Switzerland ดินแดนแห่งความฝัน


           มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วทำให้นึกถึงเรื่องนี้ คงเป็นเพราะครึ้มฟ้าครึ้มฝน อากาศเย็นๆ คล้ายๆกับช่วงนั้น ว่าแล้วก็เลยรีบๆมาบันทึกไว้ ก่อนที่จะหมดอารมณ์เพราะต้องทำงานต่ออีกกองใหญ่...

          จะว่าไป ตั้งแต่มีอันต้องอพยพย้ายถิ่นมาเรียนแถวๆนี้ ก็ยังไม่เคยจดบันทึกเรื่องราว เหตุการณ์ต่างๆที่ได้เคยไปเที่ยว ไปเห็นมาเลยสักครั้ง  ประเดิมเรื่องนี้เลยดีกว่า เพราะผู้คนในเรื่อง แม้จะกระจัดกระจายไปคนละที่ แต่ยังอยู่ครบ  ดีกว่าไปบันทึกอีกสามสิบสี่สิบปีข้างหน้า อาจต้องใช้คำว่าล้มหายตายจากซะงั้น

.......................................

 

              ปีแรกของการเรียนภาษา จะเป็นปีที่มีความสุขมากๆ แม้ว่าจะเรียนยากเย็น มีสอบ            มีรายงานต่างๆนานา แต่เวลาปิดเทอมฤดูหนาวก็จะมีโอกาสไปเที่ยวกันบ้าง  ในฐานะตัวตั้งตัวตีในทริปนี้ จึงได้เป็นไกด์ และเพื่อนๆตั้งชื่อให้ว่า ทัวร์อ้อมหลวง ซึ่งมีที่มาอย่างไร เก็บไว้เฉลยตอนท้าย

เอาหละ...ว่าแล้วก็ไปชวนเพื่อนๆดีกว่า.... 

"เฮ้ยเพื่อนๆ (มีอยู่สองคน) ไปสวิสกันๆ" จากน้ำเสียงเป็นการชวนแกมบังคับ และโน้มน้าว เอาหนังสือรูปภาพมาล่อ

"ถ้าไปเนี่ย เด๋วจัดให้หมดเลย บอกมาอยากไปที่ไหนมั่ง" แต่เราทำโปรแกรมไว้แล้ว ฮ่าๆๆ ว่าแล้วก็เอามานำเสนอ  

"นี่ถ้าไม่ไปตอนนี้นะ ไม่รู้ชาตินี้จะได้ไปรึเปล่านะ" คนชวนพยายามทุกทางในการหว่านล้อม

"คิดดูนะ อยู่แค่นี้เอง ใกล๊ใกล้..." ทำเสียงสูง เป็นการย้ำ  "ต่อไปต้องเรียนอย่างหนักหนาสาหัส ไม่ได้ลืมหูลืมตาจากกองหนังสือแน่ๆ นะ ไปกันเถอะ" ไซโคสุดฤทธิ์ 

 

          เพื่อนสองคนสมมติว่าชื่อเพื่อนหนึ่ง เพื่อนสองละกัน ก็เกิดเห็นดีเห็นงามด้วย เพราะชาวบ้านเค้าไปเที่ยวกันหมด จะนั่งเซ็งอยู่ในหอก็กระไรอยู่  สรุปว่าทริปนี้สำเร็จ ตกลงว่าได้ไปแน่ๆ  แอบดีใจ ฮ่าๆๆๆ  แต่เราต้องแบ่งหน้าที่กันทำนิดนึง ว่าใครจองอะไรมั่ง เช่นที่พัก รถไฟ   เรื่องจองที่พักเป็นหน้าที่ของไกด์  รวมทั้งวางแผนการเที่ยว ว่าจะพาลูกทัวร์ไปไหนมั่ง  เรื่องรถไฟมีเพื่อนคนนึงรับหน้าที่ไป

         สำหรับเมืองที่เราไปในครั้งนั้นมีเยอะอยู่ เริ่มตั้งแต่ Lausanne-Geneva-Montreux-Zermatt-Interlaken-Jungfraujoch-Grindelwald-Lucerne-Titlis เนื่องจากเป็นทริปใหญ่พอควร จึงต้องประหยัดค่าอาหารเท่าที่ทำได้ จะเล่าว่าทำอย่างไร แต่ไม่ได้แบกหม้อข้าวไปอย่างคนอื่นๆนะ

          พวกเราเร่งๆๆๆๆให้ปิดเทอมเร็วๆ จะได้ไปเที่ยว และในที่สุด วันนั้นก็มาถึง

........................................................................

 

        เราสามคนพักอยู่หอเดียวกัน เพราะฉะนั้นจะเดินทางไปไหนก็ไม่ยาก ไปมันพร้อมๆกัน  ถ้าจำไม่ผิด มีคนตื่นสายด้วย ต้องไปเคาะห้องกันเลย กลัวตกรถไฟ  แต่พวกเราก็ไปกันทันจนได้เนอะ  

       ไปขึ้นรถไฟกันที่ไหน(วะ) ขอคิดก่อน...แน่นอนมันต้องสถานีรถไฟแหละ แต่คงเป็นที่ Strasbourg มากกว่า (ความทรงจำเริ่มเลือนๆว่ะ ตายละ)  ที่จำได้แน่ๆคือ ขึ้นรถไฟสีขาวแดง หรือ ICE ซึ่งเป็นรถไฟเยอรมัน  และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องตลก 

      เพื่อนที่รับผิดชอบตั๋วรถไฟก็เตรียมแจกตั๋วแก่ลูกทัวร์  พวกเรายืนรอรถไฟซักพักใหญ่ ก็มีรถไฟหน้าตาดีมาก คือ ICE เข้ามาจอดตรงหน้า หลังจากเช็คปลายทาง เช็คเวลาเรียบร้อย เพื่อนก็บอกว่าเอาหละขบวนนี้ชัวร์ๆ ลูกทัวร์ขึ้นได้

      ลูกทัวร์และไกด์ทึ่งมาก เพราะจากราคาตั๋วกับสภาพหน้าตารถไฟเนี่ย ไม่น่าไปกันได้ แอบคิดว่านี่ขายราคานี้ การรถไฟเยอรมันไม่เจ๊งรึ  แต่ในเมื่อคนจองตั๋วคอนเฟิร์ม ก็เอาวะ ขึ้นก็ขึ้น  และแล้ว...ทั้งสามชีวิตก็ขึ้นมานั่งอยู่บน ICE หน้าตาดีเริ่ด ใหม่กว่า TGV เป็นหลายสิบเท่า   ภายในอลังการ สวยงามเว่อร์  ลูกทัวร์และไกด์วุ่นวายถ่ายรูปกันตามประสา 

     ขบวนรถไฟเริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ และเพิ่มความเร็วไปเรื่อยๆ และเร็วมากๆ (ถ้านึกไม่ออก ก็แนวๆชินกังเซ็นหรือรถจากเซี่ยงไฮ้ไปสนามบินอ่ะ)  .....นั่งๆไปซักพัก....ก็มีพนักงานมาตรวจตั๋ว ตรวจมาตรวจไปคุณเธอก็บอกว่า "ขอโทษนะคะ คือคุณขึ้นรถไฟผิดขบวนค่ะ" 

       เฮ้ย...เป็นไปได้ไง  เราถามเค้าใหม่ว่าปลายทาง Lausanne ออกเวลานี้ๆๆๆ ใช้มั้ยคะ  คุณพนักงานก็บอกว่า "ใช่ค่ะ...แต่คุณขึ้นผิดขบวน เพราะมีอีกขบวน สีแดงๆ คุณต้องไปขบวนนั้น"  

       สรุปว่า มารับรู้กันตอนนั้นเองว่า รถไฟที่จะไปโลซาน มีสองแบบ ออกเวลาเดียวกัน คือ รถแดงหวานเย็น และ ICE ความเร็วสูง ซึ่งราคาแพงกว่า.....  

          แม่เจ้า... ไอ้ที่จ่ายไปราคาถูกเหมือนขึ้นฟรีเนี่ย  มันต้องรถแดง ไม่ใช่ขาวแดง  แล้วจะทำไงวะ  ว่าแล้วก็ปรึกษากันเป็นเวอร์ชั่นไทยๆ  เพราะไม่มีทางเลือก เนื่องจากมานั่งกันอยู่บนนี้หมดแล้ว ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ต่างคนต่างจ่ายส่วนของตัวเอง ไม่ต้องเอาเงินกองกลาง เพราะอันนั้นเป็นเรื่องกินซะส่วนมาก... นี่เป็นรอบแรกของการจ่ายเงินแบบไม่คาดคิด     ขอบอกว่ามีอีกค่ะ รอบหน้าจะเป็นใครก็จะรู้เอง   เอาเป็นว่าท้ายที่สุด เราสามชีวิตก็นั่งรถมาถึงโลซานจนได้นั่นแหละ  เป็นไงล่ะ รถหรูๆ แต่ก็ฮาดี เวลามาคิดย้อนไป  

........................................................................

 

มาถึงโลซานแล้ว....เย้...

        ต่อไปเป็นหน้าที่ของไกด์ ต้องพาไปที่พัก จำไม่ได้ว่าไปไง น่าจะขึ้น Tram ไปนะ คงไม่เดินไปหรอก   เราไปพัก Youth Hostel กัน ซึ่งขณะนั้นยังสามารถใช้คำว่า Youth ได้เต็มปากอยู่ฮ่ะ และเป็นการไปแบบ Backpacker ด้วยนะ ไม่น่าเชื่อว่าทำได้.... ตอนนี้ต้องเปลี่ยนเป็นทริปเจ้าย่ามั้ง... แบกอะไรไม่ได้อีก ปวดหลัง เส้นเอ็นอักเสบ กล้ามเนื้ออักเสบ etc.

       คุณไกด์พาลูกทัวร์ไปถึงที่พัก....กรี๊สสสสสส เข้าไม่ได้ค่ะ แฮ่ๆ เรามาก่อนเวลาที่เค้าจะเปิดน่ะ เพราะมันไม่ใช่โรงแรม เลยเปิดปิดเป็นเวลา ก็นั่งรอๆ เดินไปมาสำรวจแถวๆนั้นพักนึง  เค้าก็มาเปิดไฟ เปิดประตู  เราก็เข้าไปเช็คอิน ได้ห้องมาเรียบร้อย ถ้าจำไม่ผิด ที่นี่ใจดี เห็นเรามาสามคน เลยอนุญาตให้อยู่ห้องเดียวกันได้ไม่แยกชายหญิง  เหตุที่อยากอยู่ห้องเดียวกัน ก็เพราะว่าจะได้ช่วยๆกันปลุกตอนเช้า ถ้าไม่ตื่นนี่ แย่แน่ๆ เพราะรถไฟที่จะไปต่อแต่ละที่นั้น มันออกเช้ามาก เจ็ดโมงงี้  

 

         คิดๆแล้วก็จำไม่ได้ว่าไปไหนมั่งในโลซาน  จำได้แต่เจนีวา ว่าฝนตก เพราะลูกทัวร์บ่นกันใหญ่ว่ามากับไกด์คนนี้ทีไร ฝนตกทุกที 

        เป็นว่าเดินเล่น ถ่ายรูปในที่ๆอยากไปถ่าย น้ำพุ นาฬิกา อะไรต่อมิอะไรก็ไปๆซะ จริงๆแล้ว เป็นเมืองราชการมากกว่านะ ที่เราอยากไปเห็นคือ หิมะกับลำธาร และภูเขา (ว่าจะพอเหมือนในดั่งดวงหฤทัยและเรื่องอื่นๆของคุณทมยันตีป่าว ฮิๆๆๆ)

 

ลืมบอกไปว่า ที่ไปๆกันเนี่ย อาศัยหนังสือ Lonely Planet เพราะข้อมูลโอเค เชื่อได้ ส่วนยี่ห้ออื่น ยังไม่เคยลองค่ะ

 

วันนี้พอแค่นี้ก่อน เมื่อย เอ็นข้อมืออักเสบ พิมพ์เยอะไม่ค่อยได้  วันหลังมาเล่าต่อ  ตั้งใจจะเล่าทุกทริปนะ เพราะมันต่างกันมากๆ และอยากเล่าตอนที่ยังจำได้ (บ้างไม่ได้บ้าง) ก่อนที่จะกลายเป็นเมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก ฮ่าๆๆๆๆๆ    

หมายเลขบันทึก: 483874เขียนเมื่อ 1 เมษายน 2012 02:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 17:07 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ปกติเป็นคนเดินทาง แต่มีโอกาสแค่ในประเทศ ไปแบบยักหำน้อยตุหรัดตุเหร่ และท่องภูเขาลำเนาไพรเมื่อมีโอกาส.....

โชคดีที่เข้ามาอ่านบันทึกหลังๆ ก่อนบันทึกแรก เพราะหากอ่านบันแรกก่อน คงไม่ได้ติดตามไปถึงบันทึกหลังๆ อ่านสนุกมองเห็นภาพจากตัวหนังสือ เคบชื่นชอบเนปาล ประมาณสะดือ มาอ่านเรื่องไปสวิต ไม่ติ๋ดชึ่ง กับหนึ่งบวกสอง จากปกหลังมาหน้า เพราะว่าชื่นชอบ จึงตามาหาร่องรอย ของความสนุกสนาน ด้วยขอบคุณและคารวะ จะติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณค่ะที่ติดตาม

เมืองไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายค่ะ สวยไม่แพ้ใคร เพียงแต่มาเรียนแถวนี้เลยไปใกล้ๆก่อน

อยากไปเนปาลเหมือนกันค่ะ เห็นแต่ในสารคดี...ที่อยากไปมากๆคือแคชเมียร์ เคยอ่านหนังสือ เห็นภาพจากเว็บ ของจริงคงสวยมากแน่ๆ

น่าติดตาม เขียนได้น่ารักมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท