พบ..อนุศาสนาจารย์...เข้าค่าย (1/3)


วันที่ 15 พฤษภาคม 2555

วันแรกของ “ค่ายแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เพื่อพัฒนาบุคลิกภาพ”

ผมได้พบ…พี่สุวิทย์....อนุศาสนาจารย์....อีกครั้ง...หลังจากที่ได้พบและทักทายกันแบบผิวเผินประมาณสี่ห้าครั้ง

บุคคลท่านนี้สร้างความประทับใจและโน้มน้าวผมให้รู้สึกสนุก สดใส และอิ่มเอิบจาก 'ข้างใน' เสมอๆ

และในค่ายนี้....พี่สุวิทย์ก็ได้ร่วมเป็นวิทยากร...เช่นกัน

 

 

ผมโชคดีในชีวิต...ที่มีคนรู้จัก...หรือบางคนพัฒนาเป็นเพื่อน และญาติ

ที่มาจากหลายสาขาอาชีพ...เพศ...สถานภาพ...ตำแหน่ง...และวัย

ตอนเรียนปอโท...ผมไม่เรียนต่อด้านสุขภาพ...ดันไปเรียนด้านสังคมวิทยา

ทำให้ผมมีเพื่อน...เป็น...ปลัด...ทหาร...ตำรวจ...พัฒนากร...เอ็นจีโอ..อาจารย์...เพื่อนคนประเทศลาว...พยาบาล...พระ...

และเมื่อทำงานแบบบูรณาการ...เหมือนเช่นการเข้าค่าย...ก็ได้รู้จักคนหลายหลากอาชีพ

 

 

ตำแหน่ง...อนุศาสนาจารย์...ผมชอบมากครับ...แปลกดี

ถามพี่สุวิทย์...ซึ่งผมรู้จักตอนแรกแล้วว่า...ทำงานในเรือนจำ

บอกว่าในจังหวัดของเรา มีเพียง 2 คน เท่านั้น

ตำแหน่งนี้จะมีในหน่วยงานที่เป็นทหารทุกเหล่า...และเรือนจำ เท่านั้น

หน้าที่หลัก คือ อบรมพัฒนาจิตใจ  ขัดเกลา เยียวยาหัวใจ และเป็นครู

 

 

ตำแหน่ง...อนุศาสนาจารย์....ต้องสอบ ก.พ.

แต่แปลกมากคือ....ต้องมีวุฒิการศึกษาต้องประกอบ ด้วย 2 อย่าง คือ

หนึ่ง วุฒิทางธรรม คือ  เปรียญธรรม 6 ประโยค ขึ้นไป (ตอนนี้พี่สุวิทย์บอกว่า เหลือแค่ 3 ประโยคก็ได้)

สอง วุฒิทางโลก คือ จบปริญญาตรีสาขาใดก็ได้

สำหรับพี่สุวิทย์... บวชเรียนตั้งแต่เด็ก และเรียนจบปริญญาตรีที่ "มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย" (ขอบพระคุณ...พี่อักขณิช...ที่ตรวจสอบความถูกต้องของคำครับ)

 

 

หน้าที่ทั่วไปของอนุศาสนาจารย์...ตอนเช้าทำงานปกติ คือแปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น

แต่ก็ต้องมีขึ้นเวรตอนเย็นและกลางคืน...ตั้งแต่เวลาสี่โมงเย็นถึงสองโมงเช้าอีกวัน

ซึ่งเจ้าหน้าที่เรือนจำทุกท่าน...ต้องขึ้นเวรกลางคืนทุกคน...ยกเว้นท่าน ผบ.เรือนจำ ผู้เดียว

ทำงาน 3 วัน ต้องอยู่เวร 1 เวร (ตื่นเช้าก็ทำงานตามปกติ)...ตารางเวรจะเรียงไปเรื่อย ๆ

 

 

พี่สุวิทย์...ตามที่เขียนข้างบนว่า...สามารถสร้างความประทับใจและโน้มน้าวผมให้รู้สึกสนุก สดใส และอิ่มเอิบจาก 'ข้างใน' เสมอๆ

เช่น ยิ้มเสมอทุกสถานการณ์...พูดจาไพเราะกับทุกคน...ให้ความเอ็นดูน้อง ๆ....มีความอ่อนโยนเสมอต้นเสมอปลาย

และเมื่อผมอยากรู้ข้อมูลของเรือนจำและงาน...ครั้งล่าสุด...พี่สุวิทย์นั่งเก้าอี้...ผมเลยไปนั่งย่อ ๆ ข้าง ๆ

พี่สุวิทย์ตกใจ...รีบยกเก้าอี้มาให้ผม...บอกว่า นั่งด้วยกัน...ทำเหมือนพี่เป็นพระไปได้

และเมื่อพวกเราเล่นเกมส์ให้น้องเป่าลูกโป่งแตก....พี่สุวิทย์รีบมาแอบกระซิบว่า

“...น้องหมอ...พี่ว่า ให้น้อง ๆ เป่าลูกโป่งให้ใหญ่ที่สุด...อย่าให้แตกดีกว่า...เพราะให้แตก...เหมือนน้องเขาจะไม่ถนุถนอมลูกโป่ง...”

ผมว่า พี่เป็นคนที่ลึกซึ้งและมองเห็นถึงจิตใจด้านที่งดงามและอ่อนโยนอยู่เสมอ

 

 

ทุก ๆ วันของผม...มีเรื่องราวผ่านเข้ามาในชีวิตมากมาย แต่ผมก็แทบจะจำเรื่องเหล่านั้นไม่ได้เลย

แต่สำหรับวันนี้....และการเข้าค่ายครั้งนี้.... 

สิ่งที่เกิดขึ้นและดีงาม...ที่ทำให้หัวใจของผมจดจำและได้ซึมซับ...

สิ่งหนึ่งก็คือ...การได้พบและรู้จักอนุศาสนาจารย์คนนี้

 

 

หมายเลขบันทึก: 488231เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 21:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 22:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

 

 

- การได้พบปะ...กลุ่มคน/คนที่มีแนวคิดเดียวกัน....ถือว่า...มีวาสนาต่อกันนะค่ะ

 

ตำแหน่งนี้ นึกว่าพูดกันเล่นๆ ขอบคุณที่บันทึกมาได้เรียนรู้

อนุศาสนาจารย์....ทำหน้าที่เป็นเหมือนครูหรือผู้อบรมศีลธรรม/จริยธรรม และทำหน้าที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในโอกาสต่าง

โดยอนุศาสนาจารย์นั้นจะมีประจำอยู่แค่ 2 หน่วยงานเท่านั้น คือ เรือนจำ และกองทัพ(ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ)

หากใครได้เป็นอนุศาสนาจารย์ของกองทัพก็โชคดีหน่อย เพราะนอกจากจะทำงานง่ายแล้ว ก็ยังมียศชั้นต่างๆ ให้ด้วย

แต่ถ้าหากเป็นอนุศาสนาจารย์ในเรือนจำก็ลำบากหน่อย ต้องทำใจและอดทนสูง เพราะต้องทำหน้าที่อบรมนักโทษทุกวัน ซึ่งแต่ละคนก็เขี้ยวลากดินทั้งนั้นเลย 555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท