ผ้าขาวเปื้อนหมึก
กานนา สงกรานต์ กานต์ วิสุทธสีลเมธี

ขอบใจคนอ่านมาก


อยากขอบคุณทุกคน

ตอน ๙ นิทานคติธรรมจากสอนใจ พ่อ และแม่

  พอกลับบ้านแล้วก็อาบน้ำ ทานข้าวเย็นร่วมกันสนทนาไปด้วย หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเย็นกันเสร็จ ออกมานั่งกันตรงมุมบ้าน ที่ลานหน้าบ้านเพราะมีร่มไม้พร้อมกับมีแสงไฟสว่างพอที่จะเห็น พ่อเริ่มต้นก่อนเล่าเรื่อง หันมาถามเด็กทั้ง สองคนที่กำลังเล่นกันอยู่

..อ้าว เด็ก ๆ วันนี้พ่อจะเล่านิทานให้ฟัง  อยากฟังไหม..

..จ้า อยากฟัง พ่อเล่าซิ...

เป็นเสียงน้องสาวดังขึ้นมา พร้อมกับหยุดเล่นทุกอย่างแล้วหันมาทางพ่อ  พร้อมกับกาน 

และแม่ก็ตามมาติด  ๆ

..วันนี้พ่อมันเป็นอะไร  อยู่ ๆ ก็มาเล่านิทาน

เป็นเสียงของแม่ที่พูด หลังจากที่มานั่งที่เก้าอี้

..เอาละ พ่อจะเล่าให้ฟัง  นิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณปู่ของพวกเรา  ท่านเล่าให้ฟังตอนที่พ่อเป็นเด็กนะ  เรื่องมีชื่อว่า..ช่างตัดไม้กับขวานทอง..

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งติดอยู่กับชายป่า และรอบ ๆ เป็นแม่น้ำลำธาร แล้วเมื่อหมู่บ้านติดกับป่าก็ต้องมีช่างตัดไม้ ช่างตัดไม้คนหนึ่งซึ่งเป็นคนยากจน บ้านของเขาเองก็อยู่ท้ายหมู่บ้านด้วย และเขาผู้นี้ เป็นคนที่กตัญญู กตเวทิตา รู้คุณขยันทำงาน เขาเองซึ่งหาไม้ไปขาย แล้วเขาจะต้องเลี้ยง พ่อกับแม่ที่แก่ชรามาก ในวันหนึ่ง เขาได้เข้าไปในป่า เขาเห็นต้นไม้ต้นหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ใหญ่พอสมควร พอที่เขาจะนำกลับไปบ้านได้ และคิดว่าคงจะนำไปขายได้เงินมาซื้อกับข้าวไปฝากพ่อและแม่ที่บ้านได้ เขาเองได้นั่งคุกเข่าลง และยกมือไหว้อธิษฐานว่า ข้าพเจ้าขอตัดต้นไม้นี้เถิด แล้วก็ได้ใช้ขวานเก่า ๆ ของเขาตัด ขวานก็ดูเก่ามากจนมองดูไม่ออก และก็ไม่รู้ว่าเป็นขวาน ตัดไปครั้งแรกขวานของเขาได้เกิดหลุด ออกจากด้ามกระเด็นออกไป เขาก็นำขวานกลับมาประกอบตามเดิม แล้วก็ลงมือตัดต่อไปอีก ขณะที่ตัดอยู่ตรงนั้น ขวานก็เกิดหลุดมาอีกแต่ครั้งนี้กระเด็นไปไกลพอสมควร เผอิญว่าขวานของเขาได้ลงตกไปที่แม่น้ำ เขาเองก็พยายามค้นหา งมหา ลงดำ จนเวลาผ่านไปนานสมควร เขาไม่รู้จะทำยังไง เขาคิดถึงพ่อแม่ของเขาอย่างจับใจ เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะความหวังในตอนนี้มีเพียงเขาเท่านั้น ถ้าเกิดกลับบ้านไปตัวเปล่า พ่อกับแม่ของเขาคงไม่ได้ทานอะไรเลยในตอนเย็นนี้ เขายังไม่หมดความหวังพยายามค้นหาอีกรอบ เชื่อว่าต้องทำได้ ในเมื่อเทวดาซึ่งรักษาป่าอยู่เห็นอย่างนั้นสงสารเขาขึ้นมาอย่างจับใจ จึงเนรมิตรกายเป็นชายหนุ่มเดินเข้ามา และอาสางมขวานช่วย งมขวานขึ้นมาครั้งแรก เป็นขวานทอง ชายคนนั้นถามว่า ขวานเล่มนี้ของเจ้าใช่ไหม ช่างตัดไม้ตอบว่า อันนี้ไม่ใช่ แล้วครั้งที่สองชายคนนั้นลงงมอีก เป็นขวานเพชร แล้วก็ถามอีกว่าเล่มนี้ของเจ้าไหม ช่างตัดไม้ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ไม่ใช่ แล้วก็ตอบอีกว่า ขวานของเรามันเก่ามาก จนดูไม่ออกเลยว่าใช่ขวานหรือเปล่า ชายคนนั้นก็ลงงมอีก ครั้งนี้เป็นขวานเก่าจริง ๆ ก็ถามขึ้นว่าใช่ของเจ้าหรือไม่ ช่างตัดไม้เห็นดังนั้นก็ดีใจ รีบบอกไปว่า ใช่แล้วของเรา เราขอบคุณท่านมาก หลังจากที่ชายแปลกหน้าขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับส่งขวานให้ทั้งหมด แล้วก็คืนสู่ร่างเดิมเป็นเทวดา แล้วก็ได้พูดขึ้นว่า เจ้าจงรักษาความดีของเจ้าไว้ แล้วทำความดีของเจ้าตลอดไป แล้วเทวดาก็หายวับจากเขาไป...นิทานเรื่องนี้ก็จบ

ขณะที่นั่งฟังกันนั้น  แม่ก็พูดขึ้นว่า 

..เราได้อะไรจากนิทานเรื่องนี้บ้าง  นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  การทำความดีย่อมได้รับผลดีตอบแทนแต่จะมาช้าหรือเร็ว  อยู่ที่ตัวเราเอง ..ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว...

หลังจากที่แม่พูดจบ  น้องสาวเองก็หลับคาตักของแม่ไปเรียบร้อย กานเองก็ง่วงนอนเหมือนกัน เพราะตอนกลางวันเพียมาก เพราะขยับปากมาทั้งวัน  พ่อแม่ และน้องสาว พร้อมกับกานเองก็พากันเดินเข้ามาในบ้าน  แล้วก็แยกย้ายกันเข้าที่นอน แล้วก็เข้าสู่นิทรา...

 

ตอน ๑๐ ข้อแตกต่างระหว่าง  ชายหญิง จากก้อย ภาค  ๑

มาวันนี้ได้เจอกันสักที  กว่าจะเจอกันได้ ในระหว่างกานกับก้อย  ก็เป็นเพื่อนกันสมัยเด็ก  ๆ มาแล้ว ไม่มีอะไรกันหรอกตามประสาเพื่อนสนิทกัน  เคยทะเลาะกันบ่อยมาก จำไม่ได้ว่าเคยทะเลาะกันเรื่องใดบ้าง  เพราะไม่ได้ตั้งชื่อเรื่องเลย มาถึงเรื่องของกานกันเลยดีกว่า  กานนะตอนนี้ได้มาเที่ยวที่โรงเรียนเพราะวันนี้เป็นวันหยุด  มาเล่นกับเพื่อนแต่วันนี้เป็นวันอะไรไม่รู้เพื่อนดันไม่มากัน กานจึงเดินเที่ยวตามที่ต่าง ๆ แต่ขณะนั้นก็เห็นห้องสมุด

ที่กำลังเปิดอยู่  ด้วยความสงสัยกานก็เดินเข้าไป

..เอ๋ ก็ดีเหมือนกันนะ  เข้าไปอ่านหนังสือดีกว่า..

ระหว่างที่กานกำลังจะถอดรองเท้าเดินเข้าไป  ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น

..อ้าว กานมาเที่ยวโรงเรียนเหรอ  มาคนเดียวแล้วเพื่อนกานละ

เป็นเสียงของก้อย  ผู้หญิงที่กานอยากจะคุยด้วยตั้งนานละ

..จ้า ใช้เรามาเที่ยว  มาคนเดียวด้วย เพื่อนไม่มาด้วยเลย  แล้วก้อยล่ะ มาอยู่คนเดียว  เพื่อนของก้อยล่ะมีไหนกันหมด

..ใช่เรามาคนเดียว  เพื่อนเราไม่มาเลย เราทำความสะอาดเสร็จแล้วล่ะ  อ่านหนังสือกันไหม

ก็ได้ แก้เหงาไปก่อนก็ดี

กานกับก้อยก็พากันเดินไปที่มุมหนังสือ  แล้วก็หยิบหนังสือออกมานั่งอ่านที่โต๊ะ

..กาน เราเจอหนังสือเล่มหนึ่งนะ  ว่าเรื่องข้อแตกต่างระหว่างชายหญิง  ดูสิ ให้กานอ่านของผู้ชายนะ  แล้วก้อยจะอ่านของผู้หญิง  โอเคไหม

..ได้ซิ ว่ามาเลย

..เริ่มล๊ะนะ ผู้หญิงได้เปรียบ 

  1.    
  2. ง   ง 
  3. ย  ง 
  4. ด    น 
  5. า    ....
  6. น   
  7. ร   
  8. ย   อ...
  9.   ม 
  10.   น 

..เป็นไงล๊ะกาน สุดยอดไหม  เอาล่ะตากานอ่านบ้าง..

..จ้า..

 

ตอน ๑๑ ข้อแตกต่างระหว่างชายหญิง จากกานภาค ๒

ตอนนี้ก็มาถึงเรื่องของกานที่จะมาพูดกันแล้วนะ  หยิบหนังสือจากก้อยขึ้นมาพร้อมจะอ่าน  แต่ก่อนที่กานจะลงมืออ่านนั้นกานต้องเซ็กความแน่ใจของผู้ฟังก่อน  จึงถามก้อยว่า

..ก้อย พร้อมหรือยัง กานอ่านล่ะนะ..

..จ๊ะ ว่ามาดิ เราทำใจได้..

โอ้   โห้ ขนาดต้องทำใจเชียวเหรอก้อย..

กานทำหน้าตาตกตื่นในคำพูดของก้อย ที่ว่าต้องทำใจ ก้อยยิ้มก่อนพูดว่า

..ไม่หรอก ก้อยล้อกานเล่นน่ะ  ก้อยพร้อมที่จะฟังแล้ว  ทำเป็นน้อยใจไปได้..

แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะพร้อมกัน  ก่อนที่กานจะเริ่มอ่าน

...ไม่ได้น้อยใจ ใจน้อยต่างหาก  AB Notmont ก้อย กานจะว่าล่ะน่ะ ผู้ชายได้เปรียบ

  1.   จ า ี 
  2. ง   
  3. บ   
  4. ้     
  5.   ย  
  6.  ย  Casual life ว 
  7.   ก 
  8.   น 
  9.    น 
  10. ก   

..ว่า ไงสะใจดีไหม  อ้าวทำไมถึงเงียบไป คงจะ  IN ล่ะซิเนี้ย..

..เปล่า แค่อยากขอให้ช่วยไปส่งก้อยกลับบ้าน  หน่อยซิใกล้จะมืดแล้ว..

ดูจากลักษณะท่าทางของก้อยแล้ว  น่าสงสารจริง ๆ 

..ได้จ๊ะ ก็กลับทางเดียวกันอยู่แล้ว 

ทั้งสองคนออกจากห้องสมุดไป ช่วยกันปิดหน้าต่าง และประตูเสร็จก็เดินออกมา พูดคุยกันไประหว่างทางเดินกลับบ้าน

..ก้อยอย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยน่ะ  ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

..จ้า กานด้วยนะ  กานมัวแต่ห่วงคนอื่น ไม่ยอมดูตัวเองบ้าง

ทั้งสองคนยิ้ม ให้กัน พอไปส่งก้อยถึงบ้านแล้ว

..จ๊ะ ถึงบ้านก้อยละ  เข้าบ้านก่อนนะ ค่อยเจอกัน ให้กานรีบ ๆ กลับนะ ใกล้มืดแล้ว บาย ๆ จ๊ะ

..จ้า บาย ๆ เจอกันใหม่  ซี ยู อะเกน ทู มอ  โร้

โบกมือลา ส่งยิ้ม  พร้อมกับหันหลังเดินกลับบ้านอย่างสบายใจไปอีกหนึ่งวัน 

 

ตอน ๑๒ คำนินทาในวงเหล้า

ตอนหลังจากกลับไปส่งก้อยถึงบ้านแล้ว  กานก็ต้องเดินกลับมาบ้าน  ซึ่งก่อนจะถึงบ้านของกานเองก็ต้องผ่านร้านคาราโอเกะของน้องพร จะว่าน้องก็ไม่ใช่เราควรเรียกว่าพี่พรจะดีกว่า แต่ชื่อร้านของเขาเป็นอย่างนั้นจริง ๆ กล่าวถึงนักเลงขี้เมาอย่างลุงคำ แน่นอนว่าแกไม่ขาดแน่นอน  ขาประจำร้านนี้อยู่แล้วเพราะใกล้บ้านแกด้วย  ลุงคำเองจัดได้ว่า น่าจะเป็นขี้เมาประจำหมู่บ้านเลยก็ว่าได้  ครองแซมป์ตลอดกาล ไม่มีตังค์เดี๋ยวติดไว้ก่อน (แปะ) พอมีตังค์ก็จ่ายของเก่า แล้วก็เอาของใหม่อีก

อ้าวกาน.. ไปไหนมา  เดินมาคนเดี๋ยวเหรอว๊ะ  มา..มานั่งคุยกันก่อน

เสียงของลุงคำเรียก  พร้อมกับโบกมือเรียกกานให้เข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย

ครับ..เดินมาคนเดี๋ยวครับ ครับแป๊บเดี๋ยวนะครับ

กานขานรับพร้อมกับเดินเข้าไปสนทนาร่วมด้วย

เอ๋อ..แป๊บ

หลังจากนั้นลุงคำแกก็ร่ายยาวเลย  สารพัดสรรหามาพูด เก็บข้อมูลไม่ทัน แต่จำอยู่เรื่องหนึ่งว่า  ลุงคำพูดถึงน้าหน่อยที่ไปทำงานอยู่กรุงเทพฯ เรื่องมีอยู่ว่า

นา..อีหน่อย น๊า  มันไปทำงานที่กรุงเทพฯ  มันได้เป็นใหญ่เป็นโต ตอนนี้มันได้เป็นเสมือน (ทำงานราชการอำเภอ) อยู่ที่กรุงเทพฯ  พวกเอ็งพากันอิจฉา ล๊ะซิถ้า นี่มันได้เงินเดือนเกือบ  หมื่น แนะ มันบอกว่าวันพรุ่งนี้จะกลับมา เยี่ยมพ่อกับแม่ที่บ้าน มันบอกว่าจะส่งตังค์มาให้ใช้ด้วย  สุดยอดเลยว๊ะ ไปอยู่เมืองกรุงตั้งนานกลับมามีตังค์  มีของฝากติดไม้ติดมือ สงสัยคงจะมากเลยว๊ะ กูล๊ะ อยากเห็นจริง ๆ

เวลาก็ผ่านไปรวดเร็วมาก  และก็นานพอสมควรเหมือนกัน จากนั้นกานก็ขอตัวกลับก่อน  เดี๋ยวถูกพ่อแม่ดุ 

พอถึงเวลานั้น น้าหน่อยกลับมาจริง ๆ กลับมาบ้านของลุงคำจริง แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่ลุงคำบอกเลยสักนิค แถมยัง ท้องไม่มีพ่อกลับมาอีก ของฝากนั้นเหรอน่าจะเป็น กระเป๋าเสื้อผ้า ของลูกและก็ของตัวเองมากกว่า นี้แหละน๊าการนินทา ดังที่อาจารย์ได้กล่าวไว้ว่า “การนินทากาเล เหมือนเทน้ำ ไม่ซอกซ้ำ เหมือนเอามีดมากรีดหิน แม้นองค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา” (บทกลอนนี้ได้ยินอาจารย์ปาหนัน จอมนงค์ สมัยเมื่ออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ) จากนั้นกานก็นั่งทานข้าวกับพ่อ แม่ และน้อง

 

ตอน ๑๓ บทกลอนระหว่างเพื่อน

ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องจากกันแล้ว  และไปสู่การเรียนรู้สถาบันอื่น  เส้นทางยังยาวไกลที่พร้อมจะให้ทุกคนได้ฝ่าฟันไป

บทกลอนสอนใจ

ตีนกับตา อยู่กันมา  แสนผาสุก  จะนั่งลุก ยืนเดิน เพลินหนักหนา

มาวันหนึ่ง ตีนทะลึ่ง  เอ่ยปรัชญา ว่ามีคุณ แก่ตา เสียจริงจริง

ตีนช่วยพา ตาไป ที่ต่างต่าง  ตาจึงได้ ชมนาง และสรรพสิ่ง

เพราะฉะนั้น ดวงตา  จงประวิง  ว่าตีนนี้ เป็นสิ่ง ควรบูชา

ตาได้ฟัง ตีนคุยโม้  ก็หมั่นไส้  จึงร้องบอก ออกไป ด้วยโทสา

ว่าที่ตีน เดินเหินได้  ก็เพราะตา  ดูมรรคา เศษแก้วหนาม ไม่ตำตีน

เพราะฉะนั้น ตาจึง  สำคัญกว่า  ตีนไม่ควร จะมา คิดดูหมิ่น

สรุปว่า ตามีค่า  สูงกว่าตีน  ทั่วธานินทร์ ตีนไปได้ ก็เพราะตา

ตีนได้ฟัง ให้คลั่งแค้น แสนจะโกรธ เร่งกระโดด ออกไป ใกล้หน้าผา

เพราะอวดเก่ง คุยเพ่ง  เก่งกว่าตา ดวงชีวา จะดับไป ไม่รู้เลย

ตาเห็นตีน ทำเก่ง เร่งกระโดด  ก็พิโรธ เร่งระงับ หลับตาเฉย

ตีนพาตา ถลาล้ม ก้มทั้งเงย  ตกผาเลย ตายห่า ทั้งตาตีน

รวบรวมโดย สามเณร ณพงค์  อนุทุม

เรียบเรียงโดย สามเณร สงกรานต์ แสงกาบแก้ว

ถ้าเราขาดความสามัคคีกันแล้ว ไฉนเลยงานที่พวกเราทำร่วมกันจะสำเร็จได้ คิดสักนิดก่อนจะทำ 

คนทุกคน ล้วนมีความสามารถที่แตกต่างกัน  ร่วมกันทำงานก็จักสำเร็จได้

นี่เป็นเสียงอาจารย์ที่ให้โอวาทก่อนจะจบการรับใบวุฒิบัตรในวัน อำลาสถาบัน ระหว่างจบประถมศึกษาปีที่ ๖ มาถึง

วันนี้มันดูเศร้า  ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกับว่ามีใครตายอย่างนั้นแหละ ทั้งที่เจอหน้ากัน 

ดูก้อยซิ เช็ดน้ำตาใหญ่เลย

กานเดินเข้าไปหาก้อย แล้วทักทายว่า

หวัดดีจ๊ะ ก้อยเป็นไรไหม  เช็ดน้ำตาซะ อย่าขี้แงซิ  วันนี้วันดีนะ

พูดพร้อมกับเตะไหล่เบา ๆ 

จ๊ะ หวัดดีเราไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ จะไม่ให้ขี้แงได้อย่างไรแหละก็วันนี้เราต้องจากกันแล้วนี่

ก้อยพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตา

แล้วจะไปเรียนต่อที่ไหนละ 

กานถามก้อย

ก้อย คงไปเรียนในกรุง  ตามที่ก้อยได้บอกกานไว้ไง

ว้า...ไม่ได้เจอกันซะแล้ว เสียดายจัง

ไม่เป็นไรหรอกน๊า  เราจะคิดถึงกานให้มาก ๆ  เลย

ก็แค่คิดถึงนิ มันก็แค่นั้น

น้อยใจอีกแหละ ไม่หล่อเลยนะ ดูซิพวกเขาก็จะไปเหมือนกัน

ก้อยพูดพร้อมกับชี้มือไปที่เพื่อน  ๆ ที่อยู่กลางลานสนาม

เอาอย่างงี้ไหม เดี๋ยวเราฝากบทกลอนให้ก้อย 

ได้ซิ อยากฟังจัง เราก็มีเหมือนกัน

เอาล่ะ ฟังนะ 

ถึงยามเรียน เรียนจริง  ให้ยิ่งใหญ่

ถึงยามเล่น เล่นไป ให้สุขสันต์

เรื่องเรียนเล่น เล่นเรียน  เปลี่ยนสัมพันธ์

รู้เท่ากัน ทำเป็น อย่าเล่นนาน

เพราะจังเลย แต่งเองหรือเปล่าจ๊ะ  ต่อไปของเราบ้างนะ

มีเพื่อนชาย บ้านไกล  เอาใจยาก

มันลำบาก ยิ่งนัก  เมื่อได้เห็น

ถ้าอยู่ใกล้ คงได้  พบทุก เช้า – เย็น

เมื่อได้เป็น เช่นนั้น ก็คงดี

คงจะมี เวลา ไปเยี่ยมหา

หวังว่ากาน คงมี เมตตา 

ได้ปรึกษา เรื่องทุกข์  ร้อนใจ

แต่นี้ คงไม่ได้ไป เพราะเป็นไปไม่ได้ 

แต่คงได้ เขียน  จดหมายมา

แต่ไม่ได้พบหน้าเพราะอยู่ไกล

อีกบทหนึ่งนะอันนี้กานจะแถมให้

เมตตาเอื้ออาทร

ไม่มีใครรู้ชะตาอนาคต   สุดกำหนดทางทุกข์หรือสุขสันต์

ทุกท่วงท่าทุกนาทีทุกชีวัน  คือความฝันสีทองของทุกคน

วัยโหยหาวัยคะนองวัยลองรู้  ได้ลองดูรู้รสบทเริ่มต้น

แรงสวาทปรารถนาในสากล  หลงวังวนกามเทพถึงเสพยา

ไม่มีใครคาดคิดเรื่องติดเอดส์  หลากหลายเหตุไม่เคยผ่านการศึกษา

ไร้ความรักความเข้าใจไร้เมตตา  อีกปัญหาอย่าร้างภัยสังคม

หลงทางผิดถูกซักซวนล้วนสิ่งล่อ หลงนกต่อติดหวั่นการเพาะข่ม

ยิ่งแก้กับยิ่งพันเป็นล้านบ่ม  ชีวิตล่มเมื่อถูกผูกเงื่อนตาย

มิมีใครว่าผิดหรือคิดชั่ว   ทุกถ้วนทั่วเป็นคนดีมีความหมาย

โลกยังไม่ทอดทิ้งทั้งหญิงชาย  ฉากสุดท้ายคือบทแต่งกฎแห่งกรรม

ญาติร่วมเรือนเพื่อนร่วมโลกร่วมโศกสุข  อย่าจมทุกข์กับชีวิตที่ผิดถลำ

โลกยังมีสิ่งวิเศษเมตตาธรรม  เต็มใจคล่ำให้คุณอยู่คู่สังคม

เรียบเรียงโดย นางสาวอรวรณ  สุวรรณผล

 

คำสำคัญ (Tags): #อ่านกันหน่อย
หมายเลขบันทึก: 491762เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท