ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ (กาญจนบุรี)
ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ (กาญจนบุรี) ศมม.กจ. กจ.

พันธุ์กำแพงแสน-เอ็มบี-42-1 (KPS-MB-42-1)


หม่อนผลสดพันธุ์ใหม่

     พันธุ์กำแพงแสน-เอ็มบี-42-1 (KPS-MB-42-1)

  หม่อนเป็นพืชยืนต้นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากใบหม่อนเป็นอาหารที่ดีที่สุดของหนอนไหม หม่อนที่ปลูกในเมืองไทยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Morus alba ชื่อภาษาอังกฤษว่า White Mulberry, Mulberry Tree อยู่ในวงศ์ Moraceae มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน หม่อนนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง โดยใบหม่อนใช้ในการเลี้ยงตัวหนอนไหม ในที่สุดก็ได้เป็นรังไหม เมื่อนำเอารังไหมมาสาวเป็นเส้นและทอเป็นผ้าจะได้ผ้าที่เลื่อมมัน และด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นสรรค์สร้างปฏิมากรรมบนเส้นไหมเป็นลวดลายต่างๆ ก่อเกิดเป็นผ้าไหมไทยที่สวยงามเลื่องชื่อของโลก เป็นที่ต้องตาตรึงใจแก่ผู้ที่พบเห็น นอกจากนี้ยอดอ่อนของใบหม่อนยังบริโภคเป็นผักพื้นบ้านใช้ในการประกอบอาหาร และทำเป็นชาสมุนไพร ผลหม่อนใช้รับประทานผลสดและแปรรูปได้หลายชนิด เช่น แยม เยลลี่ ไวน์หม่อน น้ำหม่อน ลูกอมสมุนไพรจากใบหม่อนและผลหม่อน เป็นต้น หม่อนมีสรรพคุณทางเภสัชวิทยาหลายชนิด โดยใบ มีรสเย็นจืด ใช้เป็นยาขับเหงื่อ แก้เจ็บคอ แก้ไข้ตัวร้อน แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ไอ ระงับประสาท ผล ใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ธาตุไม่ปกติ ดับร้อน ทำให้ชุ่มคอ บำรุงไต ดังนั้นหม่อนจึงเป็นพืชหนึ่งที่น่าสนใจในการนำมาแปรรูปของสินค้าหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลตามรูปแบบ คือ

ลักษณะทั่วไปของหม่อนพันธุ์กำแพงแสน-เอ็มบี-42-1 (KPS-MB-42-1)

          หม่อนพันธุ์ KPS-MB-42-1 เป็นหม่อนกินผล ที่นำต้นพันธุ์มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยเกษตรกร และทางโครงการการวิจัยเพื่อการพัฒนาระบบการเกษตรในเขตชานเมืองใหญ่ ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาระบบเกษตรกรรม (DORAS Center) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้นำพันธุ์มาปลูกทดสอบ ณ แปลงทดลอง 2 ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จ.นครปฐม เมื่อ ปี 2542

          หม่อนพันธุ์ KPS-MB-42-1 เป็นหม่อนกินผล อายุหลายปี สามารถตัดแต่งให้มีทรงพุ่มขนาดเล็ก เปลือกต้นสีน้ำตาล ใบเดี่ยวหนาออกสลับ สีเขียวเข้ม รูปหัวใจขอบจักฟันเลื่อย ผิวใบสากคาย ขนาดใบกว้าง 8-14 เซนติเมตร ยาว 12-18 เซนติเมตร ผลออกตามซอกใบ ผลมีขนาดใหญ่และติดผลดก ผลอ่อนจะมีสีเขียว ผลแก่สีแดง เมื่อสุกมีสีม่วงแดงถึงดำ รสหวานอมเปรี้ยวถึงหวานมากเมื่อสุกเต็มที่ หม่อนพันธุ์ KPS-MB-42-1 เป็นหม่อนกินผลที่ไม่เพียงแต่ใช้บริโภคผลเท่านั้น แต่ยังให้ใบที่เหมาะกับการเลี้ยงไหม เนื่องจากใบหนา หม่อนพันธุ์ KPS-MB-42-1 จึงใช้ประโยชน์ได้ทั้งเป็นหม่อนกินผลและหม่อนใบ ซึ่งโดยปกติหม่อนพันธุ์กินผลจะมีใบบางและขนาดเล็กไม่เหมาะที่จะใช้เลี้ยงไหม ส่วนหม่อนที่ให้ใบสำหรับเลี้ยงไหม จะไม่ค่อยให้ผล หรือให้ผลขนาดเล็กมาก และติดผลน้อย ดังนั้น หม่อนพันธุ์ KPS-MB-42-1 จึงเป็นพันธุ์ที่ให้ทั้งผลและใบที่ดี

การขยายพันธุ์

          ขยายพันธุ์โดยการปักชำ การเตรียมกิ่งพันธุ์ควรเลือกกิ่งที่แข็งแรง ไม่มีโรคและแมลงทำลาย ผิวเปลือกเป็นสีน้ำตาลเพื่อให้กิ่งมีอาหารสะสมไว้เพียงพอที่รากจะงอกได้ ตัดท่อนพันธุ์ด้วยกรรไกรตัดแต่งกิ่งเพื่อไม่ให้กิ่งช้ำ ความยาวท่อนละประมาณ 20 เซนติเมตร หรือมีตาหม่อนอยู่บนท่อนพันธุ์ 4-5 ตา วิธีตัดควรตัดส่วนบนของท่อนพันธุ์ให้มีลักษณะตรงและเหนือตาบนสุดประมาณ1 เซนติเมตร ส่วนโคนของท่อนพันธุ์ให้ตัดเฉียงประมาณ 45 องศา เป็นรูปปากฉลามโดยตัดต่ำกว่าข้อตาล่างสุดประมาณ 1.5 เซนติเมตร และให้ด้านเฉียงอยู่ตรงข้ามกับตาล่างสุด ปักชำในถุงเพาะชำ ให้กิ่งมีอายุ 2-3 เดือน แล้วจึงนำปลูกในแปลง หม่อนจะให้ผลผลิตทั้งใบและผลดีเมื่อต้นมีขนาดสมบูรณ์เต็มที่

การปลูกและการดูแลรักษา

          การปลูกหม่อนพันธุ์ KPS- MB- 42-1 ในแปลงปลูกจะปลูกแบบแถวคู่โดยใช้ระยะปลูก 60x75 เซนติเมตร ซึ่งจะทำให้หม่อนเจริญเติบโตดี สะดวกในการดูแลรักษาและเก็บเกี่ยวผลผลิต ควรเตรียมดินให้มีความอุดมสมบูรณ์และร่วนโปร่งก่อนการปลูกหม่อน โดยใส่ปุ๋ยรองพื้นสูตร 15-15-15 อัตรา 30-50 กก./ไร่ และปุ๋ยอินทรีย์ 1 ตัน/ไร่ หลังจากนั้นมีการบำรุงต้นหลังการตัดแต่งทุกครั้ง มีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ต้องมากเนื่องจากหม่อนเป็นพืชทนแล้ง กำจัดวัชพืชโดยแรงงานคน หรือการไถพรวนด้วยเครื่องจักรขนาดเล็ก ไม่ควรฉีดพ่นด้วยสารเคมี เมื่อหม่อนมีขนาดใหญ่ขึ้น ปัญหาด้านวัชพืชจะน้อยลง หม่อนเป็นพืชดูแลง่าย ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคและแมลง แต่จะมีแมลงศัตรูที่สำคัญของหม่อน ได้แก่ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ เพลี้ยหอย แมลงหวี่ขาว ไรแดง เพลี้ยจั๊กจั่น เป็นต้น กำจัดโดยการตัดแต่งกิ่งและใบที่มีแมลงเหล่านี้อยู่ไปเผาทำลาย ไม่ควรใช้สารเคมี เพราะจะมีผลกระทบต่อไหม เมื่อนำใบหม่อนมาเลี้ยง

การให้ผลผลิตผลหม่อน

         หม่อนพันธุ์ KPS-MB-42-1 จะให้ผลผลิตของผลเมื่อมีการตัดแต่ง ซึ่งในขณะเดียวกัน ก็จะได้ใบสำหรับเลี้ยงไหมด้วย โดยทำการตัดแต่งกิ่งหม่อนได้ทันทีหลังจากทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตหม่อนเสร็จในแต่ละรุ่น โดยการตัดกิ่งแขนงออกให้เหลือต้นสูงจากพื้นดินประมาณ 80 เซนติเมตร -1 เมตร ประมาณ 28-30 วัน หลังทำการตัดแต่งกิ่ง หม่อนจะเริ่มมีการติดผล และเก็บเกี่ยวผลได้เมื่ออายุ 44-46 วัน หลังตัดแต่งกิ่ง

          หม่อนกินผลพันธุ์ KPS-MB-42-1 สามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปีเมื่อมีการตัดแต่งกิ่ง ใน 1 ปี จะให้ผลผลิตผลหม่อนได้ถึง 5 รุ่น ในแต่ละรุ่นจะใช้ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลประมาณ 30 วัน ผลหม่อนจะเริ่มทยอยสุก จึงต้องทำการเก็บเกี่ยวผลทุก 2-3 วันต่อครั้ง โดยจะให้ผลผลิตของผลเฉลี่ย 352 กิโลกรัม/ไร่/รุ่น หรือคิดเป็น 1,760 กิโลกรัม/ไร่/ปี สำหรับใบหม่อนเก็บเกี่ยวหลังจากการตัดแต่งกิ่งในแต่ละครั้งได้ผลผลิตรวม 2,200 กิโลกรัม/ไร่

การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผลหม่อน

          หม่อนพันธุ์ KPS-MB-42-1 ใช้ประโยชน์ได้ทั้งใบและผลหม่อน ซึ่งใช้ทั้งรับประทานสดและนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย เช่น การทำน้ำหม่อนทำได้โดยนำส่วนผสมของ ผลหม่อนสีแดง (แก่แต่ยังไม่สุก) : ผลสีม่วงดำ (สุก) อัตรา 1:1 หรือ1:2 จำนวน 1.5 กิโลกรัม ล้างน้ำให้สะอาด นำไปต้มกับน้ำสะอาด 4.5 ลิตร พอเดือด จากนั้นเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ เติมน้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม คนให้ละลาย ก็จะได้น้ำหม่อนที่มีรสชาติดี มีรสหวานอมเปรี้ยว ได้กลิ่นของผลหม่อน ซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะตัว เป็นที่นิยมของผู้บริโภค หากสนใจเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เล็กน้อยก็สามารถนำมาทำเป็นไวน์หม่อน ซึ่งวิธีการทำก็ง่ายโดยการใช้น้ำผลหม่อนดังกล่าว นำมาหมักกับเชื้อยีสต์ Saccharomyces cerevisiae   ประมาณ 5-7 วัน กรองเอากากหม่อนออก จากนั้นหมัก ที่อุณหภูมิ 20-25 องศาเซลเซียส หรืออุณหภูมิห้องนาน 2-4 สัปดาห์ โดยทดลองชิมดูรสชาติเป็นระยะ ๆ ตามความชอบ หยุดการหมักโดยการนำไปแช่ที่อุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียส หรือแช่ในตู้เย็น หรือเติมโปแตสเซียมเมตาไบซัลไฟต์ 0.08-0.1 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร เพื่อทำให้ยีสต์ตกตะกอนหลังจากนั้นนำส่วนใสออกมาบรรจุขวด หรือบ่มไว้ที่อุณหภูมิต่ำ ก็จะได้ไวน์หม่อนที่มีรสชาติดี นอกจากนี้ยังสามารถทำแยมหม่อน ผลหม่อนอบแห้ง ลูกอมผลหม่อน ไอศครีมผลหม่อน เป็นต้น ซึ่งผลหม่อนดังกล่าวมีรายงานการวิจัยว่ามีคุณประโยชน์อย่างมากและมีสรรพคุณทางยาต่อมนุษย์ด้วย


 

ปราโมทย์ สฤษดิ์นิรันดร์ อุไรวรรณ นิลเพ็ชร อรกมล ไกรวงศ์

และภาวัต ฟุ้งขจร. การผลิตหม่อนไหมครบวงจรเพื่อเกษตรยั่งยืน.

คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. วิทยาเขตกำแพงแสน.

โทร. 034-281-084



หมายเลขบันทึก: 483537เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2012 13:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 17:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ไม่ทราบมีกิ่งสดหม่อนกำแพงแสน42 สหรับนำไปปักชำขายไหมคับ อยากไดัสัก200กิ่ง

ถ้ามีขายกิ่งล่ะกี่บาทคับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท