ความรู้เรื่องวัณโรค
หมออนามัย นายอานนท์ ภาคมาลี
วัณโรค ภาวะฉุกเฉินสากล จากการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีส่งผลให้ผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้น ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค มากกว่าคนปกติ 20-37 เท่า จากองค์การอนามัยโลก ปี 2554พบว่า ในปี พ.ศ.2551 มีผู้เสียชีวิต จากวัณโรค 1.7 ล้านคน วัณโรค เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นวัณโรคเพราะเราจำเป็นต้องหายใจต่อการติดเชื้ะบาดของเชื้
วัณโรค (Tubrculosis) เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย วัณโรคเกิดได้กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย เช่น ปอด ลำไส้ กระดูก ผิวหนัง ต่อมน้ำเหลือง และเยื่อหุ้มสมอง แต่ที่พบและเป็น ปัญหามากในปัจจุบันคือ วัณโรคปอด เพราะเชื้อวัณโรคปอดสามารถแพร่กระจายติดต่อได้ง่ายโดยระบบทางเดินหายใจ วัณโรคปอด พบประมาณร้อยละ 85 ส่วนร้อยละ 15 เป็นวัณโรคนอกปอด ลือง ลั่อมน้ำเหลือง ลัความเสี่ยงที่จะเป็นวัณโรคเพราะเราจำเป็นต้องหายใจหากไม่ได้รับการรักษา อย่างถูกต้องร่างกายจะทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว และอันตรายถึงแก่ชีวิต
ลักษณะอาการสงสัยวัณโรค
อาการสำคัญ ได้แก่ ไอเรื้อรังติดต่อกันนาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป หรือไอมีเลือดออก
อาการอื่นๆ มีไข้ตอนบ่ายๆ เหงื่ออกมากเวลากลางคืน น้ำหนักลด อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เจ็บหน้าอก และเหนื่อยหอบกรณีที่โรคลุกลามไปมาก การป่วยด้วยวัณโรคเกิดขึ้นได้กับอวัยวะอื่นๆของร่างกายดังนั้นเมื่อป่วยด้วยวัณโรคอาจจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วยเช่นอ่อนเพลีย และเหนื่อย แพทย์จะตรวจหาสาเหตุการป่วยวัณโรคและอาการอย่างอื่นๆที่บ่งชี้ถึงของโรค
การติดต่อ เชื้อวัณโรคปอดสามารถแพร่กระจายและติดต่อได้ง่ายโดยระบบทางหายใจโดยการหายใจเอาเชื้อโรคจากการไอ จาม พูด หรือร้องเพลงของผู้ป่วยที่เป็นวัณโรค การแพร่เชื้อเกิดขึ้นง่ายมากในครอบครัวที่อาศัยรวมกันที่สถานที่คับแคบและมีการระบายอากาศไม่เพียงพอ
การค้นหาผู้ป่วยวัณโรค
การวินิจฉัยโรค
การวินิจฉัยวัณโรค คือ การค้นหาผู้ป่วยเป็นวัณโรคระยะลุกลาม เพื่อที่จะให้การรักษาผู้ป่วยให้หายและหยุดยั้งการแพร่กระจายเชื้อวัณโรคไปสู่ผู้ใกล้ชิดและชุมชน เพื่อให้การวินิจฉัยแล้วจะต้องจำแนกประเภทของผู้ป่วย เพื่อจัดระบบการรักษาให้เหมาะสมรวมทั้งการประเมินผลการรักษาตามมาตรฐานดังนี้
โอกาสในการพบเชื้อวัณโรคในเสมหะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้
ครั้งที่ 1 ให้ผู้ป่วยเก็บเสมหะทันที่ (Spot sputum) บ้วนใส่ภาชนะแล้วส่ง
ครั้งที่ 2 ในเช้าวันที่จะไปโรงพยาบาล ให้ผู้ป่วยเก็บเสมหะเมื่อตื่นนอนตอนเช้า ก่อนล้างหน้าแปรงฟัน (Collected sputum) บ้วนใส่ภาชนะแล้วนำส่งตรวจ
ครั้งที่ 3 เป็นการเก็บเสมหะทันที่ (Spot sputum) ที่นำตัวอย่างเสมหะเมื่อตื่นนอนตอนเช้ามาส่ง
วิธีการเก็บเสมหะจากผู้ป่วย ควรปฏิบัติตามลำดับดังนี้
การเก็บสิ่งส่งตรวจเพื่อตรวจหาเชื้อวัณโรค
การเก็บสิ่งส่งตรวจต่างๆนั้นจากร่างกายของผู้ป่วยเพื่อตรวจหาเชื้อวัณโรค จำเป็น จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องและควรเก็บสิ่งส่งตรวจต่างๆนั้นในภาชนะที่ปราศจากเชื้อ สิ่งส่งตรวจต่างๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
การรักษาวัณโรค ปัจจุบัน วัณโรคสามารถรักษาหายได้ภายในเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยผู้ป่วยวัณโรคหลังจากกินยาทุกชนิดที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วนสม่ำเสมอทุกวัน หลังจากกินยา 2 - 3 สัปดาห์ผู้ป่วยจะหยุดแพร่เชื้อโรค แต่ถ้ากินยาไม่ครบหรือหยุดยาก่อนกำหนด อาจทำให้เชื้อวัณโรคและยากต่อการรักษา อาจทำให้รักษาไม่หายขาดและอาจเสียชีวิตได้ วัณโรคเป็นโรครักษาหายขาดถ้าคุณตั้งใจกินยา การรักษาวัณโรคมี 2 ระยะคือ
1. ระยะเข้มข้น โดยผู้ป่วยวัณโรคต้องกินยารักษาวัณโรคนานอย่างน้อย 6 เดือน อย่างต่อเนื่องโดยในสองเดือนแรก ผู้ป่วยต้องกินยา 4 ชนิด ทุกวันคือ
ไอโสไนอะชิด (Isoniazid หรือ H)
ไรแฟมพิซิน (Rifampicin หรือ R)
พัยราซินาไมค์ (Pyrazinamide หรือ Z)
อีเธมบูทอล (Ethambutol หรือ E)
2. ระยะต่อเนื่อง คือหลังจากกินยาผ่านไป 2 เดือน จะมีการลดจำนวนยาเหลือ 2 ชนิด คือ ไอโสไนอะชิด (Isoniazid) และไรแฟมพิซิน (Rifampicin) โดยกินต่อไปทุกวันนาน 4 เดือนหรือมากกว่านั้นและเมื่อกินยาครบนาน 6 เดือน ผู้ป่วยวัณโรคส่วนใหญ่จะหายป่วย
การที่ผู้ป่วยได้รับยาครบตามกำหนด จึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่ง มิฉะนั้นแล้วเชื้อวัณโรคอาจตายไม่หมดและผู้ป่วยจะกลับมาป่วยเป็นวัณโรคอีกครั้งและเป็นวัณโรคดื้อยาได้ ความต่อเนื่องของการรักษา หากผู้ป่วยรักษาไม่ต่อเนื่องเชื้อวัณโรคจะไม่ตายจะทำให้ผู้ป่วยรายนั้นไม่หาย ดังนั้นการตรวจสอบความต่อเนื่องของการรักษาผู้ป่วยจึงเป็นสิ่งสำคัญ การรักษาวัณโรคภายใต้กำกับการรักษา (Directly Observed Treatment หรือ DOT) จึงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเข้มข้นของการรักษา และควรปฏิบัติ และควรแนะนำให้ผู้ป่วยใช้หน้ากากอนามัยหรือผ้าปิดปาก จมูก ขณะไอ จามโดยเฉพาะในช่วงที่ยังพบเชื้อในเสมหะ
คำแนะนำในการให้ยารักษาวัณโรคในขั้นพื้นฐาน
อาการข้างเคียงที่เกิดจากยารักษาวัณโรค
1. อาการข้างเคียงที่ไม่รุนแรง จากการใช้ยา เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ชาตามตามปลายมือเท้าผื่นคัน หากเป็นอาการดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไม่ควรหยุดยาเอง
2. อาการข้างเคียงที่รุนแรง เช่น ตามองไม่ชัด ตาบอดสี ตาเหลือง หูตึง เสียการทรงตัวเดินไม่ตรง เป็นลม อาการข้างเคียงลักษณะนี้ ควรหยุดยาทันทีแล้วรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
หมายเหตุ การใช้ยารักษาวัณโรคในผู้ป่วยที่มีโอกาสเกิดการแพ้ยาสูงได้ในกลุ่ม ผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยเคยมีประวัติตัวเหลือตาเหลือง ดังนั้นจึงควรติดตามอาการแพยาอย่างใกล้ชิด
ลักษณะงานวัณโรคในชุมชน
วัณโรคสามารถแพร่ระบาดในชุมชนได้ หากไม่มีการควบคุมป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพดังนั้นการค้นหาผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคในระยะเริ่มแรก และการดูแลผู้ป่วยกินยารักษาวัณโรค ติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน เป็นมาตรการ สำคัญในการควบคุมวัณโรคในชุมชน
ลักษณะงานวัณโรคในชุมชน สามารถดำเนินการในกิจกรรมเหล่านี้
การกินยาโดยมีผู้ดูและทุกวัน (DOT)
การกินยาโดยมีผู้ดูแลทุกวัน (DOT) คือ การมีเจ้าหน้าสุขภาพ หรือคนที่ได้รับมอบหมาย ยกเว้นสมาชิกในครอบครัว ให้ดูผู้ป่วยกินยาทุกเม็ด การกินยาโดยมีผู้ดูแลทุกวัน (DOT) เป็นวิธีเดียวในปัจจุบันที่แน่ใจว่าผู้ป่วยกินยาได้ครบถ้วนและถูกต้องผู้ป่วยเป็นคนเลือกผู้ดูแลการกินยาทุกวันและไว้ใจจะให้ดูแลจนรักษาหายขาด ผู้ดูแลการกินยาทุกวันจำเป็นต้องให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยว่า ผู้ดูแลการกินยาทุกวันจะเป็นผู้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือทุกอย่างแก่ผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกินยาครบกำหนดได้ การตั้งใจความรู้สึกต่างๆของผู้ป่วย รวมทั้งการให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยขณะรักษาวัณโรคเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะสนับสนุนให้ผู้ป่วยเอาชนะอุปสรรคต่างๆได้ ความรับผิดชอบของผู้ดูแลการกินยาทุกวันเป็นสิ่งจำเป็นมาก DOT 3 ขั้นตอน หยิบยาให้ผู้ป่วย ดูผู้ป่วยกินยา และบันทึก โดยผู้ดูแลการกินยาทุกวัน ซึ่งไมสามารถพลาดได้แม้แต่คนเดียว โดยต้องแจ้งอาการแพ้ยาวัณโรคให้ผู้ป่วยทราบก่อนทุกราย
บทบาทหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขในการสนับสนุนการดูแลรักษาวัณโรคในชุมชน
ผู้ดูแลการกินยาทุกวันให้แก่ผู้ป่วยวัณโรค ได้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุข หรือแกนนำชุมชน โดยสมาชิกครอบครัวของผู้ป่วยไม่สามารถเป็นดูแลการกินยาทุกวันได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยควรเยี่ยมบ้านผู้ป่วยทุกสัปดาห์ในช่วงระยะเข้มข้น (2 – 3 เดือนแรก) และทุกเดือนในช่วงระยะเวลาต่อเนื่อง (4 เดือนหลัง) หากการกินยาทุกวัน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่สถานีอนามัย การแนะนำและการให้คำปรึกษาการมีผู้ดูแลการกินยาทุกวันเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่สามารถพลาดได้เลยแม้แต่คนเดียว ควรจัดทำใบยินยอมซึ่งลงนามโดยผู้ป่วยให้มีผู้ดูแลการกินยาทุกวันนับว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เนื่องจากเป็นข้อตกลงที่ผู้ป่วยและผู้ดูแลการกินยาทุกวันมี่ความเข้าใจร่วมกัน ที่จะทำตามอย่างเคร่งครัด บทบาทหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขในการสนับสนุนการดูแลผู้ป่วยกินยาทุกวัน (DOT) ดังนี้
เป็นพี่เลี้ยงกำกับกินยา ดูแลให้ผู้ป่วยกินยา ต่อหน้า ทำเครื่องหมายในบัตรหรือสมุดกำกับการกินยาทุกครั้ง คอยดูแลให้ผู้ป่วยไปพบแพทย์ตามนัด
ปัจจัยที่มีผลต่อการแพร่กระจายเชื้อโรค
ผู้ป่วยวัณโรค คือ ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคของระบบทางเดินหายใจ มีอาการไอ จาม หรืออาการอื่นๆที่ทำให้เกิดการหายใจแรงๆ โดยไม่ปิดปากและจมูก การมีเชื้อในเสมหะ และผู้ป่วยมีแผลโพรงในปอด ซึ่งจะมีเชื้อจำนวนมาก นอกจากนี้ยังเกิดจากระบบบริการสาธารณสุขที่ให้การรักษาล่าช้า ให้ยารักษาไม่ถูกต้องหรือจากการให้ยากระตุ้นการไอ สิ่งแวดล้อม ได้แก่ สถานที่อยู่ทึบและคับแคบ การถ่ายเทอากาศไม่เหมาะสม
ไม่มีความเห็น