คุณธรรมของความเป็น "มนุษย์..."


ผู้ที่เป็นญาติเป็นโยมก็ตั้งอยู่ในคุณธรรม ได้แก่ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ เราจะทำอย่างไรถึงจะได้คุณธรรมอย่างนั้น...?


คุณธรรมของความเป็นมนุษย์ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเราต้องมีศีล ๕ “ถ้าศีล ๕ ไม่ครบ ยังไม่ถือว่าเป็นมนุษย์”


ศีล ๕ นี้ดีมากนะ...


ศีลข้อที่ ๑ พระพุทธเจ้าท่านให้เราเจริญเมตตา


คนเรามันต้องมีเมตตา ถ้าไม่มีเมตตาตัวเราก็ไม่มีความสุข คนอื่นก็ไม่มีความสุข เพราะความเมตตาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด “ศีลข้อแรกนี้พระพุทธเจ้าท่านเน้นเข้าหาความเมตตาเลยนะ”


เราทุกคนถือว่าเป็นผู้ที่มีเมตตาน้อย มีเมตตาอยู่แต่ว่ามันน้อยเหลือเกิน


เราต้องเจริญเมตตาทุก ๆ วัน ถ้าเราไม่มีเมตตามันจะเครียด มองเห็นอะไรมันก็ขวางหูขวางตาไปหมด คนไม่มีเมตตามันไม่มีความสุข มันเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่าง ๆ เกิดโรคกระเพาะ เกิดโรคประสาท เกิดโรคหัวใจ เพราะจิตใจมันขัดเคืองขุ่นเคืองวิตกกังวล มันไปรับเอาแต่ สิ่งที่ไม่ดีมาใส่ใจของตัวเอง ไม่รู้จักปล่อยไม่รู้จักวาง คนที่เขาทำไม่ดีก็ไปรับเอามา คนเค้า เป็นโรคประสาท เราก็ไปรับเอามา คนเค้าเป็นบ้าเราก็ไปรับมา เราเลยกลายเป็นคนบ้าไปนะ


พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสว่า “อย่าไปถือคนบ้า อย่าไปว่าคนเมา” ต้องเจริญเมตตาไว้ ถ้าเรามีเมตตาปัญหาทุกอย่างมันจะหมดไป เพราะใจของเรามันไม่มีปัญหา

 


ศีลข้อที่ ๒ ท่านเน้นเรื่องการเสียสละ เน้นเรื่องเป็นผู้ให้


คนเรานี้ต้องมีความสุขในการเสียสละมีความสุขในการให้ ที่เรามันไม่รวยไม่มีคุณธรรมเพราะเราเป็นคนไม่เสียสละ ติดสุขติดสบายติดขี้เกียจขี้คร้าน ไม่ทำงานก็อยากได้


คนเราต้องเสียสละมาก ๆ ถ้าเราเป็นคนขี้เกียจขี้คร้านมันจะรวยได้อย่างไร ทำอะไรมันก็ไม่สำเร็จ ที่ท่านตรัสว่าไม่ให้ลักไม่ให้ขโมยของคนอื่นนี้ ความหมายก็คือเป็นคนที่เสียสละนี้แหละ


ถ้าเราไม่ทำเราอยากได้ ก็แสดงว่ามันก็เครือข่ายที่ขโมยทางใจ คือมันมีความอยาก


ถ้าเรามีความอยาก จิตใจของเรามันก็เป็นเปรตนะ มันต้องเสียสละมันต้องละ ความขี้เกียจขี้คร้านนะ สร้างเหตุสร้างปัจจัยให้มันดี ๆ อนาคตของเรามันจะได้เจริญจะได้สดใส “ความหมายของศีลนี้คือต้องเป็นคนเสียสละต้องเป็นผู้ให้ ต้องเป็นผู้ที่มีความสุขในการทำงาน มีความสุขในการทำความดี”


คนเราถ้าใจกับกายมันอยู่ด้วยกันมีความสุข มันมีความสงบ เพราะความสุขที่แท้จริง มันอยู่ที่จิตใจที่สงบ จิตใจที่อิ่มที่พอ ถ้าเราเป็นคนเสียสละ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็รักเรา นับถือเรา เพื่อนฝูงก็รักนับถือเรา ลูกน้องพ้องบริวารก็รักนับถือเรา เพราะเราเป็นคนเสียสละ เป็นคนใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่


การเสียเสียสละนี้ถึงเป็นการเอาของเสีย ๆ ออกจากใจของเรา เราก็จะได้รับแต่สิ่งที่ดี ๆ มาสู่จิตสู่ใจ


พระพุทธเจ้าท่านให้ทุกท่านทุกคนเป็นผู้เสียสละนะ ศีลข้อที่ ๒ นี้ถึงเป็นสิ่งที่ดีมาก เป็นสิ่งที่เกื้อกูลช่วยเหลือเราถ้าเรานำศีลข้อนี้ไปประพฤติปฏิบัติ ส่วนใหญ่เราจะเป็นแต่ผู้เอา ถ้าพูดเรื่องเสียสละมันจะคิดไม่ออก ถือว่าของเสียนี้ไม่ดีนะ ต้องทิ้งมันไปต้องสละไป

 

 

ศีลข้อที่ ๓ พระพุทธเจ้าท่านให้เราเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงใจต่อครอบครัว บุตรภรรยา สามี พ่อแม่ วงศ์ตระกูล


คนที่อยู่ใกล้เราเราต้องเป็นคนซื่อสัตย์ มีเมตตาต่อเขา เราอย่าไปมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ อย่าเป็นคนมักง่าย ตั้งอยู่ในความประมาท ต้องเป็นคนละเอียด ให้เอาใจใส่ในครอบครัวของตน


คนเรามันก็เหมือนนกครอบครัวหนึ่งที่มันทำรัง มันมีพ่อมีแม่มีลูก วันนึงก็ออกไปทำมาหากิน เพื่อมาเลี้ยงดูกัน มันมีความทุกข์ทั้งกายความทุกข์ทั้งใจความทุกข์ทั้งการดำรงชีพ ทุก ๆ คนที่อยู่ในครอบครัวเรา มันจำเป็นต้องได้รับความเมตตานะ เราจะไปทำดี กับคนไกล ๆ โน้น ๆ เขาเรียกว่ามันผิดปกติ มันไม่ถูก

 

เวลาพูดกับลูกกับภรรยานี้ก็ฟังไม่ค่อยจะได้ เวลาพูดกับคนไกล ๆ พูดเพราะ พูดหวาน พูดสุภาพ อย่างนี้มันไม่ถูกนะ เราร่ำเรารวยเรามียศมีตำแหน่ง ถ้าครอบครัวเราไม่มีความสุขไม่มีความอบอุ่นมันก็ใช้ไม่ได้ เรารวยก็จริงเรามียศก็จริง ก็ได้แต่ความล้มเหลวในชีวิต เพราะครอบครัวเราไม่มีความอบอุ่น พ่อก็ไปทางหนึ่ง แม่ก็ไปทางหนึ่ง ลูกก็ไปทางหนึ่ง มันแตกความสามัคคีกัน มันเผากันเองในครอบครัว มันไม่ถูกนะ


บ้านเราทำอย่างดี มันร้อนก็ติดพัดลม ติดพัดลมมันเย็นไม่พอก็ติดแอร์ แต่เราเองไปสร้างปัญหา พากันเผาบ้านเผาครอบครัวมันไม่ถูกนะ


ศีลข้อสามนี้เน้นความสุขความอบอุ่นในครอบครัวนะ


บางคนไม่รู้จักนะปฏิบัติธรรมะ จะไปเอามรรคผลสวรรค์นิพพานไกล ๆ โน้น เวลาทำงานก็ไม่มีความสุขในการทำงาน


พระพุทธเจ้าท่านสอนเราให้มีความสุขในการทำงานกับเจ้านาย มีความสุขในการทำงานกับเพื่อน กับลูกน้อง กลับมาบ้านก็มีความสุขในการอยู่กับภรรยาสามีกับลูก ๆ อันไหนมันดีก็ทำ อันไหนมันดีก็พูด อันไหนมันดีก็คิด ทำอย่างนี้มันถึงถูก ปฏิบัติอย่างนี้มันถึงถูก นี่มันข้อวัตรปฏิบัติที่จะนำเราเข้าสู่ความสุขความดับทุกข์นะ

 

 

ศีลข้อที่ ๔ พระพุทธเจ้าท่านให้พัฒนาในเรื่องพูด...


คำพูดของเราต้องให้มันเกิดประโยชน์ ต้องพูดดีพูดเพราะพูดสุภาพ พูดความจริง ถ้าแม้แต่ความจริงมันพูดไปแล้วจะทำให้คนอื่นไม่สบายใจเดือดร้อนท่านก็ให้เรานิ่งไม่ให้เราพูด


เรื่องคำพูดนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาต่าง ๆ ที่มันแตกแยกความสามัคคีมันมาจากคำพูดเป็นส่วนใหญ่ เพราะคำพูดนี้มันคิดไปมันก็พูดไป บางทีเรายังไม่ได้กลั่นกรอง เรายังไม่ได้วิเคราะห์เราพูดไป เขาเรียกว่าพูดก่อนคิด พูดตามความเคยชิน


คำพูดนี้สำคัญมากจริง ๆ ถ้าพูดไม่ดีไม่ถูกต้องนี่เสียหาย ถ้าพูดดีพูดต้องทำให้เจริญ ทำให้รวยทำให้มีคุณธรรม


ทุกท่านทุกคนต้องปรับปรุงเรื่องคำพูดนะ พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนั้น...


อย่าได้คิดว่าเราพูดออกมาจากใจ เราคิดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะใจของเราไม่ใช่ใจพระพุทธเจ้าไม่ใช่ใจพระอรหันต์ ใจของเรามันเป็นคนธรรมดา


ผู้ที่จะปกครองคนอื่นได้ ต้องเป็นคนดี ต้องเป็นคนพูดดี พูดเข้ากับผู้หลักผู้ใหญ่ได้ พูดกับเพื่อนได้ พูดเข้ากับรุ่นน้องได้ พูดเข้ากับทั้งคนดีทั้งคนไม่ดีก็เข้ากับเขาได้หมด ทำเรื่องใหญ่ ๆ ไม่ให้มีเรื่องได้


การพูดนี่ถือว่าเป็นประเด็นใหญ่ยิ่งกว่าปริญญาเอก ให้ทุก ๆ คนสนใจนะ สนใจแล้วก็ประพฤติปฏิบัติเพื่อปรับปรุงตนเองแก้ไขตนเอง


เราเป็นคนพูดเก่งพูดฉลาด มันก็ยังไม่พอนะ มันต้องฝึกฟังคนอื่นพูด...


ไม่ใช่ไปที่ไหนไปพูดให้เขาฟัง เมื่อไปพูดให้เขาฟังอย่างเดียว ใครเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับเรา


เราพูดอะไรถ้าประกอบไปด้วยความเห็นแก่ตัวนี่มันไม่ถูก มันต้องพูดเพื่อความเสียสละเพื่อละความเห็นแก่ตัว เราเอาจะเอาชนะคนอื่นไม่ได้ เราต้องเอาชนะตัวเอง พระพุทธเจ้า ท่านไม่ให้พูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ต้องฉลาดการพูดในเรื่องพูด คนเขาถึงจะรักเราเคารพนับถือเรา


คนเราเกิดมาถ้าคนเขาไม่รักไม่เคารพไม่นับถือนี้มันทุกข์มากนะ คนที่ไม่มีเพื่อนไม่มีหมู่ ไม่มีคณะ สาเหตุมาจากคำพูดเรื่องพูดนี้แหละ ต้องรักษาสัจจะรักษาวาจา เป็นผู้ที่มีวาจาชอบ

 

 

ศีลข้อที่ ๕ พระพุทธเจ้าท่านให้เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาท


คนเราส่วนใหญ่เป็นคนประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อเราเป็นคนประมาท เราก็ตายจากคุณงามความดีนะ ชื่อว่าความชั่วทั้งหลายทั้งปวงนี้ไม่ทำเลยดีกว่า ไม่ทำไม่พูดไม่คิด


ถ้าเราประมาทนิดหน่อยก็ผิดพลาดนิดหน่อย ไม่ว่าเรื่องอะไร ประมาทในเรื่องขับรถ มันก็เกิดอุบัติเหตุ ประมาทในคำพูดมันก็มีปัญหา ประมาทในการใช้จ่าย เราใช้จ่ายไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักยั้งคิดมันก็เป็นหนี้เป็นสิน ความประมาทนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่นะ...


โอวาทครั้งสุดท้ายของพระพุทธเจ้าก่อนที่ท่านเสด็จดับขันธปรินิพพาน ท่านตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความ ไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด...”


เราประมาทไป วันนี้เราไหว้พระสวดมนต์ เราไม่รักษาศีล สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ความประมาททั้งนั้น


ความประมาทมันจะลามปามกันไปใหญ่นะ ถึงกับไปดื่มเหล้าดื่มเบียร์


บุหรี่น่ะทีแรกก็สูบมันคือ ๆ สูบให้มันโก้ ๆ ผลที่สุดความประมาททำให้เราติดบุหรี่


เหล้าก็เหมือนกัน ครั้งแรกก็ทดลองดู เพื่อนเขากินก็ลองดู เกิดมาเป็นคนก็ลองกับเขาบ้าง ผลสุดท้ายมันก็ติด บางคนยิ่งแย่ไปกว่านั้น ยาม้าเป็นอย่างไร ยาอีเป็นอย่างไร ทำไมคนเขาถึงติด ลองกับเขาบ้างจะได้ไม่เสียชาติเกิด สุดท้ายมันก็เลยติด


การพนันทุกอย่าง เห็นเค้าเห็นเค้าพนันก็อยากลองกับเขาบ้าง บางทีจะได้มีโชคมีลาภ กับเขาบ้าง สุดท้ายเราเลยกลายเป็นคนติดการพนัน

 

นักเรียนนักศึกษาก็เหมือนกัน ประมาทไป มัวแต่เพลิดเพลินในการโทรศัพท์ ฟังเพลง ดูคอนเสิร์ต เล่นเกมส์ เล่นอินเตอร์เนทอยู่ สุดท้ายบาปกรรมก็มาถึง เวลาสอบเราก็ไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถ จิตใจมันร้อนรน คิดอะไรก็ไม่ออก กำปากกาจนเหงื่อกาฬแตกหมด เกิดจากเพราะเราประมาทแท้ ๆ ที่เราไม่ได้ดิบไม่ได้ดี ที่เราไม่มีคุณธรรม


ความประมาทนี้เป็นเรื่องใหญ่นะ พระพุทธเจ้าท่านถึงตรัสถึงเตือนเรา


ศีลทั้ง ๕ ข้อนี้ที่กล่าวมาข้างต้น คือคุณธรรมของความเป็นมนุษย์ เป็นมนุษย์ได้ ก็เพราะศีล ๕ นะ


ตั้งแต่ข้อหนึ่งถึงข้อห้านี้มีแต่สิ่งดี ๆ ทั้งนั้น ๆ ทำไมเราถึงพากันกลัวศีล กลัวของดี ๆ กลัวสิ่งที่ดี ๆ ถ้าเรารักษาศีล ๕ เหมือนที่กล่าวมานี้ เราดีแน่ เราเข้าถึงคุณธรรมของความเป็นมนุษย์ เกิดมาก็มีความสุข สุขทั้งกายสุขทั้งใจ เป็นทางดำเนินเข้าสู่สวรรค์ เข้าสู่พระนิพพานตั้งแต่ยังไม่ตาย


ทุกท่านทุกคนให้เอาพระธรรมคำสั่งสอนไปใช้ไปปฏิบัติ ชีวิตของเราจะได้เข้าถึง ความประเสริฐด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ...

 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
เช้าวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
(เพิ่มเติมจากเช้าวันพุธที่ ๓๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕)

หมายเลขบันทึก: 489746เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2012 05:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 09:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท