หน้าแรก
สมาชิก
บุญนิธิจันทร์ตองไ...
สมุด
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเม...
๓๑๐.สืบชาตาให้ตน ...
บุญนิธิจันทร์ตองไชยะวุฑฒิกุล
พระครูโสภณปริยัติสุธี, รศ.ดร. ถิรธมฺโม
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
๓๑๐.สืบชาตาให้ตน แต่กลับปล้นชาตาชาติ
ผู้เขียนสังเกตเห็นในหลาย ๆ พื้นที่ ซึ่งมองแล้วอาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ทว่าถ้าไม่เข้าใจในประเด็นและฝึกสอนกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เกรงว่าวัฒนธรรมนี้จะฝังลึก จนยากจะปรับแก้ ดังที่เราเห็นกัน เช่น การยื้อแย่งของแจกตอนน้ำท่วมของเด็ก ๆ การยื้อแย่งมงกุฏของนางงาม และการยื้อแย่งบางอย่างในสภาฯ
วานนี้ ๑๓ เมษายน ๕๕ ทางวัดได้จัดพิธีสืบชาตาประจำปีขึ้น ให้กับชุมชนและคนทั่วไป ที่เดินทางมาท่องเที่ยวทั้งใกล้และไกล เนื่องในวโรกาสแห่งเทศกาลวันปีใหม่ไทย (สงกรานต์)
หมายความว่า ทุกคนมีอายุเพิ่มขึ้นอีก ๑ ปี + การก้าวย่างอีก ๑ ปี รวมคร่าว ๆ ๒ ปี เช่น คนอายุ ๒๐ เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ หรือ พ.ศ.ใหม่ ก็เท่ากับอายุครบ ๒๑ ปีตาม พ.ศ. และเป็นการย่างก้าวไปสู่อายุที่ ๒๒ ปี แห่งชีวิต
การสืบชาตาให้กับตนเอง ก็แสดงถึงว่ามนุษย์มีความกลัวตายอยู่ในจิตใจลึก ๆ ทุกคน นอกจากนี้แล้วยังได้มีความปรารถนาเพื่อให้มีสุขภาพกายใจอยู่ในสุขภาวะที่ดีงาม ดังนั้น การสืบชาตา จึงเป็นพิธีกรรมที่สื่อให้เห็นถึงนิมิตแห่งคุณงามความดีทั้งระบบ หรือเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพื่อก้าวย่างต่อไปในอนาคตที่ยั่งยืน
แต่สิ่งที่ผู้เขียนสังเกตมานาน ครั้นไม่พูดก็จะหาว่าละเลย ครั้นพูดออกไปก็จะเป็นการกระทบกระเทือนต่อสังคม แต่มองอีกครั้งถ้าพระไม่ชี้นำ แล้วใครจะก้าวตามได้?
มีประเด็นอยู่ว่า ในพิธีกรรมการสืบชาตานั้น ทางวัดได้เตรียมการโดยการโยงด้ายไปทั่วบริเวณพระวิหาร นอกจากนี้แล้ว ยังได้ทำด้ายเผื่อเอาไว้ขนาดยาว ๑ วา ม้วนไว้ เพื่อประชาชนคนทั่วไป เมื่อมาจับจองที่นั่งนั้น ๆ แล้ว จะได้คลี่ด้ายออกมาพนมมือ-ถือไว้ก็ได้ หรือพันไว้รอบศรีษะก็ดี หรือพันไว้กับหอเสื้อผ้าของบุคคลในครอบครัวก็ไม่มีปัญหา ซึ่งแสดงถึงว่านั้นเป็นสิทธิ์ของญาติโยมเองที่จะถือเอาด้ายนั้นไปภายหลังเมื่อเสริจพิธี
ประเด็นอยู่ตรงที่ว่า เมื่องานเลิกแล้ว หรือพิธีกรรมยังไม่ทันสิ้นสุด แต่คนโดยมากมักช่วยกันดึงและดัน ในลักษณะเหมือนกับแย่งกันเก็บด้ายในส่วนของตน ๆ
ผู้เขียนมองว่า วัฒนธรรมการยื้อ-เพื่อแย่งมาจากอะไรหนอ? ทั้ง ๆ ที่ทุกคนมีด้ายประจำของตน ๆ อยู่แล้ว ใคร ๆ ก็ไม่สามารถแย่งกรรมสิทธิ์ของตนไป แต่ในกรณีดังกล่าวกลับกลายเป็นว่า "
แย่งกันเก็บของใครของมัน" นั่นก็หมายความว่า แม้จะเป็นสิทธิการถือเอาของส่วนบุคคล แต่ทำไมต้องแย่งเอา?
๑.กลัวจะช้ากว่าคนอื่น หรือไม่?
๒.ต้องการแย่งเพื่อความเป็นที่หนึ่งหรืออย่างไร?
มันสะท้อนถึงวัฒนธรรมอะไรบางอย่างหรือไม่? ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวเป็นเหมือน "
การสืบชาตาให้กับตน แต่เป็นการปล้นชาตาของชาติ
"
ผู้เขียนสังเกตเห็นในหลาย ๆ พื้นที่ ซึ่งมองแล้วอาจจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ทว่าถ้าไม่เข้าใจในประเด็นและฝึกสอนกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เกรงว่าวัฒนธรรมนี้จะฝังลึก จนยากจะปรับแก้ ดังที่เราเห็นกัน เช่น การยื้อแย่งของแจกตอนน้ำท่วมของเด็ก ๆ การยื้อแย่งมงกุฏของนางงาม และการยื้อแย่งบางอย่างในสภาฯ
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะร่วมกันสร้างวัฒนธรรมใหม่ ๆ โดยการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องเล็ก ๆ จากวัฒนธรรมเดิม ๆ เพื่อลูกหลานไทยในอนาคต?
เขียนใน
GotoKnow
โดย
บุญนิธิจันทร์ตองไชยะวุฑฒิกุล
ใน
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเมืองพะเยา : พุทธศาสนาเชิงรุก
คำสำคัญ (Tags):
#ปัญญาเพื่อสังคม
#พระพุทธศาสนาในประเทศอาเซียน
#พะเยา
#พุทธศาสนาเชิงรุก
#พุทธศาสนาในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
#มหาจุฬา
#มหาศรีบรรดร
#วัฒนธรรมถิ่น
#วัฒนธรรมไทย
หมายเลขบันทึก: 485128
เขียนเมื่อ 14 เมษายน 2012 16:24 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 14 เมษายน 2012 16:24 น. (
)
สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
บุญนิธิจันทร์ตองไ...
สมุด
ผญา(ผะหญ๋า)แห่งเม...
๓๑๐.สืบชาตาให้ตน ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท