ชีวิตที่พอเพียง : ๑๕๒๔. ไปเยี่ยมแม่ที่ชุมพร


 

          เมื่อ ๒ เดือนที่แล้ว แม่หกล้มในห้องน้ำ และเจ็บขาด้านซ้ายซึ่งเป็นด้านตรงกันข้ามกับที่เคยกระดูกหัก และไปผ่าตัดที่ศิริราชดังเล่าที่ , ๒ หลังหกล้มเมื่อวันที่ ๓๑ ธ.ค.๕๔ แม่บอกว่าเจ็บ แต่ยังเดินได้ ต่อมาอีก ๓ - ๔ วันเจ็บมากขึ้น และเดินไม่ได้ เพิ่งเดินได้อีกก่อนผมไปเยี่ยมสัปดาห์เดียว

          แม่มีลูกเป็นหมอ ๓ คน คนสุดท้องอยู่ใกล้ คืออยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี คนที่อยู่ไกลที่สุดอยู่ที่เชียงราย ทั้งสองคนรีบไปเยี่ยมแม่ทันที ลูกชายที่ชุมพรรีบพาไปเอ็กซเรย์กระดูกสะโพกและขา อ่านผลว่าไม่มีกระดูกหัก แต่เมื่อน้องชายเอาฟีล์มไปให้ภรรยาซึ่งเป็นหมอรังสีที่สุราษฎร์อ่าน ก็พบว่ากระดูกสะโพกด้านซ้ายร้าว สองหมอช่วยกันรักษาแบบให้ยาประคับประคอง

          แม่นอนแบบอยู่เกือบ ๒ เดือนก็ลุกขึ้นเดิน เมื่อผมไปถึงแม่ก็เดินให้ดู และลุกขึ้นมานั่งคุยได้ คล่องแคล่ว เหมือนสมัยก่อน

          ถามว่าทำไมแม่ฟื้นเหมือนปาฏิหาริย์เช่นนี้ น้องๆ บอกว่า เป็นเพราะยาเทวดา คือ Calcitonin ชนิดพ่นจมูก ซึ่งหมอศัลยกรรมกระดูกที่ชุมพรแนะนำน้องชาย และ ศ. นพ. บรรจง มไหสวริยะ แนะนำผม แล้วผมเอาไปบอกน้องชาย ในที่สุดน้องชายคนเล็กเป็นผู้จัดหาMiacalcic Nasal Spray (Novartis) มาให้ หลานชาย (ก๊อฟ) ผู้ทำหน้าที่พ่นยา (วันละครั้ง) บอกว่าพอพ่นไปได้ ๑ สัปดาห์แม่ (ย่า) ก็กลับมามีชีวิตชีวา และในที่สุดก็ลุกขึ้นมาเดินได้ ขณะนี้แม่พ่นยาได้เดือนเศษแล้ว

          ยานี้แพงมาก แต่แม่มีลูกเป็นข้าราชการบำนาญ เบิกค่ายาได้ นี่คือข้อดีในแง่สวัสดิการของราชการ

          ลูกชายคนโต (คือผมนั่นแหละ) ต้องวางแผนล่วงหน้ากว่าเดือนกว่าจะหาเวลาไปเยี่ยมแม่ได้ โดยสบายใจว่าน้องๆ เขาจัดการดูแลแม่อย่างดี

          เราไปกัน ๕ คน คือสาวน้อย ป้าอี๊ด หมอแต้ว “เลขา” และผม โดยขับรถไป เดินทางไปวันที่ ๓ มี.ค. ๕๕ ใช้สูตรเดิมคือไปกินก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวแกงที่เพชรบุรี แล้วแวะซื้อขนมหม้อแกงแม่กิมไล้ เป็นของฝาก หลังจากนั้นบึ่งไปกินข้าวเที่ยงที่ศูนย์ทางหลวงเขาโพธิ์ กินเสร็จก็ช็อปปิ้งสินค้าเสื้อผ้าส่งออกราคาย่อมเยาที่นั่น ดังเคยเล่าไว้ที่นี่

          การเดินทางโดยรถยนต์ไปชุมพรสดวกสบายมาก สภาพของถนนดีมากตลอดทาง แต่มีข้อแตกต่างจากสมัยก่อน ๓ ประการ ข้อแรก รถใหญ่ (บัส ๒ ชั้น และรถบรรทุกขนาดกว่า ๒๐ ล้อ) นิยมขับยึดเลนขวาซึ่งไม่ถูกหลักจราจร เดาว่าคงจะเป็นเพราะถนนเลนขวาเรียบกว่า เนื่องจากเลนซ้าย โดนรถใหญ่ขย่มจนถนนทรุด ขับไม่สบายเท่าเลนขวา

          ข้อที่สอง มีรถบรรทุกเพิ่มขึ้นมาก และเกือบทั้งหมดเป็นรถขนาดกว่า ๒๐ ล้อขึ้นไป

          ข้อที่สาม ตรงสี่แยกปฐมพรทางเข้าจังหวัดชุมพร มีสะพานลอยข้ามสี่แยกตรงไปสุราษฎร์ธานีหรือ เลี้ยวขวาไประนองได้เลย ไม่ต้องรอไฟเขียวไฟแดงอย่างแต่ก่อน ทำให้ผมขับเพลินจนเลยจะไปสุราษฎร์ ต้องเลี้ยวกลับ น้องสะใภ้บอกว่าแม้คนชุมพรก็ยังงง

          ที่ร้านขนมแกงแม่กิมไล้ตรงข้ามร้านข้าวแกง ผมได้ความรู้ใหม่ ว่าน้ำตาลปึกที่ขายในนามของน้ำตาล โตนด ที่เราซื้อกันโดยทั่วไปนั้น เป็นน้ำตาล ๕๐%คือปนน้ำตาลทราย ๕๐% ที่เป็นน้ำตาลโตนด ๑๐๐% สีจะคล้ำกว่ามาก และเยิ้มกว่า แน่นอนว่าราคาแพงกว่า ความรู้นี้บอกผมว่าผมโดนต้มมาตลอด เราไม่เคยซื้อน้ำตาลโตนดแท้ ๑๐๐% เลย จะเห็นว่าในโลกของความเป็นจริง เราอยู่ในโลกโกหกหลอกลวงจนเคยชิน ดังกรณี “ข้าวหอมมะลิ ๑๐๐%” ก็เช่นเดียวกัน

          ผมไปพบว่า น้องๆ ๓ คนที่เรียนจบเกษตร และกลับมาอยู่ที่ชุมพร และเวลานี้ต่างก็ตั้งตัวได้เป็นอย่างดี ผมบอกแม่ว่าผมเป็นลูกที่ฐานะการเงินด้อยที่สุด แต่ก็มีความสุข และได้ทำงาน“สาธารณะ” (public service) หรือทำงานเพื่อสังคม ในหลากหลายรูปแบบ ตามความสามารถ และเต็มความสามารถ ตลอดชีวิตการทำงาน เป็นการทำบุญกุศลที่ผมอุทิศให้แม่ เพราะบุคคลที่มีอิทธิพลต่อชีวิตผมมากที่สุดคือแม่

          แม่มีลูก ๗ คน หลาน ๑๖ เหลน ๖ เหลนคนสุดท้องในขณะนี้คือไททั่น (ดช. มาณุเทพ สุระบาล) อายุ ๑๖ เดือน น้ำหนัก ๑๓ กิโลกรัม ลูกของกิ๊ก ลูกสาวคนโตของน้องชายคนที่แม่อยู่ด้วย (วิเชียร) ใน ๖ คน เป็นเหลนจากลูกผม ๒ คน

          เหลน ๓ คนสุดท้ายของแม่เกิดไล่เรี่ยกัน ดญ. เป่าเป๊า ลูกของแป๊ะ ซึ่งเป็นลูกสาวของน้องชายคนที่ ๓ ใจร้อน คลอดออกมาเป็นคนแรก ด้วยน้ำหนัก ๘๐๐ กรัม เพราะแม่เป็นโรคครรภ์เป็นพิษ เวลานี้เป่าเป๊าอายุ ๑๖ เดือน น้ำหนัก ๗ กิโลกรัม แสดงความสามารถของโรงพยาบาลชุมพรที่สามารถเลี้ยงเด็กคลอดก่อนกำหนด ที่เล็กขนาดนี้ให้รอดชีวิตได้ ส่วนแม็ป ลูกของใต้น้ำหนัก ๘ กิโลกรัม ตัวสูงพอๆ กับไททัน และซนพอๆ กัน

          วันรุ่งขึ้น ๔ มี.ค. ๕๕ น้องชายที่อยู่สุราษฎร์ตามมาเยี่ยมและตรวจแม่ด้วย เราปรึกษากันว่าแม่ฟื้นจากป่วยได้อย่าง มหัศจรรย์ น่าจะเป็นผลจากการรักษาที่ถูกทาง แต่แม่ยังผอมมาก และบ่นว่าเบื่ออาหาร กินอาหารได้น้อย ลูกสะใภ้ช่วยกันทำอาหารอร่อยๆ มาให้กิน แต่ก็ยังผอมมาก และตาก็มองแทบไม่เห็นแล้ว เอารูปเหลนให้ดูใน จอคอมพิวเตอร์ก็บอกว่าเห็นรางๆ ชักชวนอย่างไร ก็ไม่ยอมผ่าตัดต้อกระจก หลอกล่อว่าจะได้ดูทีวีชัดๆ แม่ก็ไม่เอา อ้างว่าอายุ ๙๒ แล้ว

          วันนี้แม่โดนขยั้นคะยอให้กินอาหารอร่อยๆ หลายอย่าง จึงกินด้วยความสนุก วันอาทิตย์ร้านของ น้องชายปิด ๑ วันในสัปดาห์ เราจึงชุมนุมกันครึกครื้น น้องชายที่เชียงรายก็โทรศัพท์มาถามข่าวคราว ผมรับจะไปปรึกษาหมอผู้เชี่ยวชาญการดูแลคนแก่

          น้องสะใภ้เตรียมสั่งซื้อปูม้า กุ้ง และปลา เอามาทำอาหารทะเลกินกันที่บ้าน ปูม้าราคาเพียงกิโลละ ๒๐๐ บาท ยังเป็นๆ อยู่ เนื้อมากและอร่อยมาก สาวน้อยสั่งการให้ผมปรนนิบัติแม่ด้วยการแกะปู และกุ้งให้แม่กิน ผมได้ความรู้ว่าในคลองท่ายางใกล้ๆ มีทั้งกุ้งก้ามกรามและกุ้งกุลาดำในธรรมชาติ กุ้งกุลาดำจับจากธรรมชาติ อร่อยกว่ากุ้งเลี้ยงมาก

          เช้าวันจันทร์ที่ ๕ มี.ค. เราไปร่ำลาแม่และสั่งเสียให้แม่กินอาหารมากๆ และหมั่นเดินออกกำลัง รวมทั้งอธิบายให้ฟังว่าการผ่าตัดต้อกระจกสมัยนี้ง่ายมากและได้ผลดี จะได้ดูทีวีชัดๆ แม่ยืนยันว่าอายุ ๙๒ แล้ว ไม่ผ่าตัด

 

วิจารณ์ พานิช
๕ มี.ค. ๕๕


 แม่เดินให้ดู


 

 แม่ถ่ายรูปกับลูกชาย ลูกสะใภ้ และป้าอี๊ด


 

 แม่ถ่ายรูปกับลูกสะใภ้ หลานสาวทั้งสอง และป้าอี๊ด

 

แม่

 


 

 ไททัน เหลนคนที่ ๖ กับแม่และทวด


 

ไททันเล่นกับป้า


 

 สภาพสวนหลังบ้าน


 

บ้านที่แม่อยู่


หมายเลขบันทึก: 483538เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2012 14:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 14:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

".....ผมไปพบว่า น้องๆ ๓ คนที่เรียนจบเกษตร และกลับมาอยู่ที่ชุมพร และเวลานี้ต่างก็ตั้งตัวได้เป็นอย่างดี ผมบอกแม่ว่าผมเป็นลูกที่ฐานะการเงินด้อยที่สุด แต่ก็มีความสุข และได้ทำงาน“สาธารณะ” (public service) หรือทำงานเพื่อสังคม ในหลากหลายรูปแบบ ตามความสามารถ และเต็มความสามารถ ตลอดชีวิตการทำงาน เป็นการทำบุญกุศลที่ผมอุทิศให้แม่ เพราะบุคคลที่มีอิทธิพลต่อชีวิตผมมากที่สุดคือแม่........."

เรียน อาจารย์ครับ ผมชอบประโยคข้างบนนี้มากครับ

92 ปี ยังดูแข็งแรงอยู่เลยนะคะอาจารย์ คุณแม่เก่งจังเลยค่ะ มีเคล็ดลับพิเศษการมีอายุยืนของคนชุมพรไหมค่ะอาจารย์ :)

เป็นครอบครัวตัวอย่างที่น่าชื่นชมมากค่ะ

คุณแม่อาจารย์ยังดูดี แข็งแรง อาจเป็นเพราะมีลูกหลาน เหลนดีดีค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์ นำภาพคุณยายผ่าตัดต้อกระจกที่ปากพะยูนมาฝากครับ

เรียน อ.วิจารณ์ ครับ

บางทีผู้สูงอายุ อย่างคุณยาย ที่มีอาการเบื่ออาหาร อาจจะเป็นอาการแสดงของ ภาวะโลหิตจาง ซึ่งพบได้บ่อยมาก ในผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 90 ปี

ปัญหาโลหิตจางในผู้สูงอายุ เกิดจาก สภาวะ กระดูกบาง ไขกระดูก สร้างเม็ดเลือดแดงได้น้อยลง ซึ่งการรักษาด้วยยา บำรุงโลหิต ferrous หรือ folic acid จะไม่ได้ผล

การทำอาหารให้อร่อย คงจะมีส่วนช่วยได้บ้าง แต่ได้ผล สู้การรักษาแบบผสมผสานไม่ได้ คือ การใช้ยาสมุนไพรไทย บางตำรับ

แต่การจะใช้ตำรับใด ควรขึ้นกับผป.แต่ละหลาย เช่น ธาตุร้อน หรือ ธาตุเย็น ก็ใช้ยาต่างกันไป

หากธาตุร้อน ก็เพิ่มยาเย็นในตำรับ หากธาตุเย็น ก็เพิ่ม ยาร้อนในตำรับ

ด้วยความเคารพนับถืออย่างสูงครับ

ศิษย์ วีรพัฒน์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท