อิสรภาพ...ที่ขาดหาย...เข้าค่าย (1/4)


บ่ายวันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม 2555

น้อง ๆ...วิทยากร...และพี่เลี้ยง...ทานข้าวเที่ยงด้วยความเอร็ดอร่อย...เพราะภาคเช้าได้เข้ากลุ่มเรียนรู้อย่างสนุกสนาน

และก่อนทานข้าวเที่ยง...พี่ปลัดได้บอกทุกคนว่า...ภาคบ่ายจะไปดูงานในอำเภอ...ไป “แดนสนธยา”

แดนสนธยา...ผู้ใหญ่จะทราบดีว่าหมายถึงอะไร...แต่น้องๆ งงงวยและสงสัย

จนต้องเฉลยว่า...คือ...เรือนจำ หรือ “คุก”

 

 

 

บ่ายวันนี้...เป็นวันที่ร้อนระอุจริง ๆ แม้แต่สายลมที่โชยพัดมาก็ยังร้อนราวกับไอที่ปะทุขึ้นมาจากหม้อแกงเดือด ๆ

แต่น้องๆ ทุกคนมีความตื่นเต้นที่จะได้เข้าไปดูงานในคุก....และแล้วพวกเราก็มาถึงเรือนจำ

ทางเจ้าหน้าที่ให้ทุกคน..เอาอุปกรณ์สื่อสารฝากไว้...นำเอาไปข้างใน...และนับจำนวนคนเข้าอย่างรอบคอบ

กลัวจะไปถึงภายในคุก....ต้องผ่านสองด่าน...ซึ่งแต่ละด้าน...เหมือนห้องกักขัง...ตรวจสอบคน...อย่างใช้เวลา

 

 

 

 

เมื่อก้าวย่างเข้าแดนคุก....อาคารสถานที่...พื้นดิน...สะอาดสะท้านมาก...ไม่มีเสียงอะไรผ่านเข้ามาในหู...นอกจากเสียงรถที่อยู่ภายนอก

เจ้าหน้าที่เรือนจำ...พาพวกเราไปห้องโถงหรือห้องประชุมกว้าง ๆ...มองไปเห็นกำแพงปูนสูงชัน...ลวดหนาม...และเจ้าหน้าที่บอกเพิ่มเติมว่า...เห็นสายไฟไหม...ประมาณสองหมื่นโวลต์....หนีไปไม่รอดแน่ๆ

เรือนจำแห่งนี้....มีนักโทษประมาณสี่ร้อยคน...จะรับเฉพาะคดีที่อายุรับโทษไม่เกิน 10 ปี

และบอกพวกเราว่า...โชคดีมากที่ได้เข้ามา...โดยไม่มีหมายศาล...และศาลไม่ได้ลงอาญา

 

 

 

ผู้ต้องหาเมื่อเข้าคุก...จะเป็นใคร...สถานภาพใด...จะมีคำนำหน้าใหม่ว่า..น.ช. (นักโทษชาย) หรือ น.ญ.(นักโทษหญิง) และใส่เสื้อเหมือนกันคือสีส้มจางๆ เหมือนสีลูกวัว...ผู้ชายใส่กางเกงขาสั้น...ผู้หญิงใส่ผ้าถุง

เมื่อเข้ามา...อิสรภาพเราต้องขาดหายไป...ต้องถูกตรวจรูทวาร...สิทธิ์ไม่เหลืออะไร...ยกเว้นสิทธิ์ที่ไม่ถูกทำลายชีวิต

ต้องตื่นนอนเวลา 6 โมงเช้า หรือต้องให้แสงแดดสว่างชัดเจน...เก็บที่นอน..อาบน้ำ...มากินข้าพร้อมเวลา 7.30 น. ต่อจากนั้นไปทำงาน เช่น ตัดไม้ ทาสีไม้  แกะกระเทียม ทำสวน ทำความสะอาด...กินข้างอีกที เวลาบ่ายสามโมง...หลังจากนั้นทำธุระส่วนตัว...อาบน้ำ...ดูทีวีตามเจ้าหน้าที่เปิดให้ดู...และต้องเข้านอนเวลาสามทุ่ม...ง่วงไม่ง่วงต้องนอน...ห้ามคุยกัน...อยู่ต้องนอนโดยเปิดไฟสว่างส่องจ้า...ทุกการกระทำต้องเปิดเผยทั้งหมด

 

 

คนเจ็บคนป่วย...จะมีเรือนพยาบาลในคุก...ถ้าคุณหมอในคุกเอาไม่ไหว...ต้องส่งเรื่องขออนุญาต...ถึงจะชัก..จะตาย..ก็ต้องรอคำสั่งก่อน….ถึงจะป่วยมากออกไปโรงพยาบาลข้างนอกต่องใส่โซ่ตรวนตลอด

การเยี่ยม..ถึงญาติมาจากต่างประเทศ...วันหนึ่งจะเยี่ยมได้ครั้งเดียว 15 นาที...มีกระจกกั้น...คุยกันผ่านโทรศัพท์...

ของเยี่ยม...ต้องตรวจสอบอย่างรัดกุม...เช่น ขนมเค้ก...ต้องกลายเป็นขนมเลอะ..เพราะป้องกันสิ่งที่อยู่ในชองเยี่ยม เช่น ยาบ้า อาวุธ เหมือนในข่าวช่วงนี้…

 

 

เจ้าหน้าที่ฉายวีดีทัศน์แนะนำ...การทำงาน...การประหารชีวิต...ด้วยการแขวนคอ...และยกเลิกเมื่อ ปี 2546 ...ปัจจุบันประหารชีวิตด้วยยาฉีด...ราคาชีวิตคนหนึ่งเพียง 123 บาท...ฉีดยา 3 ขั้น....สลบ...กล้ามเนื้อผ่อนคลาย...และปลิดหัวใจ...โดยมีเพชฌฆาตถึง 3 คน

 

 

และมีครู หรือนักโทษ มาเล่าถึงชีวิตของตนเองให้น้อง ๆ รับรู้…

“ดอน” อายุประมาณ 20 ปีต้น ๆ ...เป็นหัวงานงานในโรงงาน...ตอนแรกเสพยาบ้า...พัฒนาเป็นขาย...ถูกจับตอนพักเที่ยง...เพื่อนๆ ต่างรุมประณาม...ว่ากล่าวนึกว่าจะเป็นคนดี แต่เลวมาก...ถูกจับยาบ้า 5 เม็ด จำคุก 5 ปี...ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น...ทรมานมาก...คิดถึงแม่...คิดถึงบ้าน...ให้ข้อคิดกับน้อง ๆ ว่า...การเสพ และขายยาบ้า...ไม่ได้เท่ห์ หรือรวยเหมือนใจคิด...เราทำอะไรที่ผิดเขารู้...อย่าทำถ้าไม่อยากเหมือนพี่

 

 

“ตุ่ย” อายุ 20 ปีต้นๆ เช่นกัน...เพื่อนๆ บอกว่าตนเองตาขาว ขี้ขลาด ไม่แน่จริง...มึงลองยาบ้าสิ...ลองแล้ว...จึงขายด้วย เพราะกำไร เกือบ 10 เท่า...ถูกจับตอนเช้าที่บ้านกำลังปลูกใหม่...ดีใจกับความเก่งตนเอง...ถูกจับพร้อมแฟนสาว...แต่ตนเองรับผิดคนเดียว...ถูกจับยาบ้า 15 เม็ด จำคุก 8 ปี ปรับ 2 แสนบาท...เพื่อนๆ ที่สนิท..และแฟนสาวที่รักมากที่สุด ไม่เคยมาเยี่ยมเลย...และมีสามีใหม่ไปแล้ว...มีแต่พ่อกับแม่มาเยี่ยม....ถึงแม้ในคุกจะได้นอน ได้กิน...แต่อิสรภาพตนเองไม่มีเหมือนเดิมแล้ว....บทเรียน คือ ยาบ้า เพื่อนที่ไม่ดี...แฟนที่ไม่จริงใจ...คือภาพลวงตา และทำให้หลงผิด....พ่อและแม่ห่วงตนเองมากที่สุด...ถ้าได้ออกจากคุย จะไม่ทำชั่วอีกแล้ว....

 

 

 

น้องๆ ต่างซึม...ครุ่นคิด... และก้มหน้า...จากนั้น เจ้าหน้าที่ให้น้อง ๆ มาชิมอาหารที่นักโทษต้องกิน ตอนบ่ายสาม...แต่ไม่มีน้องคนใดเลยที่แตะต้อง...จากนั้นพวกเราได้เดินไปรอบๆ ภายในคุก...เรือนพักหญิง เรือนพักชาย ห้องพยาบาล ...โรงฝึกอาชีพ....

ผมมองผาดๆ กับน้องโทษที่เห็น...มองไม่เต็มตานัก...บางคนมองกลับด้วยแววตานิ่ง ๆ... ครุ่นคิด...บางคนก้มหน้ายอมรับกฎเกณฑ์ของสังคมที่บงการโลกและชีวิตของเขาอยู่อย่างไม่เคยคิดหลีกเลี่ยง และไม่เคยมีปฏิกิริยาโต้ตอบต่อมันเลย….เพราะไม่มีรูไหนที่จะให้พวกเราเหล่านั้นออกจากที่นี้ไปได้...ถ้าไม่ครบเวลา

 

 

เมื่อพวกเราออกมาข้างนอกคุกแล้ว...พี่ๆ หลายคนถามน้องว่า...คุกเป็นอย่างไง?

น้องส่วนใหญ่บอกว่า...ไม่อยากมาอยู่...และจะจดจำการดูงานครั้งนี้ไว้

น้องอีกคนบอกผมว่า “ ท้องฟ้าในนั้นไม่ได้สดใสเหมือนท้องฟ้าข้างนอกนี้เลย...มันมีแต่เป็นสีเทาไปทางสีดำ...และที่เจือด้วยสีขาวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับพี่”

 

หมายเลขบันทึก: 488527เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2012 17:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม 2012 14:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • ดีจังเลยครับ
  • ให้น้องๆได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนในคุกจริงๆ
  • เป็นการสกัดกั้น
  • ไม่ให้น้องที่เข้าค่ายทำไม่ดี
  • ขอบคุณมากๆครับ
  • เป็นกิจกรรมที่ เยี่ยมที่สุดเลย อยากให้เด็กได้เรียนรู้จากประสบการณ์็จริงๆ เป็นประสบการณ์ตรงๆๆๆ ของเด็กๆ ผู้ที่ยังต้องการ การเรียนรู้ จากผู้ใหญ่ใจดี นะคะ

ขอบคุณมาก สำหรับบทความดีๆ นี้คะ

ผมเคยเข้าไปตรวจมาตรฐานด้านสาธารณสุขของที่นี่ 2 ครั้ง รู้สึกว่าความสะอาดค่อนข้างดีมาก ๆ เป็นอันดับต้น ๆ ของเรือนจำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเลยครับ ยินดีกับกิจกรรมดี ๆ ที่ทำให้เห็นสภาพของชีวิตในอีกด้านที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเข้าไป

กิจกรรมดีดีอย่างนี้ได้ประโยชน์กับทั้งน้องๆ และพี่เลี้ยงเลยนะคะ แถมคนที่โกทูโนด้วย ;)

ชื่นชม ๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท