เสาร์-อาทิตย์ที่แล้วผมได้ขึ้นไปพักผ่อนบนเขาค้อ เพชรบูรณ์ พอขึ้นไปแถวแคมป์สนก็แวะขึ้นไปที่วัดพระธาตุผาแก้ว(ผาซ่อนแก้ว) ไหว้พระธาตุและโชคดีมากที่ได้กราบพระอาจารย์อำนาจ โอภาโส ซึ่งท่านกำลังอบรมผู้มาปฏิบัติธรรมพอดี บรรยากาศสงบ ร่มเย็น สวยงามมาก
จากนั้นก็ขึ้นไปไหว้พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนา ไปอนุสรณ์สถานผู้สละชีพเพื่อชาติ และพระตำหนักเขาค้อ เราไปพักกันที่ไร่ภูผาดาว อากาศตอนนี้เย็นสบายมาก และชุ่มฉ่าด้วยพายุฝนที่เข้ามาเยือนเพชรบูรณ์พอดี
วันรุ่งขึ้นเราแวะลงไปไร่กำนันจุล(ตอนนี้เป็นของรุ่นลูกรุ่นหลานแล้ว) ผ่านมาเห็นป้ายน้ำตกธารทิพย์ เราตกลงกันว่าจะไปน้ำตกศรีดิษฐ์ดีกว่า (ตอนบ่ายโทรทัศน์ออกข่าวนักท่องเที่ยวถูกกระแสน้ำตกธารทิพย์พัดลอยไป เราก็ตกใจและโล่งใจที่ไม่ได้แวะตอนเช้า)
มาที่น้ำตกศรีดิษฐ์ ซึ่งเป็นฐานทัพของ ทปท.เดิม เงียบสงบมาก น้ำตกก็ไหลไม่แรง แต่ที่เราสะดุดตายืนอ่านข้อความที่จะเล่าให้ฟังวันนี้ก็คือ เห็นต้นไทรทำร้ายต้นสะตือ นั่นคือต้นสะตือให้ที่พักพิงแก่ต้นไทร แต่แทนที่ต้นไทรจะสำนึกถึงบุญคุณกลับแย่งอาหารและโอบรัดจนต้นสะตือตาย แล้วในที่สุดตัวเองก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรม เหมือนนิทานเรื่องชาวนากับงูเห่า และกวางที่กัดกินใบไม้ที่ตนเองหลบนายพราน(จำชื่อนิทานไม่ได้)
ลองอ่านข้อความที่เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ที่นั่นเขียนไว้ ทั้งแง่คิดจากธรรมชาติ และโศกนาฏกรรมต้นไทร ข้างล่าง ช่างเป็นคติสอนใจได้ดีเหลือเกิน
ขอบคุณ สำหรับความรู้นี้คะ
หายากค่ะ แง่คิดจากธรรมชาติ
งูเห่าไม่ใช่มีแต่คน(พรรคการเมือง) ต้นไม้ก็ยังมีงูเห่าเหมือนกัน
...ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุและปัจจัย...ไทรงาม..ทิ้งทอดรากเง่าลงสู่ดิน..แผ่อาณาจักร..เป็นร่มเงาเป็นปึกแผ่น..แก่นกกาที่มาอาศัย..หากไม่มี.สะตือ..ก็ไม่มี..ไทร..และไม่มี.นกกา..และ..ร่มเงา...(ยายธี)