ผมไม่ปราถนาสิ่งใดจากท่าน ผมก้าวปั่นจักรยานมาพบท่านเพียงเพื่อบอกท่านว่า....
ผมมาเพียงเพื่อบอกกับท่าน (๕)
พบมิตรเอื้ออารี เพื่อนมนุษย์ผู้เป็นบุคคลธรรมดา
ก้าวปั่นจักรยานไปจนเย็นใกล้จะมืดค่ำ เพลินใจไปกับทิวทัศน์ที่อัศดงเคลื่อนคล้อยลอยเหนือน้ำ งดงามระยิบระยับด้วยแสงสีทองอร่ามเรืองรองพริ้วเป็นเกรียวละลอกคลื่นลื่นไหลน้อยใหญ่ยามต้องสายลมผิวแผ่วสาดซัดกระสั่นไหว....
ช่วงที่ปั่นจักรยานจะไปให้ถึงบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาิติน้ำพอง เป็นช่วงที่ได้ผ่านบ้านเรือนสื่อถึงความเป็นพื้นบ้านชนบททางอีสานได้หลายหลัง แต่มีอยู่บ้านหนึ่ง เขียนป้ายบอกที่ปากทางเข้าบ้าน ซึ่งเมื่อเชื่อมโยงสายตาจากหน้าบ้านไปสู่เรือนไม้ ทำให้พบกับมิติใหม่ที่ผมกำลังเดินทางมาหา ลักษณะของบ้านเป็นบ้านไม้เก่าถูกประดิษฐ์ติดรั้งตอกเติมให้เป็นที่พักอาศัยแบบพอเพียง รู้จักตัวเอง คำนี้ได้สื่อถึงความเป็นเอกบุคคลของผู้เป็นเจ้าของ แลไปแลมาสะดุดตาใจตรงทางเข้าบ้าน มีป้ายข้อความเขียนไว้ว่า บ้านพักแล้วแต่โอกาส.....
ผมยืนสำรวจพิจารณาไปมาอย่างถ้วนถี่ สอดส่องสายตาเคลื่อนไหวหาตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของพื้นที่นี้ แต่ก็เงียบงัน ไร้ร่องรอยการมีคนอยู่ในขณะนั้น
ในระหว่างที่กำลังจะตัดสินใจผ่านเลยไป เพราะไม่สามารถที่จะเข้าไปในบ้านหลังงามทางดวงใจก่อนได้รับอนุญาติได้ ผมได้ยินเสียงตะโกนมาจากภายในบ้านโฮมเสตรย์หลังนี้
'' เข้ามาก่อน.. ''
ภาษาการสื่อสารง่าย ๆ ไม่พิธีรีตรองอะไร แต่สำเนียงนั้นเคลื่อนไหวกึกก้อง ดังชัดเจนอยู่ภายในดวงใจผม
ง่ายดายตามคำเรียกร้อง ผมจอดรถจักรยานเดินตามเสียงผ่านต้นกล้วยที่ปลูกเป็นรั้วแทนอิฐหินปูนทราย แสดงถึงความไม่ยี่หระต่อขโมยโจรที่จะมาลักเล็กแย่งอาหารการกินอยู่ พื้นที่ถูกเปิดโล่ง สามารถเดินเข้าไปทางใดก็ได้ แต่การเข้าบ้านของผู้มาเยือนเช่นกระผมและของสุภาพชนโดยทั่วไป คือการได้รับอนุญาติเสียก่อนตามครรลองของการปกครอง...
บ้านพักแล้วแต่โอกาส ผมอ่านข้อความแล้วสะดุดใจในความแปลกแตกต่าง เมื่อมองสำรวจเข้าไปในบ้าน มีต้นกล้วยเจริญงอกงามอยู่ตลอดจนถึงตัวบ้าน ถัดจากดงต้นกล้วย เป็นบ่อน้ำที่เจ้าของบ้านขุดเจาะเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตร เป็นพื้นที่เหมาะเจาะลงตัวในการทำไร่นาสวนผสม มองผ่านไปสุดริมไร่ มีป้ายบอกแนวเกษตรพอเพียงตั้งตระหง่านอยู่ ผมไม่ลืมที่จะเก็บรายละเอียดของการมาเยือนด้วยภาพถ่ายลงกล้องของตัวเอง
..สวัสดีครับ ...
คำทักทายของมิตรผู้มาเยือนได้เดินทางนำไปสู่ชายวัยกลางคนผู้ยืนรอคอยต้อนรับ พร้อมพูดคุยแนะนำตัวกัน ไถ่ถามที่มาที่ไปกัน คำสื่อสารได้ขยายให้มิตรต่างแดนเชื่อมผสานกัน เป็นความงดงามของภาษาที่เรียบง่าย แบบธรรมดา แต่ถึงพร้อมด้วยดวงใจทั้งสองฝ่าย ประหนึ่งว่า เรานั้นมีใจดวงเดียวกัน
อารมณ์สภาวะของความการุณเกิดขึ้นภายในดวงใจของเราทั้งสองฝ่าย
อารมณ์เช่นนี้ คืออารมณ์ที่เป็นความสัมพันธ์ เป็นสัมพันธภาพภายในของความเป็นมนุษย์ เราเดินทางมาพบกัน อารมณ์เชื่อมโยงให้พบกับนิมิตรหมายที่ดี ร่วมกัน การพูดคุยจึงเป็นเรื่องดียวกัน แนวคิดเดียวกัน สอดประสานทำให้เกิดพลังจากการพูดคุยร่วมกัน
เป็นดั่งการสนทนาที่มีความเป็นสุนทรียในการสื่อสาร เพราะเราไร้ซึ้งความขัดแย้ง ไร้ซึ่งผลประโยชน์ ด้วยเราต่างสัมพันธ์กันด้วยอารมณ์ของความเป็นมิตร ความเป็นจริง แลต่างฝ่ายต่างไม่มีความปราถนาที่จะให้รับ หรือไม่รับ ในสิ่งที่ตนคิดกระทำ...
นั้นคือสุนทรียะ คืออารมณ์ของความงดงาม ในความเป็นมนุษย์
สอบถามชื่อได้ความว่า ท่านชื่อลุงสี นามสกุลสีไข ลุงสี สีไข เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านอยู่หมู่ที่ ๙ ตำบลเขื่อน อำเภออุบลรัตน์ ผมขออนุญาติลุงสีในการเผยแพร่ชื่อต่อสาฐารณชนทราบ ลุงสีไม่ขัดข้องต่อสิ่งที่ร้องขอบอกกล่าวเพื่อให้เกียรติกับมิตรผู้ต่างวัยบ้านต่างแดน...
ผมเดินทางมาจากจังหวัดพิษณุโลก เดินทางมาโดยรถยนต์ พาเด็กมาแข่งจักรยานในบ้านนี้ ผมเลยขอถือโอกาสนี้ ออกปั่นจักรยานเพื่อค้นหาคนอย่างลุงสี ผมมาเพื่อจะบอกลุงสีว่า ผมและพี่น้องจักรยานทั้งจังหวัดพิษณุโลก กับทั้งประเทศไทย ได้ทำโครงการบริจาคจักรยาน ผมนำความมาบอกลุงสีในครั้งนี้ เป็นการเริ่มต้นในครั้งที่ ๓ โครงการนี้ จะไม่ขออะไรจากลุงสีเลย ไม่ขอใช้เงิน และจะไม่รับเงิน ผมมาบอกลุงสีเพียงอย่างเดียวว่า ...
โครงการนี้ใช้ใจนำทาง
ลุงสีนั่งฟังคำบอกเล่าเรื่องราวโครงการบริจาคจักรยานที่กำลังก่อรูปก่อร่างขึ้น ใจเราเชื่อมสัมพันผสานเรียงร้อยสู่ดวงใจเดียวกัน การรับรู้เรื่องราวของมิตรผู้มาเยือน กับเพื่อนต่างวัยทั้งสองคน จึงอยู่ในบรรยากาศเกรียวคลื่นสายใยเดียวกัน....
ในครั้งที่สองที่ผ่านมา มีจักรยานมอบให้กับเด็กนับได้ร้อยกว่าคัน และยังมีเงินเหลือเป็นเงินกองทุนในครั้งที่สามนี้อีก
กระผมเดินทางมาหาคนอย่างลุงสีในวันนี้ ไม่ต้องการสิ่งอันใดจากลุงเลย แต่ผมมาขอนั่งเล่าเรื่องให้ลุงฟัง ว่ามีโครงการหนึ่ง ไม่ใช้เงินนำทาง ใช้ใจ ใช้ความเพียร ใช้ความรัก ใช้สัจจะในการทำงาน...
ลุงสีนั่งรับฟังพร้อมกับกล่าวชมเชยให้กำลังใจ ผมกล่าวต่อไปอีกว่า โครงการนี้ขอทำความดีให้กับแผ่นดิน ให้พระพ่อของแผ่นดิน ผมเหยียบย่างเข้ามาในบ้านของลุงสี สิ่งแรกที่ประทับใจอย่างยิ่งคือภาพของ พ่อหลวงของแผ่นดิน ที่ถูกอัญเชิญพระบรมสาธิตลักษณ์ประดิษฐ์ฐานอยู่บริเวณขื่อชายคาบ้าน ผมมองภาพพระพ่อของแผ่นดิน ลุงสีคงทราบถึงสิ่งในใจที่เราคิด พร้อมเสริมด้วยคำพูดเพื่อยืนยันศรัทธามั่นที่ลุงสีมี...
'' รักที่สุดคือในหลวง.....''
'' ที่หัวนอน ที่บ้าน ต้องมีรูปในหลวง...''
ภาษาชาวบ้านธรรมดาจากคำพูดของลุง ทำให้ผมถึงกับน้ำตาคลอด้วยปิติจากใจ
ภาษาเรียบง่าย บริสุทธิ์ของคำสื่อสารที่ออกมาจากใจลุงสี ด้วยสำเนียงความเป็นพื้นบ้านภาคอีสาน กลับทำให้ผู้มาเยือนเช่นผม ถึงกับปิติเบิกบานใจยิ่ง
'' สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ผมทำเอง คิดเอง ผมเป็นชาวนา ทำไร่้มาโดยตลอด...''
การพูดคุยยังคงดำเนินกันไปตลอดในขณะที่เจ้าบ้านพาเดินชมไร่นา
'' ผมเป็นคนเรียนน้อย ผมทำอยู่แบบพอเพียง...''
คำพูดของลุงสีท่านได้ถ่ายทอดออกมาด้วยการใช้ชีวิตตามแนวทางของพ่อหลวง เป็นภาษาเรียบงาม ง่าย ทำให้ผู้ฟังเช่นกระผมเกิดความประทับใจในการเดินทางมาเริ่มต้นทำความดีในครั้งนี้....
ความเหน็ดเหนื่อยเมื้อยล้าสลายไป เมื่อความสัมพันธ์ได้เพิ่มพูนภายในใจ
'' โลกมันกลม..เราเลยมาเจอกัน ''
'' เจอกันด้วยความดี ไม่ใช่ความชั่ว ความไม่ดีเจอกันไม่นานก็จืดจางไปแล้ว เดาใจถึงใจ เอาใจวัดกันดีกว่า ....''
คำ ๆ นี้ยังกึกก้องอยู่ในใจผมตลอดเวลา เจอกันด้วยความดี ไม่ใช่ความชั่ว ความไม่ดีเจอกันไม่นานก็จืดจาง นี่คือคำพูดของลุงสี ปราชญ์ชาวบ้านในใจผม
ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดเช่นนี้จะออกจากใจของชายชราชาวไร่ชาวนาเช่นลุงสี ผมไม่ลืมที่จะหยิบปากามาจดทุกถ้อยคำที่ลุงสื่อ แล้วนำมาถ่ายทอดให้ทุกท่านฟังอีกห้วงหนึ่งในครั้งนี้
ก่อนจากกันในเย็นย่ำค่ำวันนั้น ผมลาลุงสีโดยให้สัญญาว่า ถ้ามีโอกาสมาทางนี้ ผมจะแวะมาเยี่ยมลุงสีใหม่ และจะไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้ ผมขอเดินทางไปทำหน้าที่ของผมต่อไป ได้มาเล่าเรื่องให้ลุงสีฟัง ผมมีความสุขอย่างมากแล้ว
....ความสุขเป็นของท่าน ได้พูดแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว.....
ลุงสียังไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายหลักการคิดให้เกิดการทบทวน ให้พลังใจกันก่อนจากในวันนั้น เป็นจริงดั่งคำพูดของลุงสี ผมยิ้มกับตัวเองก่อนก้าวปั่นจักรยานออกมา
....ความสุขเป็นของท่าน ได้พูดแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว....
ผมมาบอกเล่าเรื่องราวให้กับลุงสี มาพบลุงสี ผมพบความสุขเช่นนี้แล้ว