ชลัญเป็นถึงหลาน "ท่านขุน" เชียวนา ไม่ธรรมดา


ขึ้นหัวข้อซะดูดีมีชาติทีเดียว 

ชลัญเป็นถึงหลาน"ท่านขุน"เชียวนา  ไม่ธรรมดา

จากการเขียนเรื่องราวของอำเภอพิมายเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว และประวัติศาสตร์   ตำนานต่างๆก็เลยมานึกถึงว่า อ้าว....... ประวัติศาสตร์   ครอบครัวชลัญนี่ก็น่าสนใจทีเดียว  จึงลุกขึ้นมาบันทึกถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว  ด้วยความระลึกถึง ในพระคุณที่ทำให้ ชลัญได้เกิดมาดูโลกนี้  อย่างภาคภูมิใจ 

ก่อนอื่นมาดูรูปเก่าๆ  ที่มีแค่บ้านชลัญกัน  รับรอง ประวัตินี้ยังไม่มีใครเคยบันทึก แน่นอน 

Large_chalun3

     ตาชลัญ คือรูปเด็กที่อยู่ในภาพนั้น  เดิมมีชื่อ เพียรพูน  ต่อมาชื่อจะเหลือเพียง "พูน"  เป็นคำโดดชื่อไทยโบราณ  เดิมตาของชลัญไม่ใช่คนไทย  แต่เป็นคน "ลาว"ประเทศลาว ในปัจจุบัน เหตุที่ตาพูนมาอยู่ประเทศไทยนั้น  มีผู้เฒ่าในหมู่บ้านเล่าให้ชลัญฟังว่า  ท่านขุนท่าหลวงแถลงการณ์  หรือ  อีกชื่อเรียกท่านขุนท่าหลวงแถลงเดช  ท่านเป็น พ่อบ้านปกครองหมู่บ้านท่าหลวง ในสมัยนั้น  เปรียบได้กับกำนันในสมัยนี้  ท่านไปทำกิจค้าขายกับคนลาว  ท่านได้พบกับเด็กกำพร้าพ่อแม่  ซึ่งก็คือตาพูนตาของชลัญนั่นเอง  รับจ้างไล่วัวมาขาย  ซึ่งขุนท่าหลวงฯ นั้นท่านไม่มีลูก  เห็นเด็กเพียรพูนแล้วเกิดถูกชะตา  จึงขอกับ พี่น้องของตาเอามาเป็นลูกบุญธรรม  ซึ่งตาก็ยินดีมาอยู่ด้วย  จนกระทั่งโตเป็นหนุ่ม  ตาเคยกลับไป ที่ประเทศลาวอีกครั้ง  แต่ด้วย   หลงรัก สาวไทย ก็คือยายของชลัญ ชื่อ "เสงี่ยม" จึงตัดสินใจกลับมาอยู่ที่พิมาย เป็นการถาวร 

    สำหรับท่าน ขุนท่าหลวงแถลงการณ์ นั้น ชื่อเดิม คือ"ม่วง  ทองแท้ "  ต้นตระกูล นามสกุลชลัญก็คือ "ทองแท้" นั่นเอง  แต่จริงๆแล้วชลัญเป็นเพชรแท้ (อิ้ววววว์) ออกนอกเรื่องเล็กน้อย   ท่านขุนท่าหลวงฯ  ก็ได้เปลี่ยนชื่อให้ตาเพียรพูน  เป็นชื่อ พูนสั้นๆ ซึ่งนิยมตั้งชื่อเป็นคำโดดในสมัยนั้น  จึงได้ชื่อ  "พูน  ทองแท้" นับบัดนั้นเป็นต้นมา

    ขุนท่าหลวงฯ  นี่ตามประวัติผู้เฒ่าเล่าให้ฟังว่า ท่าน เป็นคนที่เก่งกล้า  ทั้ง การต่อสู่ และวิชาอาคม ว่างั้น  เมื่อก่อนนั้นโจรผู้ร้ายชุกชุม  ท่านเป็นคนที่พาชาวบ้านต่อสู่ขับไล่โจร  ที่มาปล้นชาวบ้าน  จนชุมชนเข้ามแข็งชื่อเสียงไกลไปทั่ว  มีครั้งที่ พวกโจรมาปล้น ใหญ่นั้น ท่านได้กะเกณฑ์ชาวบ้านลุกขึ้นต่อสู่  ในคืนวันฟ้าสว่างใสไม่มีเมฆหมอกใดๆ  แต่กลับมีฟ้าผ่ามาที่ต้นมะพร้าวหน้าบ้าน  3 ต้น ยอดมะพร้าวขาดตกลงมากองที่พื้นแต่ไม่มีไฟลุกเลย  หมอดูสมัยนั้น ดูว่า  จะมีผู้กล้าที่พา หมู่บ้านให้เกิดความสงบสุขร่มเย็น  ขุนท่าหลวง ฯ  เดิมคือ  "นายม่วง   ท้องแท้"  นี่เอง ที่เป็นผู้กล้าในครั้งนั้น  จึงได้รับการยกย่องเป็นท่านขุน ท่าหลวงแถลงการณ์  บ้างเรียกขุนท่าหลวงแถลงเดช นับบัดนั้นเป็นต้นมา ท่านขุนไม่มีลูก  จึงมีเพียงตาของชลัญ และ อีก 3 คน ที่ท่านขอมาเลี้ยงดู เป็นลูก รักเหมือนลูกในไส้  และเมื่อเด็กพูนโตเป็นหนุ่มก็มาพบรักกับ ยายของชลัญ คือ หญิง "เสงี่ยม" นามสกุลเดิมไม่ม่ใครจำได้เลย  ครองรักกันมามีลูกทั้งหมด  7 คน  แม่ชลัญ เป็นลูกคนสุดท้อง  ตาพูนเสียตั้งแต่ชลัญยังไม่เกิด  แต่ยายชลัญเสียเมื่อสัก  16 ปีก่อน ตอนนั้นท่านอายุ 92 ปี 

     ยายเสงี่ยม นี่เดิม เป็นลุกคนรวยในหมู่บ้านก็ว่าได้  พ่อแม่ของยาย นั้นไม่มีใครจำชื่อได้  แม่ชลัญก็เกิดไม่ทัน  จึงไม่ทราบประวัติ รู้แต่ว่า  เป็นคนร่ำรวยมีอำนาจ  มีที่นาที่บ้านมากมาย  แต่เนื่องจากยายชลัญ เป็นคนใจดีมาก  ขึ้สงสารคน  จึงยกที่นาที่บ้าน  ให้กับคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ไปมากมาย  และ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น  ได้พา กันหลบหนีไปอยู่ในป่า เนื่องจากกลัวระเบิด  จึงหอบเอาสมบัติใส่หีบเหล็กไปเด็ม ทั้งเพชรทอง  จึงถูกโจรปล้นไปหมด  แถมพอเหตุการณ์สงบ มีวัวเป็นร้อยตัว  ก็ถูกปล้นอีก  จากคารวยก็เลย  สิ้นเนื้อประดาตัว  กลายเป็นคนจน ในพริบตา  แต่ด้วยความเป็นคนดี  มีเมตตา  จึงไม่ถึงกับลาบากมากมาย  แต่งงานอยู่กินกับตาพูน  อย่างมีความสุข มีลูกหลาย สืบมาจนถึงรุ่นชลัญนี่แหล่ะ 

              สำหรับชื่อหมู่บ้านท่าหลวงนี่  ก็มีความเชื่อว่า มีชื่อที่มาตามตำนานท้าวปาจิต  กับนางอรพิม  หรืออีกนัยหนึ่งนั้น  ได้กล่าวไว้ว่า  เมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาเรืองอำนาจ  จะมีการแยก ให้ปกครอบครัวเมือง เป็นก๊ก เป็นเหล่า  ซึ่งในนั้นจะมี ก๊กพิมาย  เชื่อกันว่า หมู่บ้าน"ท่าหลวง"นั้น เป็น หมู่บ้าน "ข้าหลวง"เดิม  เป็นหมู่บ้านที่มีขุนหรือพวกอำมาต อาศัยอยู่  เรียกไปมาจึงเพี้ยนจาก "ข้าหลวง" เป็น"ท่าหลวง" จนถึงปัจจุบัน  

      ก็เป็นประวัติเล็กๆน้อยๆ ที่อยากบันทึกไว้ให้ลูกหลานได้ดู และศึกษาต่อไป 

      เห็นมั๊ยว่า ชลัญ นี่ไม่ธรรมดา  เป็นถึงหลานท่าน "ขุนท่าหลวงแถลงการณ์ หรือขุนท่าหลวงแถลงเดช"  เชียวนา   ไม่ธรรมดา  จริงๆแล้ว เป็นแค่หลานกำมะลอน่ะ  อิ  อิ  อิ

หมายเลขบันทึก: 489946เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2012 13:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 3 ตุลาคม 2012 21:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

โอโห.... คุณชลัญเป็นคนในตระกูลเก่าแก่ของเมืองพิมายเลยนะครับ

คุณชลัญเนี่ย  เขียนหัวเรื่องได้น่าสนใจจริง ๆ 

บันทึกก็น่าสนใจค่ะ

(คงเป็นความสามารถเฉพาะตัว ที่ห้ามลอกเลียนแบบ  555555+)

ประวัติบรรพบุรุษนั้นไซร้ เตือนใจเรานา..

  • สวัสดีค่ะคุณชลัญ คนไม่ธรรมดา..
  • ชอบเรื่องราวจากบันทึกนี้ค่ะ

แวะมาอ่านบันทึก "หลานท่านขุนฯ" จ้า

55555555ขอบคุณ  Blank +  Blank  ที่ให้กำลัวใจ  บอกแล้วว่าหลานกำมะลอ อิ  อิ  อิ  ให้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหลานท่านขุนบ้าง  จริงๆ แล้วมีประวัติวีระกรรมของท่านอีกมาก  แต่ชลัญลืมหมด จำได้เรื่องฟ้าผ่าต้นมะพร้าวนี่ แม่ชลัญเป็นเด็กอยู่ในเหตุการณ์ แม่บอกไม่มีเคล้าของฟ้าฝน แต่ ฟ้าผ่าลงมาได้  ทุกคนตะลึงมาก  ในหมู่บ้านท่าหลวงนี่มีเรื่องราวที่นาสนใจอีกมาก จะพยายามสืบมาเล่าต่อ  โดยเฉพาะพระพุทธรูป องค์ใหญ่ ที่วัด  คนแก่บอกอายุไม่ต่ำกว่า 200 ปี ทีเดียว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท