เมื่อวานดิฉันได้มีโอกาสนั่งคุยกับน้อง จินตนา จตุรวิทธ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมนักกำหนดอาหารของเรา ครั้งนี้เธอเล่าถึงเรื่องผู้ป่วยท่านหนึ่งที่ต้องการควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เธอเล่าว่า
วันนี้ได้ติดตาม case ที่ได้รับคำแนะนำการลดน้ำหนัก ชื่อ นาย สมชาย ซึ่งหนัก 78.7 กก. สูง 168 ซ.ม. BMI 28.1 กก./ม2 ค่อนข้างอ้วน เป็นเบาหวาน เดิมเป็นคนทานข้าวมากโดยเฉพาะเช้า-มื้อเย็น มื้อละ 4 - 6 ทัพพี ชอบทานของทอด แกงกะทิ หมูทอด น้ำอัดลม ขนมหวาน ที่สำคัญยังดื่มเบียร์และสูบบุหรี่วันละ 5 - 6 มวน ครั้งก่อนหลังได้รับคำแนะนำคุณสมชายตั้งเป้าหมายที่จะลดเบียร์ บุหรี่ ข้าว ของผัด และทอดลง~50% แล้วนัดมาพบกันอีก 1 เดือน
มาพบครั้งนี้จึงถามว่า "น้ำหนักตัวเป็นอย่างไรบ้างคะ " คุณสมชายตอบแบบสีหน้าสงสัยว่า " ผมกินน้อยลงแล้ว ทำไมวันนี้น้ำหนักเพิ่มเป็น 83 ก.ก. เพิ่มมาอีก 4.3 ก.ก. แต่ผมเคยเป็นแบบนี้ครั้งหนึ่งตอนนั้นน้ำหนักลดมาก พอได้ยาเบาหวานน้ำหนักก็เพิ่มขึ้น ผมคิดว่าน่าจะเป็นจากยาที่กินอยู่ทำให้น้ำหนักไม่ลด " เราจึงต้องช่วยปรับให้ผู้ป่วยเข้าใจการดูแลเบาหวานอย่างถูกต้องโดยอธิบายให้ทราบว่า น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นหลังได้ยาเบาหวานเกิดจากน้ำตาลที่สูญเสียไปทางปัสสาวะถูกนำมาใช้เป็นพลังงาน และปรับให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น ทำให้น้ำหนักเพิ่ม ถ้าคุณไม่ได้ทานยาร่างกายจะต้องนำไขมันที่ถูกเก็บสะสมไว้มาใช้งานแทนทำให้น้ำหนักลดลงเรื่อย ๆ
นั่นแสดงว่าตอนนี้คุณสามารถใช้อาหารให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้น แต่ถ้าคุณยังทานอาหารผิดและมากเกินความต้องการของร่างกายเหมือนตอนที่มีอาการไม่ได้รักษา อาหารส่วนที่เกินจะทำให้อ้วน ถึงตอนนี้คุณสมชายเริ่มเข้าใจเราจึงได้คุยถึงอาหารที่พยายามปรับลด และพบว่าคุณสมชายทำตามเป้าหมายได้บางข้อ เบียร์และบุหรี่ ข้าว แต่ปริมาณอาหารแป้ง ของทอด อาหารผัดมันเท่าเดิม เราจึงต้องให้คุณสมชายเรียนรู้อาหารพวกแป้งซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับข้าว เป็นการตั้งเป้าหมายที่คุณสมชายขอเริ่มเป็นอันดับต่อมา
ยุวดี มหาชัยราชัน
ไม่มีความเห็น