ช่วยคนที่เรารัก (ประสพการณ์จริง) ตอนหนึ่ง


โดย Samy from board palungjit
       
Samy's Avatar
  โดย Samy 
 
อ่านบันทึกนี้แล้ว ประทับใจมากๆ  ไม่อยากให้ชาว G2K พลาดข้อเขียนดีๆ ที่คนเขียนๆออกมาจากใจ ได้อรรถรสจริงๆ มีครบทุกเครื่อง 

ช่วยคนที่เรารัก....จากความตาย (ประสพการณ์จริง)

ต้องขอสวัสดี ท่านทั้งหลายที่มีใจรักในพระพุทธสาศนา ผมเองเป็นสมาชิกเวปนี้มานานพอสมควร และชอบเวปนี้มาก ที่เป็นช่องทางในการสื่อถึงชาวพุทธ และผู้สนใจอย่างทั่วถึงในทุกๆแง่มุมของศาสนา เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังนี้ เป็นเรื่องจริงในชีวิตของผม นับแต่วันแรกที่ได้เริ่มต้นฝึกสมาธิ ออกตัวไว้เลยนะครับผมเองไม่ใช่เกจิ ไม่ได้ฌาญ ไม่ได้ญาณอะไร และที่สำคัญที่สุดเกลียดการพิมพ์ดีดมาก แต่งานนี้ยอม เพื่อประโยชน์ เพื่อบุญกุศลที่อาจเกิดขึ้นในครั้งนี้ ขอให้ได้แก่บิดาของข้าพเจ้า วันนี้วันดี วิสาขบูชา ชั่งใจไว้เป็นปี กว่าจะตัดสิ้นใจโพสได้
 
 
เริ่มต้น

ผม เริ่มรู้จักทำสมาธิตั้งแต่ ๖ ขวบ ป. ๑ เพราะโรงเรียนบังคับเรียน เมื่อโตมาหน่อย ก็ต้องทำสมาธิเอาเกรด และที่ทำให้ผมไปวัดท่าซุงได้ ก็เพราะผู้หญิง
 
โอ้โหคนดีศรีสยามจริงๆ เมื่อประมาณปี ๒๕๓๙ ผมมีโอกาสไปวัดท่าซุงกับเพือนกลุ่มหนึ่งชักนำให้ไปกับโรงเรียนมัน โดยที่มีคำเชิญชวนที่เด็กหนุ่มวัย ๑๖ ยากที่จะห้ามใจได้ คือ
"ไปด้วยกันไหม หญิงเพียบ สาวๆ น่ารักๆ ทั้งนั้นเลย"
ผมอยู่คนละโรงเรียนกับเขาด้วย ผมเรียนอาชีวะครับในชั้นเรียนผมมีแต่ "ปีศาจ" น่ากลัวมาก ดำ หยาบ แกร่ง จับจอบ จับเสียม ดูแล้วเหมือนนายนิริยะบาล ตกลงไปครับ ตอบแบบไม่คิด ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว
 
เห็นไหมครับก่อนจะได้บุญมันต้องเป็นบาปก่อน เป็นเพราะกิเลส ถึงเจอทางแห่งบุญ ไปถึงวัด เมื่อได้ที่พักแล้วก็มีคุณลุงยกทรง เข้ามาคุยเล่าเรื่องนั้น เรื่องนี้ ให้ฟังเอาหละสาวชักไม่สนแล้ว เริ่มสนใจลุงยกทรงแทน และหลวงพี่ที่น่ารักทุกท่านก็เข้ามาสอนวิชามโนมยิทธิให้ ไปครั้ง สองครั้ง กับโรงเรียนเพื่อน พอครั้งที่สาม สี่ห้า หาทางไปเองครับ ติดแล้วคราวนี้ติดสุข ไม่ติดหญิงแล้วครับ
 
ที่นี้หละเริ่มเข้าเรื่องเราหละ เมื่อมีงานเต็มกำลังที่วัด ผมก็ไป งานเต็มกำลังจะเป็นการนั่งสมาธิแบบเต็มที่ เวลา ๑ ชม.ถ้าเราฝึกปกติที่วิหารแก้วร้อยเมตร ก็ครึ่ง ชม.
 
งานนี้งานเดียวรู้เรื่อง บางคนก็ไปเพื่อสิริมงคล รักษาโรค คุณไสย เป่ายันต์เกราะเพชร หรือเพื่อเพิ่มพูลบารมี งานนี้เหมือนสอบไล่ในความคิดของผมในตอนนั้นครับและที่นอกเหนือจากอารมย์กรรมฐานแล้วผมยังพกพาyu "ความทุกข์" ในอกไปด้วย
 
 
คิดถึงพ่อ

ที่ผมพิมพ์ที่เดียวจบเลยไม่ได้เพราะไม่มีเวลา ต้องทำงานและเน็ตเป็นวายเล็ต เทวดาประทานให้ลอยมาตามลม ติดเมฆบางเลยต้องรีบพิมพ์ รีบส่งเดี๋ยวสัญญาณหาย ก็อย่าใจร้อนครับ
 
ผมเองไปงานเต็มกำลังในครั้งนี้ก็มีเรื่องไม่สบายจที่ติดตัวมาแต่เป็นเด็ก คือคุณพ่อผมเป็นนักดื่มหมายเลข ๑ ของจังหวัด ไม่มากไปหรือใส่ร้ายครับ ๒๔ ชม.ไม่มีช่วงเวลาไหนที่พ่อไม่ดื่ม
 
ใครว่ามีปัญหาหนัก มีคนเมาในบ้านลองอ่านเรื่องผมดู เช้าตื่น
ครึ่งแก้วน้ำเย็นตบตูด แต่งตัวเสร็จ
 
อีกหนึ่งแก้วก่อนสตาร์ทรถ เพียวๆ คำโตๆ เผาหัวก่อนเริ่มงาน(แสงทิพย์) เมื่อก่อนยี่ห้อนี้ แกกินอยู่ผมจำได้ พักกลางวันอีก ๑ แบน
จบงานที่บ้านอีก ๑ กลม นี้คือหนึ่งรอบฟันเฟืองในแต่ละวัน แล้วทุกวันครับไม่มีวันหยุดราชการ วิสาขะ มาฆะ ไม่เว้น
 
เกิดมาก็เก็บขวดเหล้าขายเป็นค่าขนมแล้วครับ ขายทีเป็น ๑๐๐ บาท กองท่วมหัวเด็กนี่หละครับ คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด ด้วยความเบื่อหน่าย โกรธ เครียด
 
อะไรที่เรียกว่าอารมย์เสีย ผมแบกไว้หมด แล้วไม่ต้องบอกนะครับว่า เมาแล้วขาดสติเป็นยังไง บางอย่างก็เล่าไม่ได้ครับ
 
ผมนั่งเต็มกำลังเมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วจิตผมก็จับจด จ้องเพ่ง ไปที่เหล้าพ่อ แก้วเหล้าพ่อ ที่ที่พอนั่งกินเหล้า อารมย์ที่พ่อกลืนเหล้า เพ่งเลยครับ ไปต่อไม่ได้
เขาภาวนา นะมะ พะทะ กัน ผมก็ภาวนา พ่อเลิก กินเหล้า อยู่อย่างนั้น
 
จนรู้ตัวอีกทีพระท่านก็เอาไฟฉายมาส่องหน้า และกลิ่นควันธูปที่หอม จิตมันจะทะลุแสงนั้นออกไปห้ได้เลยแต่ก็ มีอารมย์ลังเล ไม่ไป งึกๆ งักๆ อยู่จนหลวงพี่เดินไปหาคนอื่น
 
สักพักก็ออกจากสมาธิ ด้วยความอยากรู้ผล บ่ายสาม ถึงสี่ เย็นๆไม่แน่ใจครับ เวลาทำการพ่อเลย วันหยุดแก่หรือไงจำไม่ได้
 
ตรงกับวันอาทิตย์หรือยังไงนี้หละครับ แต่พ่อดื่มแต่สาย เที่ยงๆ เวลาเดียวกับที่ผมนั่งเต็มกำลังที่วัด
 
ผมโทรมาเจอแม่ที่บ้านถามแม่ว่าพ่อกินเหล้าหรือปล่าวแม่ แม่บอกว่ากินแต่เลิกกินแล้ว
 
แกบ่นว่าเหล้ามันจืด จืดเป็นน้ำเปล่า เปลี่ยนขวดแล้วก็จืด แก่ไม่อร่อยแกก็หยุด แล้วถามแม่ว่า
 
สาม มันเอาพ่อไปทำพิธีอะไรที่วัดหรือปล่าว ผมนี้ดีใจมากเลย มันเป็นเรื่องยากนะครับ ที่พ่อผมจะหยุดกินเหล้าได้ ใจมันดี ใจมันชื้นขึ้นมาเลย
 
กลับจากวัดท่าซุง ได้พ่อก็พูดขึ้นว่า "อย่าเอาพ่อไปทำพิธีอะไรนะ มันบาป" ผมบอกว่าทำไม แกก็บอกว่า มีบางที่เขาให้สาบาน เขียนชื่อสาบแช่ง ผิดต่อคำสาบานจะมีอันเป็นไป บ้า ใบ้ เสียสติไปก็มี ผมก็บอกแกว่าปล่าว ไปนั่งสมาธิเฉยๆ อยากให้พ่อเลิกกินเหล้าเท่านั้นเอง
 
แกก็พูดว่า ถ้าพ่อหมดเวรกรรมพ่อก็เลิกมันเอง
แกไม่กินเหล้าอยู่สามวัน
แล้วก็กลับมาเริ่มฟันเฟืองประจำวันของแกอีก
 
 
เข้าปีที่สาม

ความศรัทธาเต็มเปี่ยมฝึก สามปี ขึ้น ปวช.๓ แล้ว
บอกแม่ว่า จบแล้วจะบวช บวชจริงๆ ไม่สึก
โอ้โหแม่งเป็นเอามาก พ่องี้ตื่นเลย แม่ตกใจมาก เพราะอะไร ผมมีพี่น้อง ๓ คน หญิง ๒ พี่สาว และผมลูกชายคนเดียว คนเล็ก
 
แม่ให้บวชก็แปลกหละครับ
แกก็บอกว่ามีลูกชายคนเดียว
จะทิ้งพ่อแม่ไปไหน
เราผ่านโลกยังน้อย
ให้เรียนจบ ป.ตรี ก่อนไหม
แม่ว่าเราต้องเจออะไรดีๆอีกเยอะ
อ้าวไปบวชนี่ไม่ดีตรงไหน อารมย์นั้นมันเบื่อครับ
ไม่มีอารมย์อยากเห็นหญิงสาว สวยๆแล้ว
มันเบื่อในชีวิตจริงๆ แต่ไม่ใช่อยากฆ่าตัวตายนะ
อันนั้นโง่จริงๆ
แก่กล่อมอยู่หลายเดือนครับ ทีนี้ขึ้น ปวส.แล้ว งานก็หนักขึ้น ฝึกงาน เรียนหนัก ตกเย็นทำงานให้วัดต่อ
สมัยนั้นผมเป็นนักเรียนประจำ หมวดงานฟาร์ม เรือนเพาะชำ วษท.สิงห์บุรี ต้องทำงานให้วัดต่างๆ ในจังหวัด แทบทุกวัน เหนื่อยมากครับ สมเด็จพระเทพฯ เสด็จวัดไผ่ดำที หรือจัดสถานที่ จัดสวน วัดพิกุลทอง วัดไชโยฯ วัดอัมพวัน วัดกุฎีทอง วัดพระนอนฯ วนไป วนมา ครบแต่ละเดือนมันเยอะมาก
 
จนเราลืมเรื่องการปฎิบัติไป เบาลง ง่วง เหนื่อย เรียน เลยหยุดไปช่วง ปวส. แต่ก็จะทำก่อนหลับทุกวัน นึกถึงความตายทุกวัน เท่าที่จะนึกได้ ปกติผมเป็นคนเรียนอ่อนมาก
ขี้ผึ้งลนไฟว่าอ่อน ยังแข่งกว่าการเรียนผมเสียอีก
ม.๑ เกรดเฉลี่ย ๑.๑๑ อ่ะ
ไม่โม้ครับ ถ้าภาษาชาวบ้านเรียกว่า เชี่ย..ๆ มากๆ
โง่บัดซบ เรียนได้ไง
พี่สาวเคยจบจากที่เดียวกัน ได้ ๓.๘๐ คนรอง ๓.๕ คนโตย้ายไปเรียนโรงเรียนชาย(นครสวรรค์) วิทย์คณิตด้วย กลับมาบ้านปิดเทอม ผมไปเล่นนอกบ้าน เสาร์อาทิตย์ ไม่คิดว่าไปรษณีย์จะส่งใบเกรดมาให้ที่บ้าน คนมันถึงคราวครับ แม่อยู่บ้าน พี่คนโตรับใบเกรด
ไม่ว่าใครเรียนที่ไหน ใบเกรดก็ต้องส่งมาให้ที่บ้าน คนกลางอยู่ โรงเรียนอุทัยวิทยาคมก็ส่งมา ไปรษณีย์เห็นใบเกรดของทุกคนนบ้าน แล้วชอบชมว่าเรียนเก่งกันนะแจ๋วจริงๆลูกบ้านนี้
 
พี่ผมนี้ยิ้มแกล้มปริเชียว เมื่อผมเข้า ม.๑ เกรดเทอมแรกออก ไปรษณีย์มาส่งเช่นเคย ส่งให้พี่ผมพอดี แกเปิดดู
 
ไปรษณีย์ขอดูลมแทบจับครับ ๑.๑๑ บุรุษไปรษณีย์ถามว่า เขาเป็นใครหรือ อ่อนมากนะนี่ โรงเรียนนี้ได้เท่านี้ไหวหรือ
โอ้พระเจ้าอย่าให้รู้นะครับว่าเป็นใคร ท่านได้ทำบาปไว้กับผมแล้ว
พี่สาวผมอายมาก โกรธสุดๆ ในห้องหน้าบ้านเหมือนไม่มีอากาศหายใจ
 
ผมกลับจากเล่นเกม คอนทรา ของเพื่อนบ้านเข้าบ้านได้ เสียงพี่แวกอากาศมาเลยว่า
ไปไหนมา ใบเกรดส่งมาแล้ว เรียนยังไงได้แค่นี้
ควายหรือปล่าว
แม่ไม่ต้อง เจ๊จัดให้
แกแก่กว่าผมเกือบ ๖ ปีครับจับอะไรได้ก็ฟาดมาไม่ยั้ง
ชุดใหญ่ครับ ฟาดไม่เลี้ยง ไม่บรรทัด ไม่แขวนเสื้อ สมุดปกแข็ง ไม่ได้โงหัวขึ้นมองเลยครับ
เลยสวนไปคำหนึง พี่บ้าอะไร แม่ยังไม่ตีเลย อะไรกัน ร้องไห้ด้วยตกใจปรับอารมย์ไม่ทัน มารู้เมื่อโตแล้วว่าแม่ไม่ตี เพราะเห็นพี่ตีจนสงสาร เลยไม่ซ้ำ
 
คิดดูครับผมเรียนเองผมยังชิวๆเลย แล้วจะมาเครียดแทนทำไม กรรมของเขาไม่ใช่กรรมของเรา คนขโมยเงินเราไม่ใช่กรรมของเราครับ แต่เป็นกรรมของเขา เวรกรรมที่เขาจะต้องชดใช้เอง จิตอย่าตก
 
แต่ชีวิตมันเปลี่ยนไปเมื่อผมเรียน เกษตร ได้เรียนในวิชาที่สนใจ วิชาที่ชอบ สมองที่จดจำ คิดค้นวิเคาะห์มันเด่นกว่าคำนวนแน่นอนครับ พอใจมันรักใจมันชอบ(คีย์บอร์ด ใ เสียกดไม่ลงขอพิมพ์ จัย แบบนี้ครับ) ไม่ตั้งจัยหั้ยภาษาวิบัติเลย เรียนเกษตร ปวช.ผมไม่เคยต่ำกว่า ๓.๒๐เลย จนจบ วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิตคณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
 
เห็นไหมครับ ใครมีลูกมีหลานเรียนไม่เก่งไม่ได้หมายความว่าเขาจะเรียนไม่จบนะครับ ช่วยเขาหาทางที่เขาชอบ หรืออาจจะเป็นเพราะพี่สาวจัดชุดใหญ่ให้ อิอิ
 
ขออย่างเดียวครับต้องเรียน เรียนไม่เก่ง แต่ต้องเรียน ทิ้งไม่ได้ ปล่อยมือจากพวงมาลัยไม่ได้ ตกข้างทางแน่ครับ
 
และที่ผมเชื่อมั่นที่สุดเลยคือผลจากการฝึกวิชามโนมยิทธิ ฤทธิ์ทางจัย สมาธิจิต จิตเราดีแฟคฯ อยู่ตลอดมันก็โปร่ง
ทำงานได้เต็มที่ นี่คือผลของการทำสมาธิครับ ผมจะไม่เล่าในรายละเอียดมากครับ ประเภทเห็น นรก สวรรค์ ผี สาง นั้นมันมีแน่ แล้วแต่สภาวะจิตของแต่ละคนครับ
 
 
 
กรรมให้ผลจริงในชาตินี้

ที่ผมชั่งใจว่าจะไม่โพสเพราะเป็นเรื่องของคุณพ่อผม ดีร้ายใครที่ไม่เข้าใจในหลักของพุทธศาสนาจะเพ่งโทษด่าว่าผมเอาได้ว่า ลูกไม่ดีเอาพ่อมาขาย มาเปิดเผย
 
แต่ผมเห็นว่าเป็นประโยชน์มากแก่เพื่อนมนุษย์ผู้ที่ยังหลงผิด มัวเมาในกามคุณต่างๆ ทำบาป ฆ่าสัตว์ต้องชั่งใจครับ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผู้อื่น เป็นข้อแรกของศีล ๕สำคัญมากๆ เพราะก่อนตาย ก่อนเราตาย ไปดี ไม่ดี อยู่ที่ศีล ๕ เป็นสำคัญ ข้อแรก นี้หละครับให้ผลแรงมาก เจ้ากรรมนายเวร มันจะมาแสดงให้เราเห็นก่อนตายปัจจุบันนี้
 
คุณพ่อผมถึงแก่กรรมแล้ว พระราชทานเพลิงศพ ไปเมื่อ ๑ กันยายน ๒๕๕๔
เกือบปีครับ เวรกรรมของท่านสนุก และน่าคิดมากครับ กรรมให้ผลได้จริงในชาตินี้
 
 
เดี๋ยวขอผมไปวัดแป๊ปเดียวมา ที่ วัดเมืองใหม่ จังหวัดลพบุรี วันนี้มีการบวชโยคี ถือศีล ๘ ปฎิบัติวิปัสนากรรมฐานกันที่วัดครับ ฌาณ กับญาณ คนละแบบครับ สมถะกรรมฐาน กับ วิปัสนากรรมฐานก็แยกกันครับ ในบทพาหุง มหากาล ที่เราสวด ชัยชนะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนสุดท้ายกล่าวว่า ท่านเอาชนะเหนือท้าวมหาพรหมฯได้ ด้วย ญาณ โอ้ยไปวัดก่อนครับ
 
ปวดหลังแล้วเดี๋ยวยาว
 
 
 
ไปให้กำลังใจ อนุโมทนาบุญ กับเจ้าของบันทึกได้ที่
 
คำสำคัญ (Tags): #กฏแห่งกรรม
หมายเลขบันทึก: 490918เขียนเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 07:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 00:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท