือการทำหน้าที่พูดคุยกับลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน อย่างเป็นศาสตร์และศิลป์ ผู้นำต้องสอนผู้นำให้เป็นผู้นำรุ่นต่อไปได้
- ทักษะที่สำคัญของโค้ช คือ ทักษะการสื่อสาร แบ่งเป็น ทักษะการถาม ฟัง การให้ feedback การให้Feedback เป็นสิ่ง
การสร้างสัมพันธภาพของทีมงาน ต้องรู้สไตล์ของลูกน้องแต่ละคน
- หากมีวัฒนธรรมองค์กรแล้วผู้นำต้องมีการบริหารงานแบบปรับ คือ ปรับต่อการเปลี่ยนแปลงได้
- การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ของสังคมไทย เป็นสิ่งที่สร้างยากมากเนื่องจาก 3 ปัจจัย ได้แก่
- ในการสร้างความสามารถขององค์กร คนแต่ละคนต้องมีความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ อยากให้องค์กรยิ่งใหญ่ด้วย แต่ละคนมุ่งมั่นที่อยากจะทำให้ถึงเป้าหมาย
ความเชื่อของคนในองค์กร ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และผลงานขององค์กรสะท้องให้เห็นการจัดการบริหารองค์กรของผู้นำ
Baby Boom อายุ 45-63 เป็นพวกยึดติด ไม่ชอบเทคโนโลยี
Gen X อายุ 30-45
Gen y อายุ9-29 ต้องการทำงานแต่มีชั่วโมงการทำงานน้อย
และต้องการเทคโนโลยี ชอบเปลี่ยนที่ทำงาน ทำงานไม่ถึง 1 ปี ก็ลาออก
- เป็นความท้าทายของผู้นำ ที่ต้องจัดการกับคนที่หลายยุคที่แตกต่างกัน
- ผู้นำจะต้องให้โอกาสอย่างเป็นอิสระที่จะพูด
- มีความยืดหยุ่นในการทำงาน
- ให้การCoaching
- วัฒนธรรม จะเป็นเสมือนจิตใจขององค์กรที่จะเป็นเครื่องชี้นำในการแสดงออก และตอบสนองความต้องการของสภาพแวดล้อม โดยวัฒนธรรมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ความเป็นเอกลักษณ์ และความสำเร็จขององค์กร องค์กรอาจมีความสำเร็จหรือความล้มเหลวแตกต่างกัน เนื่องจากวัฒนธรรมหรือจิตวิญญาณขององค์กรที่ไม่เหมือนกัน
- หน้าที่ของวัฒนธรรม เพื่อสร้างแนวทางการประพฤติปฏิบัติ มาตรฐานการปฏิบัติงานและหนทางในการจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและสภาพแวดล้อมซึ่งลดความไม่แน่นอน เพิ่มความสามารถในการทำนายได้และเกิดการส่งเสริมความอยู่รอดและความเจริญเติบโต
- ปัญหาคือ ทำให้คนในองค์กรเข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรที่สร้างมาได้อย่างไร
- วัฒนธรรมขององค์กรสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
- การคิดต้องคิดอย่างเป็นระบบ ต้องปลูกให้ให้คนในองค์กรอย่านิ่งดูดาย(critical thinking) และคิดอย่างมี innovation
สร้างระบบเพื่อสนับสนุนแนวคิดใหม่
- ระบบทางเทคนิค (Technical) ที่จะนำไปสู่การผลิต และการ บริการที่มีประสิทธิภาพ
- คน
- เงินลงทุน/งบประมาณ
- เทคโนโลยี
- ระบบทางการเมืองในองค์กร (Poetical) มีอิทธิพลต่อ อำนาจ, โอกาสในอาชีพ และ การให้รางวัล
- ระบบด้านวัฒนธรรม (Cultural) จะสร้างแนวปฏิบัติร่วมกัน ความเชื่อและทัศนคติของผู้คนในองค์กร
การนำเสนอความคิดเห็นจากกลุ่ม โดยระบุรายละเอียดของแนวคิดและสิ่งที่จะทำให้เป็นจริง
กลุ่ม 1 ทำให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีระบบเรียนรู้
กลุ่ม 2 ทบทวนเครื่องมือในการบริหารจัดการคุณภาพ
กลุ่ม 3 โครงสร้างองค์กร ตามกระบวนการท้าทาย
Hr เป็นศูนย์กลาง
กลุ่ม 4 ผลักดันเรื่อง Asean ปรับแนวคิดเรื่อง o&m (Operation and Management)
องค์กรที่ประสบความสำเร็จ มีวัฒนธรรมและค่านิยมร่วมที่
- กำหนดพฤติกรรมที่ทุกคนต้องปฏิบัติ ตลอดเวลา
- สนับสนุนเป้าหมายหลักขององค์กร
ผู้นำที่ประสบความสำเร็จ มีค่านิยมของตนเองและค่านิยมขององค์กร
- การกระทำของผู้นำสะท้อนค่านิยมที่ผู้นำกำหนด และยึดถือ
วันนี้ได้อะไร
วันที่วันที่ 20 มิถุนายน 2555
ครั้งแรกที่เห็นโปรแกรมก็คิดอยู่ในใจว่า เอ... ใกล้จะจบอยู่แล้วอาจารย์จีระ ยังจะให้เรียนอะไรอยู่อีก จัดนำเสนอรายงานแต่ละกลุ่มไปเลยก็น่าจะ OK
แต่ผิดคาดครับเพราะอาจารย์ ดร.พจน์ ใจชาญสุขกิจ ที่มาสอนเรื่อง “เทคนิคการสื่อสารกับสื่อมวลชน” ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล เรื่อง “การทำงานอย่างมีความสุขและมีอารณย์ขัน” และ ดร.ศิริลักษณ์ เมฆสังข์ เรื่อง “การสร้างวัฒนธรรมองค์กร” ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยครับ รวมทั้ง ดร.จีระที่เหมือนมาสรุปรวบยอดให้เป็นหนึ่งเดียวในที่สุด
ดร.พจน์ ใจชาญสุขกิจ เรื่อง “เทคนิคการสื่อสารกับสื่อมวลชน”
ประเสริฐศักดิ์
ช.อศง-ลท.
ขอตัด ออก 2 หัวข้อครับ เป็นของอาจารย์ศิริลักษณ์
• อาจารย์เริ่มต้นที่ความท้าทายของ “ผู้นำ” ในการสร้างความสามารถขององค์กร ทั้งในกระบวนการทำงานและระบบปฏิบัติการ < -- > คน เมื่อมีคนเป็นผู้สร้างวัฒนธรรมขององค์กรและค่านิยมร่วมกันของคนกลายเป็นวิถีแห่งองค์กร ซึ่งไม่สามารถใช้วิธีการเดิมแบบ Transformational Leadership ได้อีกต่อไป กลับต้องใช้ Adaptive Change
• ระบบปฏิบัติการที่ดีโดยทั่วไปคือ 1) คนต้องการคำชื่นชม 2) สมรรถภาพเริ่มต้นจากความคาดหวังของแต่ละคน 3) ความคาดหวังขับเคลื่อนจากสิ่งที่คนคนนั้นมีอยู่ในตัวเขาเช่น เป้าหมาย มุมมอง ความเชื่อและสิ่งแวดล้อม 4) การกระทำของหัวหน้า 5) การเรียนรู้เป็นกระบวนการไม่ใช่เป้าหมาย และ 6) ผลลัพธ์ขององค์กรสะท้อนฝีมือผู้นำ
ประเสริฐศักดิ์
วันนี้ได้อะไร
วันที่วันที่ 20 มิถุนายน 2555
ดร. กิติ ชยางกูร พี่เลี้ยงเรื่อง “รายงานกลุ่ม”
ประเสริฐศักดิ์
ช.อศง-ลท.
วันนี้ได้อะไร
วันที่ 20 มิถุนายน 2555
อ.จีระ หงส์ลดารมภ์ เรื่อง “กฟผ. กับเส้นทางสู่การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้”
ประเสริฐศักดิ์
ช.อศง-ลท.
วันนี้ได้อะไร
วันที่วันที่ 21 มิถุนายน 2555
ดร. สุรวงศ์ วัฒนกูล เรื่อง “การทำงานอย่างมีความสุขและอารมณ์ขัน”
ประเสริฐศักดิ์
ช.อศง-ลท.
วันนี้ได้อะไร
วันที่ 22 มิถุนายน 2555
ดร. ศิริลักษณ์ เมฆสังข์ เรื่อง “ผู้นำกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กร”
ประเสริฐศักดิ์
ช.อศง-ลท.
ช่วงบ่ายวันที่ 22 มิถุนายน 2555 เป็นการนำเสนอของทั้ง 5 กลุ่มงาน
1.โครงการนำร่องโรงไฟฟ้าชุมชนโดยใช้เชื้อเพลิงจากขยะ
2.EGAT Green Power
3.โรงไฟฟ้าชุมชนกับการพัฒนาไฟฟ้าอย่างยั่งยืน
4.CSR กับจิตอาสาพัฒนาชุมชน
5. งาน CSR กฟผ. กับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ของ กฟผ.
และปิดงานอบรม EADP8 โดย อาจารย์จีระ สวัสดีครับ
ประเสริฐศักดิ์ ช.อศง-ลท. รายงาน
จบข่าว
สิ่งที่ได้เรียนรู้ในวันที่ 29 ม.ค. 56
ภาคเช้า โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ - สรุปอาจารย์พูดถึงเรื่องการเรียนรู้และการสร้างผู้นำ
ภาตบ่าย โดยคุณพจนารถ ชีบังเกิด - สรุปอาจารย์พูดถึงเรื่องการค้นหาตัวตนของตัวเรา