แล้วก็มาถึงวันนัดพบแพทย์ครั้งแรก หลายๆคนบอกผมว่าให้ไปแต่เช้าตีสี่ตีห้าได้ยิ่งดี เพราะรพ.ดังๆของรัฐมักจะมีคนเยอะมากๆ ผมจึงต้องออกบ้านแต่เช้าแล้วนั่งรถเมล์สายธรรมดาด้วยคิดว่าน่าจะถึงรพ.ก่อนเจ็ดโมงทันตามใบนัดที่ระบุ เจ็ดโมงครึ่ง
ถึงรพ.หกโมงครึ่งผมเห็นคนเต็มชั้นล่างไปหมด ต้องค่อยๆดินเบียดเข้าไปถามคนที่ต่อแถวกันอยู่ เขาบอกเข้าแถวเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร ถามประชาสัมพันธ์อาสาว่าต้องทำยังไงบ้าง เธอแนะนำว่าให้ไปถ่ายสำเนาใบนัดแล้วไปเอาบัตรคิวเพื่อรอเรียกยื่นใบส่งตัว ไม่ต้องรอตรวจเอกสาร
ผมได้คิวที่๓๖๓ ขณะเวลายังไม่ถึงเจ็ดโมงเลยแสดงว่าคนที่ได้คิวแรกต้องมาแต่เช้ามืดขนาดไหนหรือว่ามีใครคอยหยิบให้ ผมนึกสงสัย ระหว่างเดินหาที่ยืนเหมาะสักที่ก็ต้องขอโทษขอโพยกับผู้คนมากมายที่แม้เพียงขยับตัวโดยที่ไม่ระวังก็จะโดนชนจะโดนเบียดกันได้ง่ายๆ
ผมได้ที่ยืนหน้าเคาน์เตอร์ยื่นใบส่งตัว แต่เมื่อนึกถึงเลขที่ใบคิวแล้วก็ไม่รู้ว่าอีกนานสักเท่าไหร่จะโดนเรียกและจะต้องยืนอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหน
เวลาเจ็ดโมงเช้ามีเสียงประกาศจากโต๊ะพยาบาลประชาสัมพันธ์ ผ่านลำโพงเล็กๆทำให้หลายๆคนเดินเบียดกันไปฟังใกล้ๆเพื่อให้ได้ยินถนัด ที่จริงเสียงลำโพงก็น่าจะดังอยู่หรอก แต่เพราะจำนวนคนที่น่าจะหลายร้อยคน ต่างพูดต่างถามไถ่ว่าจะยื่นเอกสารตรงไหน ต้องทำอะไรก่อน จึงทำให้ได้ยินไม่ถนัดนัก
ผมจับใจความได้ว่าคนที่มีใบนัดแล้วให้ยื่นใบนัดได้เลยที่ชั้น๑ ผมหยิบใบนัดออกมาดูรายละเอียดบอกให้ยื่นเวลา๗.๒๐น. ผมจึงเดินขึ้นบันไดขึ้นไปชั้น๑ ซึ่งมีคนนั่งรอยืนรออยู่เป็นจำนวนมากจนล้นออกมาด้านหน้าลิฟท์
ตรงโต๊ะยื่นใบนัดมีตระกร้าเล็กๆ๒ใบติดป้ายบอกเวลาตามที่ระบุในใบนัด ผมวางตะกร้าแรก แล้วเดินออกมายืนอ่านป้ายต่างๆที่แขวนอยู่เหนือโต๊ะ มีป้ายแจ้งบอกใบนัด ๗.๓๐น.จะได้พบแพทย์ประมาณ๑๐โมงเช้า ผมจึงเดินลงชั้นล่างเพื่อไปดูว่าคิวยื่นใบส่งตัวถึงเบอร์อะไรแล้ว
ชั้นล่างยิ่งสายเหมือนคนยิ่งแน่นขึ้น การสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ที่มาติดต่อเริ่มไม่ชัดเจนเพราะเสียงคนดังเซ่งแซ่กันไปหมด ระหว่างที่สอบถามพูดคุยกันก็มีพยาบาลสองสามคนเดินถือโทรโข่งประกาศเชิญชวนให้ร่วมทำบุญการกุศลกับทางโรงพยาบาลก็ยิ่งเพิ่มความโกลาหลวุ่นวายเข้าไปอีก
เวลาผ่านไปเกือบแปดโมงเช้า การยื่นบัตรคิวเพิ่งจะถึงหมายเลขสองร้อยกว่า เก้าอี้ชั้นล่างตอนนี้เริ่มว่างแล้ว แต่ก่อนจะนั่งผมสังเกตุเห็นคนเข้าแถวอยู่ด้านหลังโต๊ะพยาบาลประชาสัมพันธ์ ด้วยความอยากรู้ผมเดินไปถามคนที่เข้าแถวว่าทำอะไรกัน มีคนหนึ่งเป็นประชาสัมพันธ์อาสาบอกให้ผมวางเอกสารเลยไม่ต้องรอคิวแล้ว
ขณะรอการตรวจเอกสารอยู่นั้นต่างคนก็ต่างเงี่ยหูฟังว่าจะโดนเรียกชื่อเมื่อไหร่ เพราะไม่ค่อยได้ยิน และทุกคนต้องตั้งใจฟังคำอธิบายของพยาบาลให้เข้าใจเพื่อจะได้ไม่เสียเวลามากไปกว่านี้ และระหว่างกำลังฟังคำอธิบายอยู่นั้นทางรพ.ก็เปิดเสียงตามสายขึ้นมาอีก ก็ยิ่งฟังไม่รู้เรื่องกันไปใหญ่ แต่จะทำยังไงได้เพราะถึงเวลาเคารพธงชาติแล้ว
จากการยืนรอเรียกชื่ออยู่นั้น ก็พอจะรับทราบว่าคนไข้หลายๆคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดและยังไม่รู้ว่าจะต้องยื่นเอกสารกันยังไง บางคนยังไม่ทำบัตรคนไข้ บางคนทำบัตรคิวหาย บางคนยื่นผิดที่ รวมทั้งผมแม้จะมาเป็นครั้งที่๒ พยาบาลบอกว่าไม่ต้องตรวจเอกสารแล้ว รอพบแพทย์ได้เลยส่วนบัตรคิวใบส่งตัวให้ญาติรอยื่นให้ก็ได้ ทำให้ผมนึกถึงลูกสาวไม่ได้มาด้วย
การเรียกบัตรคิวถึงหมายเลขสองร้อยกว่า ซึ่งกว่าจะถึงเลขที่ของผมคงจะประมาณเกือบชั่งโมงได้ ผมจึงตัดสินใจเดินขึ้นชั้น๑อีกครั้งเพื่อดูว่าเขาเรียกใบนัดพบแพทย์ถึงไหนแล้ว แต่เนื่องจากการเรียกจะเรียกตามลำดับการยื่นใบนัดในตะกร้านั้นจึงไม่รู้ลำดับว่าใครอยู่ตรงไหน ผมจึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่ึ่ึ่ซึ่งเขาก็บอกว่าให้ทำเอกสารการส่งตัวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ผมจึงเดินลงมาชั้นล่างอีกครั้ง
ผมมานั้งหน้าเคาน์เตอร์ยื่นใบส่งตัวด้วยความเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ ตั้งใจว่าจะไม่เดินไปไหนอีกแล้วจนกว่าจะยื่นใบส่งตัวให้เสร็จ หากไม่ได้เข้าพบแพทย์ในวันนี้ก็อาจจะไม่รักษาเลย มองดูคนอื่นๆที่นั่งอยู่ด้วยอารมณ์ที่ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก
ผมได้ยื่นใบส่งตัวและได้คูปองสำหรับแทนการจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยในเวลาประมาณเก้าโมงครึ่ง
ผมเดินขึ้นชั้น๑อีกครั้ง เดินไปสอบถามการเรียกเข้าพบแพทย์ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าหาประวัติไม่เจอตั้งแต่เช้าแล้วกำลังหาอยู่ให้รอก่อน ผมจึงเดินมานั่งรอที่เก้าอี้ด้านหน้าใกล้ๆโต๊ะนั้น
ในระหว่างที่รออยู่นั้นพยาบาลตรงโต๊ะเบอร์๒ก็ประกาศเรียกชื่อใบนัดรอบ๙.๓๐น. ซึ่งทำให้ผมคิดว่าที่จริงถ้าประวัติผมหาเจอคงโดนเรียกตั้งนานแล้ว เวลาผ่านไปถึงสิบโมงเช้าแล้วผมยังไม่โดนเรียกจึงเดินไปถามเจ้าหน้าที่คนเดิมนั้นอีก เธอบอกแจ้งพยาบาลเรื่องหาประวติไม่เจอแล้วให้รอสักครู่
ผมเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างบันได ซึ่งตรงนั้นมีร้านขายของเล็กๆอยุู่ด้วย ผมซื้อขนมปังใส้เผือกกล่องหนึ่ง น้ำขวดหนึ่งแล้วเดินมานั่ง กำลังจะแกะถุงก็มีเสียงเรียกชื่อที่โต๊ะเบอร์๒
ผมได้เข้าพบแพทย์ในเวลาเกือบเที่ยง ซึ่งแพทย์ได้สอบถามประวัติเคยรักษาที่ไหนมาก่อนบ้างและรักษายังไงบ้าง แพทย์ซึ่งดูแล้วน่าจะอายุยังน้อยบอกให้นั่งรออยู่พักใหญ่ เธอไปถามอาจารย์หมอให้อีกทีซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทาง
หมอกลับมาก็แจ้งว่าจะให้ทำการเจาะเลือดและทำนัดอัลต้าซาวด์เพื่อดูผลในครั้งหน้าโดยหมอเน้นให้นัดเร็ว ผมนำแฟ้มมายื่นที่โต๊ะพยาบาล เมื่อพยาบาลตรวจแฟ้มเสร็จก็บอกให้ผมนำเอกสารสองแผ่นไปทำการเจาะเลือดและอัลต้าซาวด์ที่ชั้น๔
ผมได้คิวเจาะเลือดคิวที่๕๐๙ วึ่งยังเหลืออยู่อีกหกสิบกว่าจะถึงคิวผม ในระ หว่างนั้นผมก็ไปทำนัดอัลต้าซาวด์หากถ้าใช้คิวตามประกันสังคมจะได้วันที่๔ต.ค.๕๕ ซึ่งนานเกินไป ผมจึงขอนัดในเวลานอกราชการซึ่งต้องใช้เงินสดจ่ายก่อนในราคาที่แพงกว่า
หลังเจาะเลือดเสร็จผมเดินลงมายื่นเอกสารให้โต๊ะพยาบาลอีกครั้งหนึ่งเธอตรวจเอกสารเสร็จก็ให้ไปทำใบนัดที่โต๊ะเบอร์๖ หน้าแฟ้มเขียนว่าหมอนัด๓๑พ.ค.๕๕ หลังยื่นเสร็จสักพักหนึ่งเจ้าหน้าที่ก็เรียกให้ไปรับแฟ้มพร้อมแจ้งว่านำไปให้หมอนัดใหม่เป็น28มิ.ย.๕๕ได้หรือไม่
เจ้าหน้าที่ในห้องหมอถามหมอว่าบอกเคสนี้จำเป็นหรือไม่ผมไม่ได้ยินว่าหมอบอกว่ายังไงแต่เห็นพยาบาลเขียนในแฟ้มว่าจำเป็นพร้อมเซ็นต์ชื่อ ผมถือแฟ้มกลับมาทำใบนัดใหม่
ผมออกจากรพ.ในเวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ พร้อมใบนัดครั้งที่๒
...วันที่๓๑ พ.ค.๕๕...
...วันที่๓๑มี.ค.๕๕...?
ตอนพาคุณยายไปตรวจที่โรงพยาบาลก็ทำนองนี้ค่ะ คนเยอะ รอนานมาก
มันอาจเป็นปกติของที่โรงพยาบาลใหญ่นะคะ แต่เรายังไม่ชินกับมัน
ในระหว่างรอตรวจครั้งต่อไป รักษาสุขภาพค่ะ....
ผมมานั้งหน้าเคาน์เตอร์ยื่นใบส่งตัวด้วยความเหน็ดเหนื่อยและท้อแท้ ตั้งใจว่าจะไม่เดินไปไหนอีกแล้วจนกว่าจะยื่นใบส่งตัวให้เสร็จ หากไม่ได้เข้าพบแพทย์ในวันนี้ก็อาจจะไม่รักษาเลย มองดูคนอื่นๆที่นั่งอยู่ด้วยอารมณ์ที่ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก ... ถ้อยคำเหล่านี้สะท้อนความรู้สึกของผู้ป่วยหลายๆ คนที่มารอพบแพทย์ค่ะ นี่เองที่มาของคำว่า Patient = ผู้อดทน เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ป.(
ขอบคุณครับอ.หมอ ป.
ไม่ใช่แค่คนไข้เท่านั้นครับที่ต้องใช้ความอดทน เจ้าหน้าที่
พยาบาลและคุณหมอทุกท่านก็ใช้ความอดทน ใช้ความรู้ในการรักษาคนไข้
และอาจจะใช้ความอดทนมากกว่าคนไข้เสียอีก
เป็นกำลังใจและขอบคุณทกๆท่านครับ
|
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หากรอ...แล้วมีความหวัง นานหน่อยก็คงไม่เป็นไรนะครับ
สุภัทรา
เจติโคตร
ขอบคุณครับ สำหรับกำลังใจ
|
เป็นกำลังใจให้นะคะ;)
ครูอ้อยเป็นกำลังใจให้นะคะ ครูอ้อยก็มีความรู้สึกในเรื่องการไปหาหมอเหมือนคุณเลย เลยพยายามหาทางหลีกเลี่ยงความรู้สึกแบบนั้น โดยยอมเสียเงินค่าหมอ สัก 300-500 บาทในแต่ละครั้งกับโรงพยาบาลใกล้ที่ทำงานสะดวกดี นอกเวลาทำงานตอนหัวค่ำก่อนกลับบ้านค่ะ
เร็วสะดวกมีที่จอดรถแต่เสียเงิน
เป็นกำลังใจให้นะคะ
สวัสดีค่ะคุณพ.
คุณยายมาส่งกำลังใจค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุขทุกวันด้วยค่ะ
ชลัญ ช่วยได้มั๊ยค่ะ ไม่ทราบ รพงอะไร เผื่อชลัญมีคนรู้จักจะได้อำนวยความสะดวกให้ เช่น จุฬา ลูกศิษย์ชลัญอยูที่นั่นเยอะ
ท่าน พ.แจ่มจำรัส จริงๆอย่าถือเป็นการแทรงคิวใครเลย
เพราะเป็นการอยากที่จะแทรง
เพียงเราจะได้มีคนที่จะแนะนำสถานที่มากกว่าว่าติดต่ออะไรตรงไหน
พอดีเด็กมาฝึกงานหลายรุ่น รักใคร่กันดีเด็ก บอกมีอะไรให้ช่วยก็บอก
พอดีเราเป็นอาจารย์พี่เลี้ยงอยู่
ได้ใจกันตั้งแต่พี่เลี้ยงหยุดยาพาร์กินสันเพื่อให้น้องตรวจร่างกายนี่แหล่ะก็เลยรักใคร่กันน่าดู
ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็เชิญนะค่ะ หรือท่านจะลองระบบonline
ของจุฬาดูก็ได้ใช้ได้ทีเดียวที่นี่เขาพํฒนามาก ลองเข้าไปดูใน web ของ
รพ.นั่นแหล่ค่ะเขามีรายละเอียดเบอร์ติดต่อสอบถามทั้งหมด ค่ะ
ถ้าหากท่าน ไม่อยากรับความช่วยเหลืออยากติดต่อด้วยตัวเอง
แต่ชลัญให้เบิร์โทร ชลัญไว้ก็แล้วกัน ทาง mail gtk
ถ้าต้องการความช่วยเหลือก็โทรมาแล้วกันค่ะ
ชื่นชมในจิตกุศลที่คุณพ.แจ่มจำรัสปาวารณาตัวไว้ว่า ถ้ามีโอกาสช่วยคนอื่นก็จะช่วยมากๆเลยค่ะ เห็นด้วยว่าครั้งแรกอาจจะขลุกขลักหน่อยเพราะเรายังไม่รู้ขั้นตอน ควรลองไปตามระบบอีกสักครั้งหากว่ายังสับสนอยู่อีก ก็น่าจะขอคำแนะนำจากน้องที่คุณชลัญธรรู้จักนะคะ เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่เองจะช่วยให้เราตามระบบได้คล่องตัวขึ้น ไม่ใช่การลัดคิวหรือเอาเปรียบคนอื่น แต่บางครั้งระบบมันซับซ้อนจนอธิบายให้ทุกคนเข้าใจมันยากน่ะค่ะ
ดีใจด้วยที่นัดไม่ถูกยืดไปถึงปลายมิถุนา เพราะโรคของคุณ พ.แจ่มจำรัส ควรได้รับการติดตามและรักษาดูแลโดยเร็ว แต่ขอบอกไว้ให้ดีใจ (คนเขียนเองอ่านพบก็ดีใจค่ะ) ว่าวิทยาการใหม่ๆทำให้เรามียาในการต่อกรกับโรคนี้ได้ดีขึ้นเยอะ โอกาสหายขาดก็มีมากขึ้นค่ะ งานวิจัยใหม่ๆเกี่ยวกับยารักษาโรคนี้มีไม่ขาดสายเลยค่ะ คุณหมอที่เชี่ยวชาญทางนี้ท่านก็คงอยากให้คนไข้มีทางเลือกที่ดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอนค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยอีกคนนะคะ
แวะมาทักทายหลังจากห่างหายไปนานมาก
ยังคงส่งกำลังใจให้เสมอนะคะ....
สะท้อนใจจริงๆค่ะ..
ครั้งแรกอาจยุ่งยาก..
หวังว่าครั้งต่อๆไปจะสะดวกขึ้นนะคะ
(ถ้าเป็นตาสี-ตาสา มิแย่หรือ?)