เรื่องเล่าจากบ้านแม่ตาด :
เครื่องประกอบพิธีกรรม
(๑)
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2555 ชาวบ้านแม่ตาดและชาวตำบลห้วยทรายได้ร่วมกันจัดพิธี "ฟังธรรมปลาช่อน" ขึ้น ณ บริเวณฝายหลวงของบ้านแม่ตาด ซึ่งพิธีกรรมนี้ถือว่าเป็นประเพณีเก่าแก่ที่มีการสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ
โดยประเพณีฟังธรรมปลาช่อนนี้ ชาวบ้านแม่ตาดและชาวตำบลห้วยทรายได้ร่วมกันจัดขึ้นทุกปี ในวันแรม 9 ค่ำ เดือน 9 (เดือนทางภาคเหนือ) เพื่อ "ขอฝน" บูชาผีขุนน้ำหรือบูชาสายน้ำที่ได้ประทานความชุ่มชื้นและความอุดมสมบูรณ์มาให้กับชุมชนตลอดทั้งปี เป็นการสืบชะตาให้กับสายน้ำ แสดงความกตัญญูต่อสายน้ำที่ได้หล่อเลี้ยงชีวิตให้กับชาวชุมชน ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ชาวบ้านได้ช่วยกันสืบสานต่อๆ กันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล เพื่อช่วยกันอนุรักษ์สายน้ำต่างๆ ให้มีความสะอาดบริสุทธิ์และอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืนตลอดไป
การฟังธรรมปลาช่อนนี้ เป็นประเพณีหรือวัฒนธรรมท้องถิ่นของล้านนา
ซึ่งมีการสืบทอดต่อๆ กันมาจากรุ่นสู่รุ่นตั้งแต่ครั้งโบราณกาล
ซึ่งปัจจุบันนี้เริ่มหาดูได้ยากเต็มที
ทั้งนี้ พิธีกรรม "ขอฝน" นั้น มีอยู่ในทุกภาคของประเทศไทย เพียงแต่อาจจะเรียกชื่อต่างกันและมีรูปแบบพิธีกรรมที่แตกต่างกันออกไป เช่น พิธีแห่นางแมว พิธีสวดขอฝน และประเพณีแห่บั้งไฟ เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับการขอฝนหรือดินฟ้าอากาศทั้งสิ้น
(๒)
อาจารย์ สนั่น ธรรมธิ แห่งสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวถึงประเพณีฟังธรรมปลาช่อนเอาไว้อย่างน่าสนใจ ดังต่อไปนี้ว่า.....
"......ในพิธีกรรมขอฝนตามความเชื่อของชาวล้านนา
สิ่งที่นิยมปฏิบัติคือ สวดพระปริตร์ คาถาขอฝนและคาถามหาเมฆ
ตามด้วยการแสดงพระธรรมเทศนา เรื่อง "พญาปลาช่อน" หรือชื่อเต็มคือ "มัจฉาพญาปลาช่อน"
ซึ่งเป็นหัวใจของงาน
พระธรรมเทศนาดังกล่าวเป็นคัมภีร์ประเภทชาดก
เนื้อเรื่องผูกขึ้นโดยมีพญาปลาช่อนเป็นตัวละครเอกบำเพ็ญสังคหวัตถุธรรมจนสามารถช่วยเหลือบริวารให้รอดพ้นจากภัยแล้งได้สำเร็จ
เรื่องนี้เมธาจารย์ผูกเรื่องไว้ดังนี้
ในครั้งเมื่อพระพุทธองค์ทรงเสวยพระชาติเป็นราชาปลาช่อน
ได้ปกครองบริวารปลาทั้งหลายในสระแห่งหนึ่ง
ซึ่งแวดล้อมด้วยไม้นานาพันธุ์ ครั้งหนึ่งเกิดภาวะแห้งแล้งไปทั่ว
ข้าวกล้าพืชพันธุ์เหี่ยวเฉาตาย น้ำในแหล่งน้ำแห้งขอด
เหล่ามัจฉาชาติและสัตว์น้ำถูกบรรดาแร้ง เหยี่ยว
กาและนกกระยางโฉบลงมาจิกกินเป็นอาหาร
ปลาและสัตว์น้ำต่างได้รับความเดือดร้อน
ราชาปลาช่อนเห็นดังนั้นก็ออกมาตั้งจิตอธิษฐาน พร้อมมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ประกาศคาถาว่า แม้นตนจะเกิดมาในฐานะที่บริโภคสัตว์ด้วยกันก็จริงอยู่
แต่ตนก็มิเคยเบียดเบียนสัตว์ใด ด้วยสัจจะดังกล่าวขอให้ฝนตกลงมา
เพื่อสงเคราะห์สัตว์ที่กำลังเดือดร้อนด้วยเถิด
ด้วยอานุภาพแห่งสัจจาธิษฐาน
ทำให้แท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ของพระอินทร์ร้อนและแข็งกระด้าง
เมื่อพระอินทร์ทราบเหตุก็บัญชาให้เทพบุตรชื่อ วลาหกเทพบุตร ลงมาบันดาลให้ฝนตก
โดยห่มคลุมกายด้วยผ้าสีเขียวเหมือนเมฆ ขับเพลงอันมีชื่อ "เมฆคีตะ" ผินหน้าเฉพาะทิศตะวันตก
พลันเหล่ามวลเมฆก็แตกเป็นเสี่ยง
เกิดเสียงกึกก้องทั่วจักรวาลเกิดเป็นฝนห่าใหญ่เนืองนองทั่วท้องปฐพี
จากเนื้อหาของเรื่อง
จึงนิยมนำคัมภีร์นี้มาอ่านแสดงเป็นพระธรรมเทศนาประกอบพิธี
ซึ่งพิธีจะประกอบด้วยกิจกรรมโดยสังเขปคือ หาสถานที่ที่เหมาะสม เช่น
บริเวณต้นน้ำ ลำธารใหญ่
หรือแม่น้ำที่อยู่ทิศตะวันออกหรือทิศเหนือของหมู่บ้าน
ขุดสระจำลองขึ้นโดยให้กลางสระเป็นเกาะสำหรับประกอบพิธี รอบๆ
สระมีการขัดราชวัตรประดับธงทิว พร้อมต้นกล้วย อ้อย ข่า ตระไคร้ ใบขิง
แกะรูปสัตว์ปีก คือ กา นกกระยาง เหยี่ยว และแร้ง
เกาะจับตามกิ่งไม้โดยให้กาอยู่ทิศตะวันออก นกกระยางอยู่ทิศใต้
เหยี่ยวเกาะทิศตะวันตกและแร้งจับกิ่งไม้ทิศเหนือ
จัดหาปลาช่อนตัวใหญ่ไว้สองตัว พร้อมสัตว์น้ำนานา อาทิ กุ้ง ปู หอย
ไว้จำนวนหนึ่ง
เมื่อถึงวันงาน พระสงฆ์จะเจริญพุทธมนต์บนเกาะกลางสระ
จากนั้นพระเถระรูปใดรูปหนึ่ง อ่านคัมภีร์พญาปลาช่อน
พระสงฆ์ประพรมน้ำมนต์แล้วปล่อยปลาช่อน
และสัตว์น้ำท่ามกลางเสียงฆ้องกลองประโคมไปทั่วอาณาบริเวณ
ด้านรายละเอียดของพิธี แต่ละถิ่นอาจมีข้อปฏิบัติแปลกแยกออกไป
บางแห่งมีการเชิญพระอุปคุต
บูชาพระปัชชุนเทวบุตรหรือสรงน้ำพระพุทธรูปฝนแสนห่า
เป็นต้น
คัมภีร์พญาปลาช่อน เป็นคัมภีร์ใบลาน จารด้วยอักษรธรรมล้านนา
ปกติเก็บรักษาไว้ในหีบพระธรรม ปีใดเมื่อจะประกอบพิธีขอฝน
คัมภีร์ดังกล่าวจะถูกนำมาอ่านในพิธีเสมอมา....."
ถ้าหากท่านใดอยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับ "ประเพณีฟังธรรมปลาช่อน" เพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปค้นคว้าและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่นี่นะครับ
http://www.thainews70.com/news/news-culture-sanon/view.php?topic=235
http://www.sri.cmu.ac.th/~elanna/elanna51/cere/cere1-02.html
ชาวบ้านช่วยกันทำปลาชนิดต่างๆ จาก "ไม้น้ำนอง" ซึ่งเป็นไม้หายากชนิดหนึ่ง
ปลาอะไรบ้าง ก็ลองจินตนาการเอาเองนะครับ 555
ศาลผีขุนน้ำ
หลังจากเตรียมงานเสร็จ ก็ทานอาหารร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย
จัดพิธีขึ้นบริเวณริมฝายหลวงบ้านแม่ตาด
ฝายหลวงบ้านแม่ตาดที่ลำห้วยแม่ตาดไหลผ่านและมีน้ำตลอดทั้งปี
พระสงฆ์กำลังเจริญพระพุทธมนต์
ฟังไป ขำไป
กลุ่มแม่บ้านมาช่วยเตรียมอาหารเลี้ยงผู้มาร่วมงาน
บรรยากาศแถวนี้ขลังไม่เบาน่ะ.....จะบอกให้
ผู้ใหญ่บ้านบ้านแม่ตาดกำลังถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์
หลังจากเสร็จพิธีแล้ว ก็ช่วยกันนำปลาที่ทำจากไม้ปล่อยลงน้ำ
สงสัยปลา(ไม้)คงจะว่ายไปไกลแล้วล่ะ 555
ถวายภัตตาหารเพลแก่พระสงฆ์ที่มาร่วมทำพิธีกรรม
เพลง "แห่นางแมว"
ศิลปิน "ไวพจน์ เพชรสุพรรณ"
ไม่เคยได้ยินประเพณี "ฟังธรรมปลาช่อน" มาก่อนเลยค่ะ
ขอถามนิดนึงนะคะคุณอักขณิช.. ทำไม.. ไม่ใช้ปลาช่อนตัวจริงคะ
เพราะถ้าปล่อยลงน้ำคงจะดี
สวัสดีครับ คุณ kunrapee
* ประเพณีนี้มีเฉพาะในท้องถิ่นล้านนานะครับ แม้แต่คนท้องถิ่นล้านนาเองบางส่วนก็ไม่รู้จักประเพณีนี้เลยนะครับ เพราะมีอยู่เฉพาะในบางพื้นที่เท่านั้นเอง ยิ่งเด็กสมัยใหม่ด้วยแล้ว ยิ่งไม่รู้จักใหญ่เลย
** เป็นการสมมติขึ้นมานะครับ ส่วนสาเหตุที่ไม่ใช้ปลาช่อนจริงๆ มาประกอบพิธีนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าหาปลาช่อนตัวโตๆ ได้ยาก และอาจจะเข้าข่ายทรมานสัตว์ด้วย เนื่องจากต้องใช้เวลาทำพิธีกรรมนานมาก กว่าจะเสร็จพิธีปลาก็แห้งตายพอดีเลย 555
ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันว่าการบันทึกประเพณีของไทยลงในโลกอินเทอร์เน็ตจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้จักและสนใจความเป็นไทยยิ่งขึ้นค่ะ
สวัสดีครับ อาจารย์ ดร. จันทวรรณ ปิยะวัฒน์
* คนไทยทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าส่วนใหญ่จะรู้จักประเพณีหลักๆ หรือสำคัญๆ เท่านั้นเองนะครับ ส่วนประเพณีย่อยหรือประเพณีท้องถิ่นนั้น มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่รู้จัก และมีเพียงส่วนน้อยที่เข้าใจเนื้อหาได้อย่างละเอียด....กรณีของประเพณีฟังธรรมปลาช่อนนี้ คนรุ่นใหม่ในท้องถิ่นเองก็ไม่รู้จักเลยนะครับ มีเพียงคนเฒ่าคนแก่เท่านั้นที่รู้จักและเข้าใจเรื่องราวได้อย่างดี
** ผมจะพยายามนำเรื่องราวเหล่านี้มานำเสนอเรื่อยๆ นะครับ เพื่อจะช่วยทำให้ประเพณีท้องถิ่นของไทยเรามีคนรู้จักและสนใจมากยิ่งขึ้น
คุณอักขณิชค่ะ...ดีจังค่ะได้รับความสุขเพลิดเพลินไปกับภาพและเรื่องเล่าว แสดงความร่วมมือของชุมชน สืบสานประเพณีดีๆเช่นนี้..ว่าแต่ว่า..ไม้น้ำนอง ก็ช่างจะถูกเลือกมาทำปลา "ช่อน" ..ความหมายก็คงจะดีด้วยนะค่ะ ..น้ำนอง..:-)) แต่ถ้าให้ผู้สาวช่วยประดิษฐ์ไม้ให้เป็นปลาช่อน อาจจะดู อ่อนหวานขึ้นก็ได้น๊่ะ....ยังไงจากภาพ เห็น ผู้บ่าวนั่งตั้งหน้าตั้งตา..เหลาไม้.. แฮ่ๆ ..ก็ใช้ได้อยู่...ปลาช่อน...ดูจากเกล็ด..อิอิ..พยากรณ์ว่า ปีนี้น้ำจะ "พอดี" .ไม่มากเกินไม่น้อยเกิน.. ใช่ไหม๊เอ่ย??
...ชอบเพลงนี้จังเลย..จ้ะ..แห่นางแมว..ได้.เห็น.อารมณ์..คนไทย..จ้ะ..ยายธี
สวัสดีครับ อาจารย์ kwancha
* ปลาไม้ที่เห็น ชาวบ้านช่วยกันทำสุดฝีมือแล้วนะครับ ฝีมือผู้ชายล้วนๆ เลยดูไม่ค่อยอ่อนหวานเท่าที่ควร 555.....แม่บ้านหรือผู้หญิงจะถนัดเรื่องอาหารมากกว่านะครับ เรื่องประดิษฐ์ปลาจากไม้ไม่ค่อยถนัดเลย.....ยังไงๆ ก็ลองจินตนาการให้ลึกๆ นะครับ แล้วจะมองเห็นเองว่า ปลาและสัตว์น้ำทุกตัวที่เห็นนั้นล้วนสวยงาม มีชีวิต และมีจิตวิญญาณสิงอยู่ในนั้นด้วยแหละ 555
** จากที่เห็นในภาพ ปลาช่อนเกล็ดน้อยอย่างนี้ พยากรณ์ได้ว่า ปีนี้ฝนจะตกน้อยนะครับ จนทำให้น้ำแห้ง ปลาช่อนก็ต้องตะเกียกตะกายหาแหล่งน้ำใหม่ จนเกล็ดหลุดไปเป็นแถบอย่างที่เห็น 555
สวัสดีครับ คุณยายธี
บทเพลงบางเพลงสามารถถ่ายทอดวิถีชีวิตแบบไทยๆ ออกมาได้อย่างชัดเจนเลยนะครับ ต้องนับถือเลยจริงๆ
สวัสดีครับ อาจารย์ขจิต ฝอยทอง
แถวภาคอีสานบ้านผมเขาใช้ท่านปลัด(ขิก)สำหรับไล่ผีแม่ม่ายนะครับ
เพิ่งทราบจากอาจารย์คราวนี้เองว่าสามารถใช้ท่านปลัด(ขิก)ขอฝนได้ด้วย
สุดยอดแห่งนวัตกรรมเลยนะครับเนี่ย 555