เสียงอธรรมยามเช้า..พระใหม่ออกบิณฑ์๓ (กลับตาลปัตร ๑๐)


วิญญูชนมิพึงยัดเยียดสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นความฉลาดหรือความศิวิไลซ์ให้แก่บุคคลอื่นโดยที่เขามิได้ออกปากขอ

วันแรกๆที่ออกบิณฑบาตรนั้นมันทรมานมากอยู่ข้อหนึ่ง ตรงที่เจ็บเท้าเหลือเกินเพราะบ่อยครั้งต้องเดินไปบนถนนที่เป็นดินปนหินลูกรัง ก็เท้าเรามันผู้ดีตีนแดงมาตลอด หนังเท้าบาง จนต้องตะแคงตีนเดิน สมดังคำพังเพยโบราณจริงๆ เพราะหินมันกัดฝ่าเท้าเสียจนเดินไม่ไหว

 

ที่กลัวไปกว่านั้นก็คือ กลัวมือทั้งสองจะทำบาตรคว่ำ เพราะข้าวมันหนัก บาตรจะทรงตัวอยู่ยากสำหรับมือใหม่ แถมข้าวก็ร้อนมาก บางครั้งต้องเอาผ้าจีวรมาม้วนเข้าไปรองมือไว้ พลิกมือไปมาบาตรก็จะคว่ำเสียอีก

 

เท่าที่ประสบพบมาในหลายๆวัด ทั้งวัดที่บวช วัดที่จำพรรษา และวัดที่ไปพักเป็นครั้งคราวขณะเดินธุดงค์ อาหารที่ได้จากบิณฑบาตรนั้นมักจะได้มากเกินจำเป็นไปสักประมาณ ห้าถึงสิบเท่า นี่ย่อมเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าศรัทธาในศาสนาของชาวบ้าน(นอก)นั้นต้องนับว่ายังใช้การได้ (ส่วนปัญญาในศาสนานั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะได้กล่าวถึงในภายหลัง)

 

แต่อนิจจา..ในเขตเมืองนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะเป็นด้วยว่าศรัทธาอ่อนหรือว่านอนตื่นสายก็ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ คนบ้านนอกมักจะตื่นเช้าเพราะว่าต้องออกไปทำไร่ไถนา ในปัจจุบันนี้แม้ต้องการจะตื่นสายก็คงไม่ไหวต้องตื่นเช้าอยู่ดีโดยปริยาย...

 

...ก็ใครจะทนนอนหลับตาได้ทั้งที่ลำโพงแถลงข่าวจากสิ่งที่เรียกกันว่า”ศูนย์กระจายข่าวประจำหมู่บ้าน”ดังกรอกหูอยู่จนแก้วหูจะแตก คนเมืองส่วนใหญ่คงไม่ตระหนักในเรื่องนี้ ผู้เขียนเองก็เพิ่งจะได้รู้เมื่อมาบวชอยู่ตามวัดบ้านนอกนี่แหละว่าอย่างงี้ก็มีด้วย คือประมาณตีห้า หรือตีห้าครึ่งแล้วแต่พื้นที่ ศูนย์กระจายข่าวประจำหมู่บ้าน (ก็บ้านผู้ใหญ่บ้านน่ะแหละ) จะส่งกระจายเสียงทางเสาลำโพงสูงรอบทิศโดยทำการถ่ายทอดเสียงจากวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยบ้างหรือบางครั้งก็เปิดเทปเพลงที่ลูกชายผู้ใหญ่ชอบบ้าง ไม่มีระบบอะไรแน่นอน ดูเหมือนว่าจะเป็นการจงใจเปิดเสียงให้ดังที่สุดเท่าที่จะดังได้ เพื่อให้ได้ยินกันให้ไกลที่สุด

 

พระเจ้าทำวัตรเช้าเข้าสมาธิวิปัสสนาอยู่ก็ต้องพลอยถูกยัดเยียดการฟังไปด้วยโดยไม่สามารถจะโต้แย้งอะไรได้ สอบถามดูได้ความว่าหมู่บ้านทุกหมู่บ้านจะเป็นเช่นนี้เหมือนๆกัน เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการ(ยัดเยียด)ให้ประชาชนได้รับรู้ข่าวสารบ้านเมืองโดยเท่าเทียมกัน

 

เฮ้อ...หลวงท่านมักชอบคิดกันว่าชาวบ้านโง่เง่าจำเป็นต้องบังคับให้เป็นคนฉลาด โดยไม่เคยสำเหนียกกันบ้างเลยว่าศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ที่จะมีสิทธิในการเป็นคนโง่โดยอิสระเสรีนั้นควรจะได้รับการเคารพกันบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้แม้แต่คนที่จนที่สุดก็น่าจะมีวิทยุส่วนตัวฟังกันหมดแล้ว 

 

วิญญูชนมิพึงยัดเยียดสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นความฉลาดหรือความศิวิไลซ์ให้แก่บุคคลอื่นโดยที่เขามิได้ออกปากขอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ผู้ให้เองก็ไม่แน่ว่าจะฉลาดจริงอย่างที่ตนเองคิดทึกทักเอาหรือเปล่า  อีกทั้งโครงการติดตั้งศูนย์กระจ่ายข่าวประจำหมู่บ้านทั่วประเทศน่าจะเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณมากพอดู เพราะประเทศไทยมีหมู่บ้านกว่าเจ็ดหมื่นหมู่บ้าน และก็เป็นที่นิยมกันในหมู่นักการเมืองที่จะเสนอโครงการใหญ่อย่างนี้เพราะการซื้อลำโพงเครื่องขยายเสียงทั่วประเทศอย่างนี้ได้ค่าคอมมิชชั่นสูงดีนักแล 

 

แต่แล้วก็น่าคิดว่าไม่มีใครสักคนที่จะคิดถึงการเคารพสิทธิของประชาชนในการนอนบิดขี้เกียจในเคหะสถานโดยไม่ต้องถูกรบกวน ถ้าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในอารยประเทศอย่างยุโรป อเมริการับรองว่าเป็นเรื่องราวฟ้องร้องกันใหญ่โตแน่ๆ

 

หลวงพ่อท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ในหมู่บ้านของท่านเคยมีคนชราที่ป่วยหนักคนหนึ่งร้องเรียนว่าเสียงกระจายเสียงตอนเช้ามืดรบกวนมากทำให้ไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ  แต่แน่นอนว่าผู้ใหญ่บ้านย่อมเกรงกลัวโทษว่าไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลมากกว่าคำครหาของคนแก่ๆโง่ๆ ...ในที่สุดคนแก่นั้นก็ตายลงอย่างรวดเร็ว นัยว่าเสียงรบกวนจากการกระจายเสียงเป็นสาเหตุใหญ่ของการตาย เพราะมันรบกวนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตของท่าน

 

สาธุ หากผีมีจริงขอให้วิญญาณของท่านพ่อใหญ่ผู้นั้นจงไปตามหลอกหลอนสาปแช่งพวกนักการเมืองที่เป็นต้นคิดโครงการนี้ด้วยเถิด

 

***********************************************

เฮ้อ,,,ว่าจะพูดเรื่องธรรมะ ไฉนมันจึงวกเข้ามาเรื่องการเมืองได้หนอ ท่านผู้อ่านก็ควรจะปลงและคิดเสียว่า แท้จริงแล้วธรรมะกับการเมืองมันแยกกันไม่ค่อยออกหรอก ก็ที่การเมืองมันเป็นกันดังที่เป็นกันอยู่อย่างทุกวันนี้ ถ้าจะว่ากันให้ลึกๆแล้วก็เพราะนักการเมืองและสังคมโดยรวมยังไม่เข้าถึงธรรมะนั่นเอง

หมายเลขบันทึก: 485476เขียนเมื่อ 18 เมษายน 2012 18:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 07:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ÄÄÄ...เป็นไปได้ไหมที่เราจะเรียก..โครงการ.."ไม่เคารพ..สิทธิ..มนุษยชน"..ฮ่า..(เป็นเรื่ิองที่บางครั้งเหลือทนจริงๆ..เจ้าประคุณ..แถมที่เคยประสพกับตัวเอง..ลูกเด็กเล็กแดงในบ้านท่าน..เล่นร้องเพลง..คาราโอเถอะ..ดังก้องลั่นทุ่ง..หมู่บ้าน..๕๕๕..อย่างไม่ต้องเกรงใจใคร..เพราะ..พ่อเป็นสารวัตรกำนัน..๕๕๕..ชาวบ้านหายเดือดร้อน..เพราะ..สารวัตรกำนัน..คนนี้..ตายลง..หมด..ทุกข์กันไป..อิอิ..)..ยายธี

ย่อหน้าแรกทำให้ผมหัวเราะเพราะเป็นเรื่องจริงที่ผมก็เจอมาเอง ทุกขเวทนาแปลว่าอะไร รู้ชัดเลยครับ ส่วนเรื่องเสียงตามสายนั้น ตอนนี้ผมโชคดีเพราะเสาที่อยู่ใกล้บ้านผม(ไม่ถึง๖๐ เมตร) เงียบเสียงมาหลายเดือนแล้ว (ไม่ทราบว่าเขาย้ายลำโพงไปไว้ที่อื่นหรือมันชำรุด..เถอะจะอย่างไรก็ช่าง อย่ากลับมาอีกก็แล้วกัน)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท