ความทรงจำจากทริป Lausanne-Geneva-Montreux-Zermatt-Interlaken-Jungfraujoch-Grindelwald-Lucerne-Titlis


ประสบการณ์ขำๆ ฮาๆ ที่คงหาไม่ได้อีกแล้ว จากการเดินทางตะลุยสวิสกับเพื่อนๆค่ะ

 (ตอนที่ ๒)  แนะนำให้อ่านตอนแรกก่อนค่ะ   (เป็นการเดินทางเมื่อนานมากๆๆแล้ว หลายสิ่งอาจเปลี่ยนไปค่ะ)

 

          ต่อจากครั้งที่แล้วเล่าว่าไปพัก Youth Hostel ที่โลซาน ถือว่าคนดูแลใจดีมากๆที่ให้เราสามชีวิตพักห้องเดียวกันได้ ไม่ต้องแยกหญิงชายให้วุ่นวาย  ปัญหาที่เรากลัวคือ หากแยกกันแล้วมีคนใดคนหนึ่งตื่นไม่ทัน ตายๆๆๆๆ ตกรถไฟเป็นแน่แท้....

                สำหรับการเดินทางของพวกเรานั้น เราซื้อ Swiss Pass เพราะคุ้มกว่า เนื่องจากเราเดินทางด้วยรถไฟเยอะมากๆค่ะ หลังจากเตร็ดเตร่ในโลซานวันต่อมาเราก็นั่งรถไฟระหว่างเมืองไปเจนีวา เพราะจากโลซานไปเจนีวานั้นใกล้มาก คนละฟากฝั่งทะเลสาบก็ถึงแล้ว โชคร้ายที่ฝนตกที่เจนีวา...ท้องฟ้าเป็นสีเทา ถ่ายภาพได้ยากมากๆ เพราะมองไปทางไหนก็สีเทา สีขาว ไม่น่าเลย...

        จะขอเล่าข้ามไปว่าหลังจากไปพิชิตบรรดายอดเขาต่างๆตั้งแต่ Montreux Zermatt แล้ว จุดมุ่งหมายต่อไปของเราตามแผนที่ก็คือ Jungfraujoch ซึ่งจะไปถึงยอดเขาที่สูงสุดในยุโรปได้นั้นก็ต้องไปเริ่มจากเมือง Interlaken เสียก่อนค่ะ  นั่งรถไฟจาก Montreux ไปที่นี่ใช้เวลาพอสมควร แต่ยืนยันว่าด้วยทัศนียภาพอันงดงามทำให้เราเพลิดเพลินไปตลอดทางค่ะ

 

             จำได้ว่าครั้งที่แล้วเคยบอกว่าทริปนี้เป็นทริปใหญ่ จึงต้องประหยัดมากๆๆทั้งที่พักและอาหาร ที่พักก็ใช้บรรดา Youth Hostel/Backpackers Hotel ตลอดการเดินทางสุดหรูของพวกเรา ส่วนอาหาร

              ถึงเราจะไม่ได้แบกหม้อหุงข้าวไป แต่ใช้วิธีซื้อหาขนมปังติดตัวไปค่ะ บางครั้งซื้อไข่มาต้มที่ Hostel แล้วเก็บใส่กระเป๋าไปด้วย  การเดินทางแบบนี้จึงต้องเอาช้อนเล็กๆ มีด ไฟฉายและอุปกรณ์ต่างๆติดตัวไปด้วย (ยืนยันว่าอยู่ในสวิสค่ะ ไม่ได้ตามหาเพชรพระอุมา ^^)

 

       ที่ Interlaken นี่ก็เช่นกัน ไปพักที่ Backpackers Hotel บริการดี ใจดีพอสมควร แต่ถ้าจำไม่ผิดเราต้องแยกกันพัก เพราะเค้าแยกชายหญิงค่ะ จนตอนนี้ยังจำได้ว่าไปสอบถามรายละเอียดจากคนดูแล ซึ่งเค้าก็แนะนำเราด้วยดี รวมทั้งสอนให้ออกเสียงคำว่า Jungfraujoch ชนิดคำต่อคำ จนสำเร็จ... เรียกว่าอ่านได้ไม่อายใครพร้อม accent สุดเริ่ด ฮ่าๆๆๆ (เฉพาะคำนี้นะ)  จำได้อีกว่าเพื่อนคนนึงที่ชอบจำอะไรแบบแปลกๆไม่เหมือนใคร ก็ได้จัดการแปลงชื่อเขาเสียใหม่เป็น หยงฟราวหยก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ฮามาก ตกลงชั้นอยู่เมืองจีนหรือสวิสเนี่ย ^^"

 

         เหตุการณ์น่าอับอายมากๆๆๆๆๆที่ "จรดลึกในความทรงจำ" ก็เกิดขึ้นที่เมืองนี้นี่เองค่ะ จำได้จนทุกวันนี้  

.......ตามปกติแล้วเราจะมีอาหารแห้งติดตัวกันอยู่เสมอ.... เมื่อบ่ายๆหรือบ่ายแก่ๆเราออกมาเดินเล่นกัน Interlaken เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบสองแห่งจึงได้ชื่อนี้  จัดว่าเป็นเมืองสงบแต่ก็มีร้านค้า โรงแรม ร้านอาหารพอควร เพราะบรรดานักท่องเที่ยวจะต้องไปพักก่อนจะขึ้น Jungfraujoch ในวันรุ่งขึ้น

.......พวกเราเดินเล่นจนเหนื่อย  เหนื่อยกับความหนาว...หนาวมากกกกกกกกกกกก เพราะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์  ลมแรงจนเราต้องไปยืนหลบความหนาว....ในตู้โทรศัพท์ค่ะ >_< ก็เข้าไปเบียดๆกันสามชีวิต  ถามว่าไม่กลัวมีคนมาโทรศัพท์เหรอ...คำตอบคือ กลัวค่ะ เลยทำทีเป็นว่าเรากำลังโทรศัพท์ แต่จริงๆแล้วไม่ได้โทรค่ะ  เมื่อผลัดกัน "ทำเป็น"โทรครบสามคนแล้ว ก็เริ่มหิว....ทำไงดีล่ะ... ต้องหาที่ dinner สุดหรูค่ะ

 

            รับรองว่าหรูมากหรูมาย.....เพื่อนคนหนึ่งในนั้นชี้ไปที่ด้านขวาของตู้โทรศัพท์

 

          "เฮ้ย....ดูนั่น..."

          "ไรวะ...หนาวๆๆๆ"

          "โบสถ์...."

          "?????????"

      "ไปหลบหนาวที่โบสถ์มั้ย ท่าทางบังลมได้ดี"   ว่าแล้วพวกเราอพยพจากตู้โทรศัพท์ไปหน้าโบสถ์กันค่ะ

 

       จำได้ติดตาเลยว่าโบสถ์มีบันไดขึ้น เป็นโบสถ์ที่สร้างใหม่ ไม่ใช่โบสถ์หลายร้อยปีเหมือนที่เห็นในเมืองอื่นๆทั่วๆไป พวกเราตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบนตรงประตูทางเข้าโบสถ์

         "มีคนมั้ย???"  เพื่อนคนนึงเอาหูแนบฟัง

         "ไม่มีๆๆๆๆ"

         "ชัวร์นะว่าไม่มี"

     "เออๆๆ เงียบมากๆๆ ไม่มีคนแน่นอน ถ้ามีก็แปลกละ"

 

            เพื่อนอีกคนที่เตรียมการมาพร้อมเหมือนกันก็ค้นเป้.... ไม่รู้เธอเนรมิตกระดาษหนังสือพิมพ์มาได้อย่างไร  ว่าแล้วก็เอามาปูๆตรงข้างประตูโบสถ์  ขอย้ำว่า "ข้างประตู" แล้วนั่งลง ล้อมวง ค้นอาหารแห้งต่างๆออกมา มีไข่ต้ม salami ขนมปัง แฮม นี่คืออาหารเย็นสุดไฮโซของเรา  (คล้ายๆเวลาเดินป่า เพียงแต่เราไม่ก่อกองไฟเท่านั้น)

 

        ทั้งสามชีวิตลงมือจัดการอาหารเย็นอย่างหิวโหย (เห็นภาพมากๆ)

         เมื่อกินไปได้พักหนึ่ง ซึ่งไม่นานนัก    ฉับพลันทันใดนั้น เราก็ได้ยินเสียงแปลกๆ  เสียงประตูค่ะ ประตู  มันเปิดออกช้าๆ แล้วก็มีคนกรูกันออกมา     ขอย้ำว่า กรูกันออกมาจริงๆ

       เพื่อนคนแรกใช้ความเร็วและวิชาตัวเบาประหนึ่งจอมยุทธจั่นเจามาเองกระโดดลงข้างโบสถ์ และหลบหายไป...

         เพื่อนคนที่สองใช้ความไวอีกเช่นกัน คว้าขนมปังแล้ว กระโดดลงข้างหน้า

   

         คงพอทราบนะคะว่าจะเหลือใครอยู่ตรงนั้น.... >< นั่งพับเพียบอยู่เลยค่ะ  เป็นคนไม่ค่อยมีทักษะทางกีฬาค่ะ ว่าแล้วก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วเก็บๆข้าวของ ไม่กล้าหันไปมองคน

 

  ...........จำไปจนตราบชีวิตจะหาไม่เลยทีเดียว........ อายมากกกกกกกกกกกกกกกค่ะ

         เด็กๆเกือบร้อยคนออกมาจากโบสถ์ หันมามองไอ้สามตัวนี่มันทำไรวะ หน้าตาแปลกๆ มาปูเสื่อกินอาหารเย็นตรงนี้  

จะว่าเพื่อนมันทิ้งก็พูดไม่เต็มปาก เพราะเป็นใครก็ต้องวิ่งทั้งนั้นแหละ จริงมั้ย?

             ที่สงสัยคือ ประตูมันเก็บเสียงหรือเค้าสวดมนต์นั่งสมาธิกัน มันเลยเงียบขนาดนั้น 


             จบความอับอายในครั้งนี้ไปก่อนค่ะ....วันรุ่งขึ้นเราจะพิชิตยอด Jungfraujoch ซึ่งมีเรื่องอีกจนได้ รับรองว่าฮามากๆๆๆๆ

 

คำสำคัญ (Tags): #interlaken#Jungfraujoch
หมายเลขบันทึก: 483875เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2012 03:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 22:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ดื้อ....ไม่ทำตามคำแนะนำ อ่านบันทึกนี้ก่อน ย้อนไปอ่านบันทึกแรก

( ถึงเราจะไม่ได้แบกหม้อหุงข้าวไป แต่ใช้วิธีซื้อหาขนมปังติดตัวไปค่ะ บางครั้งซื้อไข่มาต้มที่ Hostel แล้วเก็บใส่กระเป๋าไปด้วย การเดินทางแบบนี้จึงต้องเอาช้อนเล็กๆ มีด ไฟฉายและอุปกรณ์ต่างๆติดตัวไปด้วย (ยืนยันว่าอยู่ในสวิสค่ะ ไม่ได้ตามหาเพชรพระอุมา ^) พลั้งพลาดพลัดหลง ยังมีมีดปลอลูกมะม่วง

สงสัยจะหามะม่วงไม่ได้ค่ะ และถ้าหลงป่า ท่าทางจะไม่รอดแน่ๆ

ผมหลงป่าพอมีวิชา แต่หลงเมืองเป็นเรื่องทุกที ไปหาเพื่อนที่บ้านจัดสรร ดันจำชื่อบ้านผิด หนำซ้ำเบอร์โทรก็ไม่มี สุดท้ายหาไม่เจอ มันเหมือนๆกันทุกบ้าน กลับบ้านดีกว่า ได้บทเรียนว่า

"เข้าเมืองอย่าลืมเพื่อน เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า"

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท