การเลิกบุหรี่อาจทำได้ยาก แต่หากลดลง และลดลงเรื่อยๆ จนเรียกว่า งดบุหรี่ กำจัดการเพิ่มผู้ติดบุหรี่ หรือคุมกำเนิดผู้สูบบุหรี่ สำหรับผมแล้วต้องเริ่มต้นจาก
ทำอย่างไรไม่เพิ่มจำนวน ผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ใหม่ ถามว่าทราบหรือไม่ว่าเป็นโทษ เขาทราบทุกคน ประเด็นคือ ทำไมสูบล่ะ? คำตอบคือ ก็อยากสูบ เป็นคำตอบที่ ง งูสองตัว (งง)
ฉนั้นจะให้ลดการสูบลงอย่างไร ในเมื่อเจ้าตัวอยากสูบ อีกนัยนึงอยากป๋วย อยากตาย(เร็ว) ก่อนอื่นภาครัฐต้องจำกัดการสูบด้วยการ ลดปริมาณการสูบในแต่ล่ะครั้ง ได้แก่
1. ลดขนาดความยาวของบุหรี่ลง ให้สั้นลง ทำให้การสูบแต่ล่ะครั้งลดลง ถามว่าเขาจะสูบจาก 1 ม้วนเป็น 2 ม้วน เป็น 3 ม้วนก็ได้ ครับ จริงครับ แต่จะเป็นจิตวิทยาบอกตัวเขาเองว่า 3-4 มัวนแล้วน่ะ มากแล้วน่ะ และโดยธรรมชาติของผู้สูบ จริงๆแล้วสูบจริงๆ จัง แค่ ครั้ง สองครั้งแรก นอกนั้นก็ปล่อยให้เผาไปเรื่อยๆ
2. การใส่สารนิโคตินในเนื้อบุหรี่ โดยเฉพาะปลายบุหรี่ เพื่อลดความอยากในการสูบในครั้งแรก กล่าวคือสูบเพียง ครั้ง สอง ครั้ง ก็หมดความอยากแล้ว
3. การใส่สาร หรือสมุนไพร เติมทดแทนเนื้อบุหรี่ อาจทำเป็นชั้นๆ เป็นส่วนบุหรี่ และส่วนสมุนไพร หรือผสมรวมในเนื้อบุหรี่ กล่าวคือในเมื่อลดไม่ได้ก็เสริมคุณประโยชน์ในการป้องกันพิษภัยของบุหรี่ลงไป ไม่ได้เป็นการส่งเสริมน่ะครับ
4. การกำหนดให้มีบุหรี่ปลอมอยู่ในซองบุหรี่ที่ขาย สุ่มอยู่ในซอง มีแต่ม้วนสูบไม่ได้ กล่าวคือเพื่อให้ผู้สูบเมื่อเลือกหยิบออกมาแล้ว สูบและบังเอิญเป็นบุหรี่ปลอม ก็จะเป็นการขัดจังหวะการสูบ และเป็นจิตวิทยาให้ผู้สูบตระหนักในการสูบในม้วนต่อไป
5. ผลิตบุหรี่ที่ใช้เลิกบุหรี่ โดยแบ่งระดับนิโคติน อาจแบ่งเป็น 5 หรือ 6 ระดับ ระดับสุดท้ายเป็นระดับที่ปลอดนิโคติน เพื่อให้ผู้สูบสามารถเลือกขนาดและลดเลิกได้ง่าย
6. ตรวจจับผู้พกพาบุหรี่ และสถานที่สูบอย่างจริงจัง ปัจจุบันผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ไม่สามารถซื้อได้ ตามกฏหมาย แต่ก็มีอยู่มากมายที่ขายให้ ฉนั้นเพียงแค่ไม่ให้ซื้อก็น่าจะไม่พอแล้ว ต้องเริ่มต้องที่ออกกฏหมายห้ามเนอายุต่ำกว่า 18 ปี พก พา หรือมีบุหรี่ในการครอบครองด้วย
จากที่กล่าวมานั้นเป็นแง่คิดภายนอกโดยแก้ที่บุหรี่ ซื้อปัจจุบันได้แก้โดยให้ความรู้ ประชาสัมพันธ์ แล้ว แต่ก็ยังมีผู้สูบหน้าใหม่ แสดงให้เห็นว่า ใช้วิธีเดียวนี้คงไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนวิธีหรือเพิ่มมาคราการ อีก ในด้านอื่นๆ แล้วจะมาบันทึกเพิ่มน่ะครับ
ไม่มีความเห็น