D-Monk
พระมหา คุณาสาฬห์ โดเรม่อน รำไพ

ธรรมจักรขับเคลื่อนสู่ชาวเขา


หมุนวงล้อแห่งธรรม ชี้นำพระพุทธศาสนา

          จรถ  ภิกฺขเว  พหุชนหิตาย  พหุชนสุขาย  โลกานุกมฺปาย
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  เธอทั้งหลายจงเที่ยวไปเพื่อประโยชน์  เพื่อความสุขแห่งมหาชน และเพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์ชาวโลกเถิด

__________________________________________________________

ธรรมจักรขับเคลื่อนสู่ชาวเขา

คำถาม  

        ๑. ทำไมชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ในเมืองไทยจึงไม่นิยมนับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งทุกเผ่าล้วนเป็นประชาชนคนไทยทั้งนั้น

        ๒. พระธรรมทูตสายต่างประเทศเท่านั้นหรือที่ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่สังคมโลก  ทั้ง ๆ ที่คนไทยภูเขายังไม่รู้จักพระพุทธศาสนา แล้วใครจะเผยแผ่พระพุทธศาสนาขึ้นสู่ชาวเขาของประเทศไทยหละ

_____________________________________

ความสำคัญของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย        

           ประเทศไทยตั้งแต่สมัยเป็นเมืองสยาม พระมหากษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะ และเป็นองค์เอกอัครศาสนูปถัมภก อย่างแนบแน่นในพระราชหฤทัยถึงความดีงามของพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นได้จาก

๑. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

               ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงสุโขทัย ได้ทรงบรรยายตอนหนึ่งว่า "พ่อขุนรามคำแหง เจ้าเมืองสุโขทัยนี้ ทั้งชาวแม่ขาวแม่ท่วยปั่วท่วย นางลูกเจ้าลูกขุนทั้งสิ้นทั้งหลาย ทั้งผู้ชายผู้หญิง ฝูงท่วยมีศรัทธาในพระพุทธศาสนาทรงศีลเมื่อพรรษาทุกคน"

๒. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช

         ในคราวที่คณะทูตพิเศษของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส เข้าเฝ้าฯถวายบังคมทูลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยา แจ้งการที่พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสอัญเชิญพระองค์ให้เข้ารีตเป็นคาทอลิกพระองค์ได้มีพระราชกระแสรับสั่งตอนหนึ่งว่า

           "พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๕ จะให้เราเข้ารีตดังนั้นหรือ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะในราชวงศ์ของเราก็ได้นับถือพระพุทธศาสนามาช้านานแล้ว จะให้เราเปลี่ยนศาสนาอย่างนี้เป็นการยากอยู่ และถ้าพระเจ้าผู้สร้างฟ้า สร้างดิน จะต้องการให้คนทั่วโลกได้นับถือศาสนาอันเดียวกันแล้ว พระเจ้ามิจัดการให้เป็นเช่นนั้นเสียแล้วหรือ"

๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

           ในจารึกวัดอรุณราชวราราม ได้จารพระราโชวาทของสมเด็จพระเจ้า

ตากสินมหาราชไว้ว่า

           "อันตัวพ่อชื่อว่าพระยาตาก        ทนทุกข์ยากกู้ชาติพระศาสนา

    ถวายแผ่นดินให้เป็นพุทธบูชา            แต่พระศาสนาสมณพระพุทธโคนม 

    ให้ยืนยงคงถ้วนห้าพันปี                   สมณพราหมณ์ชีปฏิบัติให้พอสม 

    เจริญสมถะวิปัสสนาพ่อชื่นชม           ถวายบังคมรอยบาทพระศาสดา 

    คิดถึงพ่อพ่ออยู่คู่กับเจ้า                  ชาติของเราคงอยู่คู่พระศาสนา 

    พระศาสนาอยู่ยงคู่องค์กษัตรา          พระศาสดาฝากไว้ให้คู่กัน" 


๔. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 

             พระองค์ได้ทรงประกาศพระราชปณิธานในการเสด็จขึ้นครองราชย์ว่า 

          "ตั้งใจจะอุปถัมภก             ยอยกพระพุทธศาสนา 
           ป้องกันขอบขัณฑสีมา       รักษาประชาชนและมนตรี" 


๕. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

            มีพระบรมราชาธิบายตอนหนึ่งซึ่งแสดงถึงน้ำพระทัยต่อพระพุทธศาสนาพร้อมทั้งสถานะของพระพุทธศาสนาในแผ่นดินไทยไว้ดังนี้

           "อนึ่งในพระเจ้าแผ่นดิน  ก็ตรัสสรรเสริญว่าศาสนาใดๆ  ก็ไม่ประเสริฐกว่าพระพุทธศาสนา  รับสั่งดังนี้ทุกพระเจ้าแผ่นดิน  มาจนทุกวันนี้  ก็ซึ่งรับสั่งดังนี้ก็ดูเหมือนจะเอาใจพระสงฆ์  ซึ่งเป็นเจ้าของศาสนา โตอยู่ในราชาคณะที่เป็นประธานในศาสนา ก็ยังโง่งมงายไม่รู้แผ่นดินแผ่นฟ้า

          ...แต่พระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ ทรงทายสูรย์จันทร์ถูกต้องแน่นอน ก็เมื่อเป็นดังนี้ ท่านยังสรรเสริญว่าพุทธศาสนาดีกว่าศาสนาทั้งปวง แลทรงอุตสาหะประพฤติตามพระพุทธศาสนาอยู่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะพึ่งพาอาศัยพุทธศาสนาอยู่…"

 

๖. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว "พระปิยะมหาราช"

            พระองค์ได้ทรงแสดงน้ำพระทัยของพระองค์ต่อพระพุทธศาสนา ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาถึง เซอร์เอดวิน อาร์โนลด์ ผู้แต่งหนังสือประทีปแห่งทวีปเอเซีย ณ กรุงลอนดอนความตอนหนึ่งว่า

            "พระราชบิดาของฉันได้ทรงสละเวลาเป็นส่วนใหญ่ในการศึกษาและคุ้มครองศาสนาของชาติ ส่วนฉันได้ขึ้นครองราชย์ในขณะอายุยังน้อย จึงไม่มีเวลาที่จะเป็นนักศึกษาอย่างพ่อ ฉันเองมีความสนใจในการศึกษาหนังสือหลักธรรมต่างๆ สนใจว่าจะคุ้มครองศาสนาของเราและต้องการให้มหาชนทั่วไปมีความเข้าใจถูกต้อง"

             แม้แต่การศึกษาของพระภิกษุสามเณร ก็ถือว่าเป็นภารกิจของรัฐที่จะต้องเอาใจใส่ดูแล เพราะวัดเป็นศูนย์กลางการศึกษาของสังคมไทยสืบมาแต่โบราณดังที่ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเล่าไว้ใน "อธิบายเรื่องการสอบพระปริยัติธรรม" ว่า

           "การสอบพระปริยัติธรรมของพระภิกขุสามเณร นับเป็นราชการแผ่นดินอย่างหนึ่ง ด้วยอยู่ในราชกิจของพระเจ้าแผ่นดิน ผู้เป็นพุทธศาสนูปถัมภก"


๗. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

        พระองค์มีพระราชดำรัสมากมายเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ดังตัวอย่างปรากฏในพระบรมราโชวาท เรื่องเทศนาเสือป่าตอนหนึ่งว่า

      "…พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาสำหรับชาติเรา..ศาสนาสมัยนี้เป็นของที่แยกจากชาติไม่ได้ เป็นความจำเป็นที่เราทั้งหลายผู้เป็นไทยจะต้องมั่นอยู่ในศาสนาพระพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาสำหรับชาติเรา…"

     "…เพราะฉะนั้น เป็นหน้าที่ของเราทั้งหลายที่จะช่วยกันบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาอย่าให้เสื่อมสูญไป…การที่จะบำรุงพระศาสนา เราต้องรู้สึกก่อนว่าหลักของพระพุทธศาสนาคืออะไร…"

           "…เราจะถือว่าเราเป็นไทยด้วยกันหมดจะต้องรักษาความเป็นไทยของเราให้ยั่งยืน เราจะต้องรักษาพระพุทธศาสนาให้ถาวรวัฒนาการอย่างที่เป็นมาแล้วหลายชั่วโคตรของเราทั้งหลาย…"


๘. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

         พระองค์ได้ทรงมีพระราชดำรัสประกาศไว้ในการพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรว่า

        "ข้าพเจ้าถือว่า พระพุทธนวราชบพิตรเป็นที่ตั้งแห่งคุณพระรัตนตรัยอันเป็นที่เคารพสูงสุด และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศไทยและของคนไทย"

        นอกจากนั้นยังได้ตรัสต้อนรับพระสันตะปาปา จอห์นพอลที่ ๒ ประมุขแห่งศาสนจักรคาทอลิก ในคราวที่เข้าเฝ้า ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๒๗ มีใจความตอนหนึ่งว่า

 "…คนไทยเป็นศาสนิกที่ดีทั่วกันส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ"

* พิเศษ - ศาสตราจารย์อัลเบิร์ต  ไอสไตน์

        ไอสไตล์ได้ทิ้งคำพูดที่เป็นปริศนาที่สำคัญมากให้กับมนุษยชาติ ในช่วงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขา อัลเบิร์ตได้เริ่มสงสัยแล้วว่า พระพุทธศาสนา อาจจะเป็นศาสนาที่ให้คำตอบต่อคำถามที่เขากำลังพยายามค้นหา ในช่วง 1 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง " The Human Side " ซึ่งนักฟิสิกส์ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลผู้นี้ ได้กล่าวทิ้งท้ายให้เป็นปริศนาแห่งโลกอนาคตว่า

The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend personal God and avoid dogma and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things natural and spiritual as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism. (Albert Einstein)

"ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้น เมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้....ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา"

______________________________

            ที่อันเชิญพระราชปณิธานของบูรพมหากษัตริย์ทั้งหมดนี้มา เพื่อรำลึกในพระอัจฉริยภาพ และพระราชศรัทธาอันทรงรักษาพระพุทธศาสนาในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน จวบจนถึงลูกหลานรุ่นปัจจุบันอย่างพวกเราท่านทั้งหลาย อันเป็นผู้สืบทอดจุดไฟแห่งพระราชปณิธานของบูรพมหากษัตริย์ สู่ชนรุ่นหลัง แต่ช่างน่าเสียดายที่สังคมพระพุทธศาสนาในไทยปัจจุบัน เป็นสังคมแห่งการแก่งแย่งชิงดี แตกแยกแบ่งสี เห็นแก่ตัว คอรัปชั่น บ้าอำนาจ ไร้ศีลไร้ธรรม ไร้หิริ ไร้โอตัปปะ (ความละอาย,เกรงกลัวต่อบาป)

            ผู้มีศรัทธาบางกลุ่มมีการศึกษาเป็นถึงระดับปริญญาเอก ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เจ้านายต่าง ๆ ก็หลงงมงายกับอิทธิปาฏิหาริย์ของพระสงฆ์บางรูปที่อวดอุตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน  

     บางกลุ่มก็หลงไปกับบุญคือสร้างแล้วไปสวรรค์ได้เป็นนั่นเป็นนี่ (ภวตัณหา   -ความอยากเป็นนั่นเป็นนี่ อยากมี,อยากเป็น)

  บางกลุ่มก็ศึกษาพระไตรปิฎกจนติดในพระไตรปิฎกโดยไม่ยึดหลักไตรลักษณ์(ความเป็นไปของโลก คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป) หลักกฎหมาย และความเป็นไปของโลกยุคโลกาภิวัฒน์

           บางกลุ่มแสวงหาพระอริยบุคคล เพื่อทำบุญทำกุศลด้วย

           บางกลุ่มแสวงหาสัจธรรม เพื่อปฏิบัติบำเพ็ญ (กลุ่มนี้ใช้ได้) 

    เกือบทุกกลุ่มที่กล่าวมายกเว้นกลุ่มสุดท้าย นอกนั้นต่างเป็นพุทธศาสนิกชนที่ไร้ปัญญา คุณเครื่องพิจารณาว่า อันไหนควร อันไหนไม่ควร  อันไหนถูก อันไหนผิด  อันไหนเหมาะสม  อันไหนไม่เหมาะสม อันไหนดี  อันไหนไม่ดี ฯลฯ 

ความเห็นของศาสนาอื่น ต่อพุทธศาสนิกชนไทย

๑. ไหนไอสไตน์บอกศาสนาพุทธ เป็นศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์ คือ มีเหตุมีผล แล้วสวรรค์นรก เคยเห็นไหม ทำไมทำบุญต้องไปเกิดเป็นนางฟ้าเทวดามีแก้วแหวนเงินทองดั่งพรรณนาในบางลัทธิในไทย ทำไมไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย

๒. พระพุทธเจ้า อันเป็นศาสดาของคนไทยและคนพุทธทั่วโลก มีค่าแค่เพียงวางขายกับพื้น ให้คนเช่าบูชา เป็นแค่สัญลักษณ์ของศาสนาหรือ งั้นพวกเรานอกศาสนาก็เอามาประดับ ตกแต่งบ้านก็ได้สิ คนไทยขายให้เราเองนี่นา

๓. พระพุทธศาสนามีดีตรงไหน ? ก็เห็นคนไทยมันยังฆ่ากันเลย

๔. อื่น ๆ ฯลฯ

_____________________________________

 สาเหตุแห่งการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่ชาวเขา        

      ปัจจุบันนี้สังคมไทยเป็นสังคมพุทธในทะเบียนบ้าน  พุทธที่นับถือตามกันมาแต่บรรพบุรุษ พุทธที่ไว้สำหรับอ้างเวลาเขาถามว่า นัีบถือศาสนาอะไร โดยคนส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่า พุทธ คืออะไร ? ทำไมต้องนับถือพุทธ ? พุทธให้อะไรกับเรา ? (ข้าพเจ้าขอตอบทีหลัง)  เพราะสังคมเมืองเป็นเช่นนี้ ทั้งชนบทห่างไกล ชาวเขาบนภูเขาดอยสูง ยังห่างไกลความเจริญ ห่างไกลพระพุทธศาสนา จึงทำให้ผู้เขียนได้เล็งเห็นความสำคัญของชุมชนชาวเขา ซึ่งยังคงหลงเหลือจิตใต้สำนึกที่ดีงามคือไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นด้านการเมือง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ลักขโมย ไม่ใส่ร้ายป้ายสี ไม่ทำบุญเอาหน้า ไม่เสแสร้งแกล้งทำมีมายาสาไถ จึงได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาขึ้นสู่ชาวเขา โดยเน้นเรื่อง ศีล ๕  การคิดดี  ทำดี  และพูดดี

          ทั้งยังได้นำกุลบุตรผู้เป็นลูกหลานชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ได้เข้ารับการบรรพชาสามเณร รวมทั้งทัศนศึกษาพุทธสถานโบราณต่าง ๆ อันแสดงให้เห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนาในอดีต รวมทั้งเน้นเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าอันเป็นตัวทำลายโลก ทำให้โลกร้อนมาก พร้อมทั้งสอนวิธีเพาะกล้าไม้และนำไปปลูกโดยไม่ตัดในหมู่บ้านของตน ๆ

ปัญหาสำคัญ

ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาขึ้นสู่ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ

๑. ศาสนาอื่นช่วยชาวเขา แจกของ แจกยารักษาโรค สอนหนังสือ แต่พุทธศาสนาของเราไม่มี 

๒. การเดินทางลำบาก ห่างไกลความเจริญ 

๓. ชาวเขาที่ไม่ได้รับการศึกษาพูด ฟัง เขียน อ่าน ภาษาไทยไม่ได้

๔. ไม่มีหน่วยงานใดให้ความช่วยเหลือ

ความต้องการของผู้เขียนบันทึกนี้

๑. ชาวเขาหลายเผ่าหลายภูเขาหลายดอย ที่ผู้เขียนได้ขึ้นไปเผยแผ่ ล้วนขาดเรื่องยารักษาโรค  ผู้เขียนอยากได้ยารักษาโรคที่จำเป็นเช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้ผื่นคัน ฯลฯ เป็นต้น เพื่อนำไปแจกจ่าย เพราะอยู่ห่างไกลจากอนามัย 

๒. ขาดจิตอาสาในการช่วยให้ความรู้ สอนภาษาไทย ภาคค่ำคือเริ่มสอนตั้งแต่ประถม ก.กา เลย สอนคณิตศาสตร์ การคุมกำเนิด  วิทยาการการจัดการทรัพยากรท้องถิ่น การใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช การเพาะเห็ด และอื่น ๆ ฯลฯ 

๓. เสื้อผ้าอาภรณ์ ผ้าห่ม หมอน เครื่องกรองน้ำ สมุด ดินสอ ปากกา

๔. ถ้วยโถโอชาม จานช้อน หม้อ ไห ต่าง ๆ ไว้ใช้ในหมู่บ้านเป็นของหมู่บ้านเวลาแขกไปใครมาเยี่ยม 

๕. นักกายภาพบำบัดจิตอาสา เพราะมีเด็กพิการซ้ำซ้อนอยู่ด้วย

           ข้าพเจ้าขอประชาสัมพันธ์ในบทความที่เขียนนี้ด้วย  ขอจิตอาสาและผู้มีจิตเมตตาบริจาควัตถุสิ่งของ ยารักษาโรคตามที่ผู้เขียนต้องการนี้ เพื่อช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ที่อยู่ในแหล่งทุรกันดาร แต่มีน้ำใจใส่บาตรเลี้ยงผู้เขียนได้ฉันตามสมควร เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่ชายขอบประเทศไทยเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ติดขัด จึงขอประชาสัมพันธ์ผ่านบทความนี้ด้วย  

หากผู้สนใจจะเป็นจิตอาสา หรือร่วมบริจาคสิ่งของ ยารักษาโรค กรุณาติดต่อที่

๑๔๙ วัดม่อนป่าสัก หมู่ ๖ ต.ดงเจน  อ.ภูกามยาว  จ.พะเยา ๕๖๐๐๐

โทร. ๐๘-๖๙๑๔-๖๕๔๘ (พระอาจารย์แป๊ะยิ้ม)

* หมายเหตุ ; สำหรับคำตอบที่ค้างไว้ขอตอบในบันทึกเล่มต่อไป

คำสำคัญ (Tags): #ธรรมจักร
หมายเลขบันทึก: 490242เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 21:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 20:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท