ผ้าขาวเปื้อนหมึก
กานนา สงกรานต์ กานต์ วิสุทธสีลเมธี

ตอนจบแล้วจ๊ะ


จะจบแล้วนะ

ตอน ๑๘ งานบวชแล้ว

ว่าด้วยเรื่องก็เกือบจะอวสานแล้วเรื่องผ่านไป และ ผ่านมา ก็เป็นเรื่องราวของเด็กวัดที่ชื่อว่ากานแนะ  ทุกท่านอาจจะสงสัยกันละซิว่า  ทำไมต้องเป็นเรื่องราวของเด็กวัดคนหนึ่ง แต่จะอธิบายโดยความเป็นจริงว่ากานไม่ไปอยู่ที่วัดแล้วจะเป็นเด็กวัดได้อย่างไร อันนี้อธิบายว่า เรื่องราวเล่านั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับกานก่อนบวชไงล่ะ เอาละเข้าเรื่องของเรากันเลยดีกว่า

ใกล้จะถึงงานบวชมาทุกที  ๆ แล้ว เวลานี้เร็วดีจังเลย  กานนอนคิดเพลินอยู่เลย  ระหว่างที่พ่อกับแม่กำลังวุ่นวายกัน ยุ่งกันจัดของที่จะเตรียมในงานบวช

พ่อตะโกนเรียกแม่ที่กำลังจัดข้าวของอยู่

แม่..แม่ว่าของพอหรือยังล๊ะ..

แม่ว่าพ่อน่าจะพอล๊ะนะ แล้วค่าใช้จ่ายทั้งหมดเสียเท่าไหร่ล๊ะ...

เสียไปเกือบ ๓,๐๐๐  บาท งานก็จะเริ่มพรุ่งนี้แล้วด้วย ตอนนี้ก็ดึกแล้วไปนอนกันเถอะ

หลังจากนั้น พ่อกับแม่ก็เข้าไปนอนพักผ่อนรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ และแล้วเวลาก็มาถึง ทุกคนดีใจมากแต่มีคนหนึ่งที่ดีใจตื้นเต้นมาก คือเจ้ากานนั้นเองตื้นเต้นเป็นพิเศษ

เย้...มาถึงวันนี้แล้ว  แต่มันกระตุก ๆ ยังไง ๆ  ไม่รู้

พ่อเห็นกานเดินไปเดินมาจึงเรียกกานมาทานข้าว

น้อย ๆ หน่อย ดีใจมากเกินไป  ลืมกินข้าวแล้ว ม๊ะ..กินข้าวก่อน

พ่อ..เดี๋ยวไปครับ

พอกานเข้าไปนั่งร่วมวงกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ก็รีบแต่งตัวไปวัดก่อนเลย แต่ก่อนขณะที่กำลังเดินออกจากบ้านก็ตะโกนเรียก

พ่อ..แม่ ผมไปก่อนนะ

พ่อตะโกนกลับตอบออกมา

เอ่อ...เดี๋ยวพ่อกับแม่จะตามไปนะ

กานก็วิ่งไปที่วัดเลย  ทั้งวิ่งทั้งเดิน

แอ๊ะ...ทำไมไม่รู้สึกเหนื่อยเลย  เหมือนตัวลอยยังไงยังงั้น สงกะสัยคงตื้นเต้นเกินไปมั่ง  ไม่รู้ว่าวันนี้ก้อยจะมาร่วมงานหรือเปล่านะ

จากนั้นกานก็วิ่งเข้าไปในวัด เพราะที่วัดไม่ใช่มีแต่กานที่บวช  แต่มีเพื่อนอีกหลายคนที่เข้าร่วมบวชด้วย

 

ตอน ๑๙ เริ่มทำพิธีบวชแล้ว (บรรพชา)

มาถึงตอนนี้แล้ว

..ขอใช้เสียงประชาสัมพันธ์เล็กน้อย  ในวันนี้ก็เป็นงานบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนแล้ว  คณะศรัทธาญาติโยมที่มากันแล้ว  พร้อมกับบุตรหลานของท่านที่จะเข้ามาทำพิธีในวันนี้  ก็ขอให้ผูกข้อมือ (เป็นการเรียกขวัญตามแบบชาวล้านนา  โดยเฉพาะการป้องกันภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้น)  บุตรหลานของท่านก่อนนะ  หลังจากนั้น ก็เริ่มโกนผมบุตรหลานไปก่อนเลย  พิธีนั้นจะเริ่ม บ่ายโมงของวันนี้  แล้วก็ตอนนี้ให้รีบทำภารกิจให้เสร็จก่อนเลย  ขอเจริญพร...

เป็นเสียงประชาสัมพันธ์จากหลวงพ่อที่บอกกำหนดการล่วงหน้าเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่พิธีการ

พ่อพูดขณะที่กำลังผูกข้อมือกานเพื่ออวยพร

กานเอ๋ย ขอให้ตั้งใจเรียนนะลูก  ขอให้เป็นเณรที่ดี อย่าดื้อ อย่าซนนะลูก

กาน...ลูกทำดีที่สุดแล้ว  ขอให้ลูกดูแลตัวเองให้ดีนะ  อย่าลืมช่วยหลวงพ่อที่วัดด้วยละ เป็นเสียงของแม่ที่พูดพร้อมกับผูกข้อมือให้

จากนั้นก็เป็นญาติพี่น้องที่มาร่วมงานผูกข้อมือแล้วก็อวยพรให้ต่าง ๆ นานา

พอมาถึงคนที่กานรอคอยที่สุดนั้น  ก็คือก้อยนั้นเอง

กานจ๋า.. ขอให้กานตั้งใจเรียนนะ  ก้อยจะเป็นกำลังใจให้ แล้วอย่าลืมคิดถึงเราด้วยล๊ะ  เสียงของก้อยที่อวยพรให้ขณะที่ก้อยกำลังผูกข้อมือให้กาน  กานยิ้มก่อนตอบว่า

ขอให้ก้อยอย่าลืมเรา คนที่ชื่อกานคนนี้ก็แล้วกัน

แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันอย่างชอบใจ จากนั้นก็ได้เวลาโกนผม  กานเห็นก้อยยืนดูอยู่ทุกซอล์ค (ทุกครั้ง) แล้วกานเองก็ไม่ลืมที่จะมองดูก้อยแล้วส่งยิ้มให้ทุกครั้ง ก้อยเองก็ยืนยิ้มอยู่ห่าง ๆ แต่เหตุไฉนสายตาของเธอไม่สดชื้น เหมือนเราเลยเป็นอะไรนะ

กานก็โกนผมเสร็จ แล้วก็ต้องล้างน้ำ  เช็ดให้แห้งก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาก้อย

ก้อย...ถึงเวลากินข้าวแล้ว...ไปกินข้าวกันเถอะ

แล้วก็จับมือก้อยเดินไปที่โรงทาน (อาหารที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาเลี้ยงร่วมในงานบุญด้วย มีเป็นซุ้ม ๆ ) หยิบกับข้าวมากินด้วยกันสองคนแล้วก้อยก็ทัก ขึ้นว่า

กานจ๋า...วันนี้เป็นวันที่เรา  มีทั้งสองอารมณ์เลยนะ

กานเห็นอย่างนั้น  ก็เลยถามก้อยว่า

    เป็นยังไงเหร๋อ...สองอารมณ์ไม่เข้าใจ

ก่อนที่ก้อยจะตอบคำถามนั้น กานก็ถูกเรียกให้ขึ้นไปที่พระวิหาร  เพื่อที่จะประกอบพิธีบรรพชา

    เราไปก่อนนะก้อย..เริ่มทำพิธีกันแล้วล่ะ

ก้อยมองดูกานวิ่งไป....ก้อยคิดว่า

    ...เราคงไม่ต้องบอกกานแล้วมั่ง  กานคงจะรู้แล้วล๊ะ วันนี้เป็นวันที่กานเขามีความสุข  อย่าทำให้กานเสียอารมณ์เลยดีกว่า  ปล่อยกานเขามีความสุขเถอะ

 

ตอนจบ จะจากกันจริง ๆ แล้วเหรอ

จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ทุกอย่างต้องจาก เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตสัตว์โลก จากคนที่ชื่อว่ากาน ตอนนี้กลายเป็นคนที่ถูกเพิ่มชื่อ  ที่เรียกกันอยู่ว่า เณรกาน กานได้บรรพชาเป็นสามเณรเรียบร้อยแล้ว  เดินบิณฑบาตผ่านมาที่หน้าบ้านของก้อย  พอก้อยเห็นแล้วก็เดินออกมา  เพื่อที่จะใส่บาตรพร้อมกับพี่ต้อย แล้วพี่ต้อยก็พูดขึ้นว่า

เณรกาน วันนี้ก้อยเขาจะเข้าไปอยู่  ในเมืองกรุงฯ แล้วรู้ไหม

ห๋า...ก้อยจะไปวันนี้เหร๋อ  ไม่รู้เรื่องเลย หรือว่าเณรมัวคิดแต่เรื่องบวชเลยไม่รู้เรื่อง

แล้วก้อยก็พูดขึ้นว่า

พี่ต้อย เณรกานไม่อยากรู้เรื่องหรอก เป็นสามเณรแล้วด้วย

แล้วเณรกานก็พูดขึ้นว่า

ก้อย..ก็เณรพึ่งจะมารู้นี่เอง ขอโทษนะ อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยล๊ะ

ก้อยไม่เป็นไรหรอก เณรไม่ต้องเป็นห่วง เราดูแลตัวเองได้

แล้วก้อยกับพี่ต้อยก็เดินเข้าบ้านอย่างขาดเยื่อใยโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองดูเลย แล้วเณรกานก็เดินก้มหน้ากลับวัดอย่างหมดอาลัย (จบครับ) ยัง...เรื่องยังไม่จบ

ขณะนั้นก้อยก็หันไปพูดกับพี่ต้อยว่า

พี่..เณรเขาจะคิดยังไงบ้างนะ..เขาจะโกรธก้อยไหม ที่ก้อยพูดกับเขาอย่างนั้น

ไม่หรอก..เขาคงจะเข้าใจแล้วล๊ะ เพราะว่าลืมวันที่จะต้องจากกันไง

เดี๋ยวก่อนจะไป...ก้อยจะเข้าไปขอโทษเขาแล้ว ก็..บอกคำลากันก่อนนะพี่

จ๊ะ...ไปก็ไป เดี๋ยวเตรียมข้าวของเสร็จก่อนนะ เดี๋ยวค่อยไปกัน

หลังจากที่ทุกคนเก็บข้าวของกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเดินทางขึ้นรถไปลงที่วัด แล้วก้อยวิ่งเข้าไปหา...เณรกานที่กำลังนั่งหันหลัง..คือ  หันมองไปทางทุ่งนาหลังวัด กำลังคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้

เสียงผู้หญิง คิดว่าน่าจะเป็นเด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกันดังขึ้น  จนทำให้เณรกานต้องหันไปมองหาเจ้าของเสียงที่กำลังดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

เณรจ๋า..ก้อยมีเรื่องจะบอก

มีเรื่องอะไรเหร๋อจ๊ะก้อย..มาบอกลากันใช่ไหม..

ทำไมเณรถึง รู้  ล๊ะ

..ก็...มารู้เรื่องตอนที่ไปบิณฑบาตบ้านก้อยไง  ก็เลยรู้

 ก็นั้นซิ...ทำไมเราต้องมา...บอกลาด้วย  รู้แล้วเราก็จะไปแล้วล๊ะ

เดี๋ยวก่อนซิ...จะลากันแบบนี้เหรอ  ทำไมก้อยใจร้ายจัง ไม่รักคนที่ชื่อกานแล้วเหรอ หรือว่าก้อย ลืมกันแล้ว

ก้อยยิ้มก่อนตอบ

ไม่ได้ลืมซักหน่อย แค่คิดถึงมาก จนทำอะไรไม่ถูก

เณรกานยิ้มก่อน..ตอบไปว่า

รักกันอยู่ใช่ไหม  อย่าลืมกันนะ

จ๋าไม่ลืมหรอก คิดถึงให้มาก ๆ นะ บ๊าย บาย เณรกาน ก้อยเดินออกไปพร้อมกับโบกมือให้เณรกานแล้วส่งยิ้มให้ เณรกานเองก็ตอบกลับไปเหมือนกัน พร้อมกับโบกมือให้

จ๊ะ บ๊าย บาย อย่าลืมกันนะจ๊ะ

ก้อย + กาน ตลอดไป จบบริบูรณ์

ข้อควรจำ *** เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้แต่งจงใจแต่งขึ้นเพื่อความสนุก พร้อมกับข้อคิด แปลปรับเปลี่ยนเรื่องจริง (อย่าคิดว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด)

ขอบพระคุณ โยมพ่ออินทร์ศร โยมแม่บัวแก้ว และโสภาพรรณน้องสาวที่น่ารัก

หลวงพ่อท่านพระครูพิศาลวิริยกิจ  ที่เอื่ออำนวยสถานที่ วัดมะองค์นกในการแต่ง

คณะครูอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชา คอยสั่งสอน  

มิตรอันเป็นที่รักทั้งหลายที่ทั้งแนะนำ แล้วยังมอบบทกลอนเพิ่มเติม

ลูกศิษย์ที่รักทุกคน

ที่มอบกำลังใจให้จากใจทุกท่านโดยเฉพาะการเขียนเรื่องนี้ข้าพเจ้าตั้งใจมอบให้กับนักเรียนที่จะจบการศึกษาในปี ๒๕๕๔ นี้เพื่อเป็นกำลังใจที่จะเดินทางสู้ต่อไปเพื่อวันข้างหน้า

ขอให้บุญกุศลนี้จงย้อนกลับมาปกป้องท่านทั้งหลายที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงและนักเรียนที่รักทุกคนจงประสบแต่ความสุข ความเจริญ ในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ...

พระสงกรานต์ วิสุทฺธสีโล  รหัส ๕๑๑๐๕๔๐๑๑๑๐๗๙

ปี ๔ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนภาษาไทย

คำสำคัญ (Tags): #ไปแล้วนะทุกคน
หมายเลขบันทึก: 491764เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 16:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท