ผ้าขาวเปื้อนหมึก
กานนา สงกรานต์ กานต์ วิสุทธสีลเมธี

น่าสนใจนะ


เรื่องน่าอ่านด้วย

ตอน ๑๔ ในวันที่จากลา

เป็นเรื่องเศร้าอย่างมาก IN มากสงสัยเป็นเรื่องที่....เรื่องหนึ่งเลยนะ ว่ากันไปใหญ่เลย มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ระหว่างที่ทั้งสองเดินกันไปคุยกันไป ถามว่าใคร สงสัยซิ ก็กานกับก้อยไง ถามอย่างนี้แสดงว่าไม่ได้ติดตามตอนที่ผ่าน ๆ มาเลยซิเนี้ย และตอนนี้ก็มาถึงห้องที่ทั้งสองเคยเรียนด้วยกัน อยู่เก็บของทั้งหมด และนี่คงเป็นเวลาช่วงสุดท้ายที่จะต้อง จากกัน ตอนนั้นเองกานมองดูก้อยเดินดูรอบห้องอย่างหน้าเศร้า ซึ่งกานเองในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไร เหมือนก้อย แต่ดูเหมือนว่ากานจะเก็บความรู้สึกได้ดีเลยทีเดียว

..ก้อย อย่าเสียใจไปเลย  อย่างน้อยก้อยก็มีข้าวกิน  นะ

ก้อยหันมายิ้ม ก่อนจะที่จะตอบกานไปว่า

กาน ยังมีอารมณ์มาพูดเล่นอยู่เหรอ

กานก้มหน้าไม่ว่าไรทั้ง  ๆ ที่ลึก ๆ ตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับก้อย ก้อยพูดขึ้นอีกครั้ง

ล้อเล่นน่า....น้อยใจอีกล่ะ ก้อยรู้อยู่แล้วว่ากานก็รู้สึกเหมือนกัน เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วนิ…อ่อ..แล้วกานว่าจะแต่งกลอนให้ไง

ใช่..นี่ไง จดเลยนะ

หลงรัก คิดถึง ห่วงหา เมตตา รับฉัน พินิจไฉน

คงเป็น ไม่ได้ ใช่ไหม ที่เธอ จะมา รักฉัน

ในเมื่อ เรายัง ไม่สู้หน้า หน้าตา เป็นไง ไม่รู้

คำพูด จะหวาน หรือหดหู่ จะปักใจ ให้เธอ สักกี่รู

ถึงได้รู้ ว่ารัก มากเท่าไร

..โอ้ โฮ้ เพราะจังเลย  ดูดิ ทำหน้าตาตอนอ่านกลอนใสอารมณ์นะเนี้ย

พูดเป็นเล่นน่า เอาล๊ะเราเดินกลับกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน

..จะเป็นไรเหร๋อ ไม่อยากพูดกับเราเหร๋อ

ก้อยหันมาคุยกับกานก่อนที่จะก้มหน้าเดินออกไป กานเดินตามก้อยเพราะรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร เพราะก้อยขี้แงตั้งแต่เด็ก  อีกอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าไปติดนิสัยเอาแต่ใจมาจากไหน สงสัยคงเป็นลูกสุดท้อง เลยได้ใจแต่เธอก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ

เดี๋ยวก่อนก้อย..ฟังก่อน  ที่กานพูดไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นสักหน่อย  แต่เป็นห่วงว่าก้อยกลับบ้านดึกดื้น

อย่างงี้นะ ก้อยเป็นผู้หญิงนะ  อีกอย่างก้อยก็น่ารักด้วย

กานเดินตามก้อยมาติด ๆ แต่ก็ยังไม่วายก้อยยิ่งเดินเร็วออกไปอีกเหมือนกับว่ากำลังเล่นวิ่งไล่จับกันยังไงยังงั้น ระหว่างที่กานเร่งฝีเท้าก้าวตามก้อยไปก็พูดไปด้วย  แต่ก็รู้สึกว่าไม่เห็นผล

ก้อยฟังกานก่อน...ที่กานว่าก้อยนะเป็นคนน่ารักนะ  ใครเห็นใครก็ชอบ แต่ถ้าเกิดว่าพวกรุ่นพี่โรงเรียนอื่นเห็นก้อยก็จะ...

ก้อยเดินไปพร้อมกับพูดมาด้วยว่า

ไม่ต้องมาสาธยายแล้ว เราเดินกลับบ้านเองไม่ต้องเดินตามมาด้วย....

และในตอนนั้น กานก็รู้ดีอยู่แล้วว่าต้องทำยังไงต่อ  กานเองก็หยุดเดินตามก้อยปล่อยให้ก้อยเดินไป  แต่ระหว่างที่ก้อยเดินไปแต่ไม่ไกลเท่าไหร่นั้น กานก็ตะโกนขึ้นมาว่า

..ถึงโลกจะพัง กะละมังจะยุบ มิตรภาพอันแสนสุข จะไม่ยุบเหมือนกะละมัง...

ขณะที่ก้อยเดินไปได้สักพักก้อยก็หยุดเดินแล้วหันหลังกลับมา  แต่กานได้เดินไปแล้วซึ่งก้อยเองก็มองตามหลังกานไป  ก้อยพูดว่ากานคงเศร้ามากนะที่ก้อยวิ่งหนีเขามา แต่ทั้งสองก็อยู่ห่างกันไกลแล้วล๊ะ  ก้อยยิ้มให้โดยที่กานไม่รู้หรอก ก่อนที่ก้อยจะยื่นบ่น

..ผู้ชายอะไรน๊า..ขี้ใจน้อยจัง  แค่ล้อเล่นแค่เนี้ยะ แต่ก็เป็นคนน่ารักนะ  จ๊ะเราจะไม่ลืมมิตรภาพระหว่างเพื่อน  ขอให้เธอโชคดีนะกาน ชาตินี้ถ้าก้อยไม่ตาย  ก้อยจะไม่ลืมคนที่ชื่อกานคนนี้  จะจดจำไว้ตลอดไป...

 

ตอน ๑๕ เก็บของก่อนบวช

ใกล้จะถึงเวลา ฟ้าส่างแล้วล่ะ รู้ว่าตอนนี้กานไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่  นะดูซิ เก็บข้าวของตัวเองให้เข้าที่แล้วก่อนที่จะไม่ได้ใช้อีกต่อไป  เขารู้ว่าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่  แม่เห็นว่าท่าจะไม่ดีจึงถามกานว่า

กานลูกไม่ไปบอกลาเพื่อนก่อนเหร๋อ ไม่สบายหรือเปล่าลูก

เปล่าครับแม่ ผมไม่อยากไปหรอกแล้วก็ไม่เป็นอะไรด้วย

กานเองปกติของกานแล้ว  ถ้ากินข้าวเช้าเสร็จก็มักจะออกไปเที่ยวหาเพื่อนเสมอ  แต่วันนี้ดูแปลกใยเปลี่ยนไปคนละคน ลองฟังเขาบ่นซิ

....ทำไม เธอถึงโกรธเราได้  ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ขี้ง่อนซะมัด  ผู้หญิงอะไร ดี...ง่อนไปเลย  ง่อนให้สุด ๆ ไปเลย ไปมีแฟนที่กรุงเทพฯ  โน้น

รู้แล้วใช่ไหม เขาเป็นอะไรถึงไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน  แล้วเขาบอกกับแม่ขอขึ้นไปสวน  แล้วตอนเย็นจะกลับ กานเดินขึ้นไปที่สวนประมาณ  ๒ กิโล เศษ ๆ ส่วนบ้านของก้อยก็จะอยู่แถว ๆ นั้นเหมือนกัน ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ  ๑ กิโล ถ้าเดินไปสวนของเขาแล้ว ก็จะผ่านบ้านของก้อย จนมาผ่านหน้าบ้านของก้อย  พี่ต้อยกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านพอดี  พี่ต้อยเห็นก็ถามกานว่า

..อ้าว กาน มาหาก้อยเหรอ  ก้อยไม่อยู่หรอก ไปซื้อเสื้อเตรียมตัวไปกรุงเทพฯ  แนะ

..เปล่าหรอกครับ..ผมจะขึ้นไปสวน  ดูนกสักหน่อย ไม่ได้ขึ้นไปนานแล้วครับ  แล้วก้อยเขาไปนานหรือยังครับ

อื้อ...ก็ไปนานแล้วนะ ไม่เข้ามาก่อนเหรอ

มะ..ไม่เป็นไรครับ  ไปล๊ะครับ...

จ้า...

กานเดินหันหลังจากไป ก่อนที่ต้อยจะบ่นว่า

เอ๋...วันนี้เป็นวันอะไร  ทั้งสองคนถึงดูไม่ร่าเริง เหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็น  สงสัยคงจะผิดใจกันละซิ

ระหว่างทางนั้นกานเดินไปก็ทักทายคนที่ผ่านไปมาเหมือนที่เคยเป็น  พอเดินเข้าไปสวนกานก็เดินเข้าไปในห้องซึ่งก็มีคนทำความสะอาดแล้ว  ก็เข้าไปพัก.....

เราไปดูก้อยกันก่อนดีกว่า  ก้อยเองก็เศร้าเหมือนกัน  แต่พอก้อยกลับมาก็จัดสัมภาระที่จำเป็น เตรียมตัวที่จะไป แต่คงจะไปหลังจากกานบวชก่อน เพราะพ่อบอกว่าจะไปช่วยงานบวชเจ้ากานก่อน

 

ตอน ๑๖ หายโกรธกันหรือยังจ๊ะกาน

เมื่อก้อยได้ยินพ่อพูดก็เลยดีใจ  ยิ้มสดชื้นขึ้นมาอย่างทันตาเห็น แม่เห็นผิดสังเกตเลยทักขึ้น

นี่เป็นไรไปอีกละ  ยัยก้อย เมื่องี้ยังทำหน้าอมทุกข์อยู่..

ต้อยเห็นอย่างที่แม่เห็น ก็พูดขึ้น

..ก็คงจะเป็นกานนั้นแหละ  คงจะไปหากานก่อนมั่ง เมื่อกี้กานเขาก็มาที่นี้เหมือนกัน..

ก้อยได้ยินพี่พูดถึงกาน  ก็รีบถามพี่ตัวเองเลย

..เขามาทำไม เหร๋อพี่..

แนะสนใจด้วย เขาไม่ได้มาทำอะไรหรอก  แค่มาถามว่าก้อยอยู่ไหม ก็แค่นั้น  แล้วก็เดินไปสวนโน้น

..แค่นั้นจริง ๆ  เหรอพี่ เดี๋ยวก้อยจะตามไปนะ..

ก้อยทำหน้าตื่นเต้นจนพี่เริ่มยิ้มว่า เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ  แล้วแม่ก็พูดขึ้น

..นี่ใครห้ามแก..

ก้อยดีใจมากรีบวิ่งออกจากบ้านไป  แล้วมุ่งหน้าไปที่สวนให้เร็วที่สุด  ก้อยวิ่งไปบ่นไปว่า

..เราไม่น่าไปล้อเล่นกานเขาแบบนั้นเลย  เขาคงจะโกรธเรามั่งละ ขี้น้อยใจด้วย..

พอก้อยขึ้นไปถึง ก็มองเห็นกานนอนหลับอยู่ซึ่งประตูไม่ปิด เพราะถ้าปิดแล้วร้อนมากเลยลมไม่เข้า พอก้อยเดินเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียง ที่กานนอนก็ได้ยินกานละเมอขึ้นมา

..เธอไม่น่าโกรธเราเลย  ขี้ง่อนซะมัด ดี..ง่อนไปเลย  ง่อนเข้าไป เธอไปกรุงเทพฯ  แล้วนิ เธอจะมาสนใจเราทำไม

พอที่ก้อยจะได้ยินบ้าง ก้อยก็ยืนเช็ดน้ำตาอยู่ข้างเตียง แล้วก็หันไปหยิบกระดาษ ใต้โต๊ะขึ้นมา เขียนว่า

: กานเพื่อนรัก เราขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้กานเป็นอย่างนี่ เราผิดเอง ก้อยเองก็เสียใจเหมือนกัน หายโกรธกันนะ คืนดีกันเถอะ เป็นอย่างนี่ใจคอเราไม่ดีเลย...จากก้อยเพื่อนรัก

ก้อยก็เอากระดาษวางไว้บนโต๊ะ ข้าง ๆ ที่กานนอนหยิบปากกามาวางทับไว้..แล้วก็วิ่งกลับบ้าน วิ่งไปร้องไห้ไป พอไปถึงบ้านก็รีบเข้าห้องของเธอเลย

...แต่กานซิ พอตื้นขึ้นมาก็บิดขี้เกียจ  แต่พอหันซ้าย หันขวา ก็เห็นกระดาษวางอยู่บนโต๊ะ  จึงพูดว่า

เอ๋..เมื่อกี้มาไม่เห็นมี  ตอนนี้มีได้ไง ใครเอามาวางไว้..

 

ตอน ๑๗ หายโกรธแล้วเหร๋อก้อย

มาถึงตอนที่กำลัง  ซึ่งกินใจ อินในบทนิยาย เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า พอก้อยมาถึงบ้านก็มานั่งอยู่บนเก้าอี้หมอบลงที่โต๊ะทำการบ้าน

กานซิ..พอหยิบกระดาษอะไรไม่รู้มาอ่าน ก็รู้เลยว่า....

กานรีบวิ่งไปล้างหน้า  และทันทีก็รีบวิ่งลงไปบ้านของก้อยเลย  อย่างรวดเร็วด้วย เหมือนในหนังคนม้าบินเลยละ  วิ่งไปด้วยกระโดดไปด้วย พอมาถึงบ้านของก้อย ก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านเลย เดินไปเจอกับแม่ของก้อยก่อน กานก็ยกมือไหว้

..แม่ครับ สวัสดีครับ..

จ๊ะ หวัดดีจ๊ะ  เสียงแม่ทักพร้อมกับยิ้มให้แล้วพูดว่า ..ก้อยอยู่ในห้องเข้าไปหาซิ..

กานก็รีบพยักหน้าแล้วก็เดินเข้าไป (สงสัยไหมว่า ทำไมแม่ของก้อยถึงให้กานเข้าห้องของก้อยอย่างง่าย  เพราะว่า แม่ของกานกับแม่ของก้อยเป็นเพื่อนกัน  ก็เลยอนุญาต) คำเตือน อย่าเข้าบ้านคนอื่นก่อนได้รับอนุญาต ไม่เช่นจะเจอดี... พอกานเข้าไปในห้อง  เห็นก้อยนั่งก้มหน้าอยู่กับโต๊ะ

กานไม่พูดอะไร นอกจากตอนนี้ยืนดูก่อน  แล้วจึงเดินเข้าไปลูบหลังก้อย แล้วพูดขึ้นว่า

..ก้อยจ๋า ก้อยอย่าโกรธเลยนะ  เราขอโทษก้อยเราก็ผิดเหมือนกัน  ดีไม่ดีเราผิดมากเสียด้วยซ้ำไป..

ก้อยลุกขึ้นหันหน้าไปหากานแล้วเข้ากอดกานจนแน่น แล้วบอกกานว่า

..เราผิดเอง เราขอโทษนะ  อย่างน้อยก็ทำให้ก้อยรู้ว่า  กานยังเป็นคนเดิมเป็นเพื่อนที่ก้อยรักที่สุด  หายโกรธกันนะ.. สัญญาซิ

จากนั้นก็คลายออกจากอ้อมกอด  จับมือกานแล้วบอกว่า

..สัญญานะ...เพื่อน

จ๊ะ...กานสัญญา

 

คำสำคัญ (Tags): #ไปกันหรือยัง
หมายเลขบันทึก: 491763เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 11:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท