นาทีเฉียดตาย ของ kaaomy


"พี่อ๋อย.. ออมขับรถตกเขา" เป็นประโยคแรกที่เราพูดหลังจากควานหาโทรศัพท์เจอ

วันที่ ๖ มีนาคมที่ผ่านมา.. เราได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน ขณะขับรถพาหลานๆกลับจากบ้าน "พี่เอ้" ที่ลพบุรี.. วันนั้น พี่เอ้ว่าจะไม่กลับมาด้วยแต่หลานๆอ้อนจึงกลับมาโคราชด้วยกัน ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีของเรา หรืออาจเป็นเพราะ เราจะต้องมาประสพเหตุด้วยกัน

ขณะนั้นเวลาก็ประมาณห้าโมงครึ่งเราขับรถมาถึงทางโค้งลง "เนินมอเตาถ่าน" เราชลอรถและเหยียบเบรก รู้สึกว่ารถปัดๆพิกล บังคับไม่อยู่ ในใจคิด.. ตูแย่แล้ว วินาทีนั้นได้หันไปบอกพี่เอ้ "ขอโทษนะเอารถไม่อยู่" และหลังจากนั้นก็ยกเท้าออกจากเบรก และพยายามบังคับรถ แต่ก็ไม่ไหวแล้ว รู้สึกแต่ว่ารถมันหมุนตีลังกา (ไม่รู้กี่ตลบ) ต่อมาได้ยินเสียงดังปังแล้วรถก็หยุดสนิท เราลืมตาขึ้นรีบมองหาหลาน เห็น "น้องเมธ น้องทาม" นั่งอยู่ และมองดูพี่เอ้เห็นพี่เอ้กำลังปลดเข็มขัดนิรภัย เราก็เลยปลดตามแล้วก็งงหัวห้อยอยู่หมุนตัวลงอีกที เห็นมีเลือดออกปากทาม ส่วนเมธไม่มีเลือด ได้ส่งทามออกทางหน้าต่างด้านที่กระจกแตก ตามด้วยเมธ และตัวเราส่วนพี่เอ้มัวหาโทรศัพท์อยู่พอออกมานอกรถ ผู้คนมาจากไหนไม่รู้เข้ามาถามอาการ และแจ้งมูลนิธิให้ แล้วช่วยพาพี่เอ้กับหลานทั้งสองคนไปรพ.ปากช่อง ส่วนเราก็มุดเข้าไปในรถอีกครั้งเพื่อหาโทรศัพท์ สงสัยจะหาอยู่นานพอดู เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯมาถามว่าหาอะไรและช่วยหา พอเจอโทรศัพท์เราจึงโทรหา "พี่อ๋อย"

เฮ้อ.. จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้รู้ว่านาทีเฉียดตายเป็นอย่างไร แล้วคนไทยก็ยังมีน้ำใจที่สุด ต้องขอขอบคุณพลเมืองดี ที่พาพี่เอ้และหลานๆส่งรพ. ขอบคุณมูลนิธิที่ให้ความช่วยเหลือ และที่ขาดไม่ได้คือขอบคุณพี่ระพีนี่แหละ พอเราได้ยินเสียงแล้วรู้สึกโล่งเหมือนว่าไม่ได้อยู่คนเดียว ตัวเราไม่เจ็บอะไรมาก แค่ฟกช้ำดำเขียวเล็กน้อย แต่มาตกม้าตายเพราะเมารถมูลนิธิ (ก็ขับซิ่งซะขนาดนั้น) ตอนเค้าพามา รพ.ปากช่องนี่แหละ เวียนหัวบ้านหมุนเกือบตาย เฮ้อ.. ชีวิต และสุดท้ายต้องขอขอบคุณพี่ๆน้องๆชาวรพ.สูงเนินทุกท่าน ที่เป็นห่วงขอบคุณจริงๆค่ะ

บันทึกข้างบน.. เป็นเรื่องเล่าของ Kaaomy (ออม)

เขียนไว้หลังเจออุบัติเหตุครั้งเดียวในชีวิต

(kunrapee ขอยกมาเล่าทั้งหมด)

วันนั้น kunrapee ไปอบรมที่ขอนแก่น.. แต่หนีกลับก่อน (Note book มีปัญหา เอามาให้น้องชายช่วยดูให้) ไม่ดีนะคะ ห้ามทำตามเด็ดขาด แต่ถ้าไม่กลับมาก่อนคง.. ช่วยอะไรออมไม่ได้ (เอาความดีใส่ตัวซะงั้น) เมื่อถึงบ้านจอดรถปุ๊บ ยังไม่ทันทำอะไร.. ได้รับโทรศัพท์จากออม "พี่อ๋อย ออมขับรถตกเขา" เราทั้งงง ทั้งตกใจ ถามว่ามีใครเป็นอะไรไหม แล้วเราก็ขับรถไปปากช่องทันที

แรกเห็น "เอ้-ออม-เมธ-ทาม" ก็รู้สึกโล่งอก เพราะทุกคนไม่เป็นอะไรมาก แต่ดูออมแย่กว่าใคร ไม่ใช่จากอุบัติเหตุแต่เป็นเพราะโรคเก่ากำเริบ.. เวียนหน้าบ้านหมุน ลืมตาไม่ได้ อาเจียนตลอด.. เราให้น้องเมธ น้องทามขึ้นรถกลับบ้านพร้อมแดง (พ่อของน้องทาม) พ่อกะแม่ออมยังมาไม่ถึง ก็เลยโทรบอกให้รออยู่ที่สีคิ้วไม่ต้องมา ส่วนเอ้+ออมนั่งรถมากับ kunrapee เราแวะรพ.กรุงเทพ เพื่อขอฉีด Dimen แล้วกลับมา Admit ที่รพ.สูงเนิน

หลังจากนั้น "ออม" ก็ได้ Sport Rider มาขับแทนคันเก่า

พาพวกเราไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆมากมาย

แต่ก็ต้องขอขอบคุณเหตุการณ์ครั้งนั้น

เพราะทำให้พวกเรามีสติในการขับรถมากขึ้น


คำสำคัญ (Tags): #วิกฤติ#เฉียดตาย
หมายเลขบันทึก: 481616เขียนเมื่อ 11 มีนาคม 2012 08:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 สิงหาคม 2013 21:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

ทราบข่าวจากอ๋อย ยังตกใจเลย

ไม่เป็นไรมาก ก็ดีแล้วหละ

แต่ดูสภาพรถ แล้วน่ากลัวมาก แขวนพระอะไรจ๊ะออม

เคยเจอเหมือนกันค่ะแต่ไม่น่ากลัวแบบนี้ รถยังซ่อมกลับมาใช้ได้

อย่างน้อยก็มีคนให้โทรหานะคะ

เพราะตอนนั้น เราจะตกใจทำอะไรไม่ถูก คิดถึงใครได้ก็โทรหาทันที

แต่ก็คิดว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเหมือนกันค่ะ

ทำให้ขับรถช้าลง

สภาพรถน่ากลัวมากเลยครับ บุญรักษาครับ

"kruangle" เรื่องพระนี่.. คงต้องถามกันเองนะคะ

"tuktun" ประสบการณ์.. ช่วยเปลี่ยนพฤติกรรมจ้า

"ดร.ธวัชชัย" ขอบคุณมากค่ะ บุญรักษาเช่นกัน

อะไรจะเกิด มันต้องเกิดค่ะ ฉะนั้นเราต้องมีสติกับทุกการกระทำ.. แต่ตัวเองก็ยังทำไม่ได้ เวลามีอะไรแว๊บเข้ามา.. สติเตลิดทู๊กที

วินาทีนั้น ยังทำให้เรารู้สึกทุกครั้งที่ขับรถเข้าทางโค้งโดยเฉพาะช่วงฝนตก งานนี้รถรับเคราะห์แทนไปเต็มๆประกันไม่รับซ่อม คืนทุนประกันให้เลย นึกถึงทีไร ก็อดโทษตัวเองไม่ได้ทุกที วันนั้นต้องขอบคุณพี่ระพีมากๆแค่ได้ยินเสียงก็ทำให้อุ่นใจมากๆ

อ่านบันทึกของออม.. ฟังออมพูดเล่าเรื่องทุกครั้ง

ทำให้คุณพี่รู้สึกดี..

เป็นคนดี-มีประโยชน์กับเค้าเหมือนกันแฮะ


 

อยากทราบว่าทุกคนรัดเข็มขัดนิรภัยใช่ไหมคะ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปลอดภัย เราน่าจะเน้นจุดนี้ด้วยไหมคะ เพราะสังเกตบ้านเรายังไม่เข้มงวดกับคนนั่งเบาะหลัง เวลาขับรถทางไกลก็ควรรัดเข็มขัดด้วย มีข่าวที่น่าสลดใจว่า เด็กไทยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ออสเตรเลีย ประสบอุบัติเหตุแบบนี้แล้วเสียชีวิตเพราะนั่งเบาะหลังแล้วไม่ได้คาดเข็มขัด (เพราะชินกับบ้านเราและคนออสซี่เองไม่ทันคิดเตือน เพราะเขาใส่จนติดเป็นนิสัยอยู่แล้ว จนไม่คิดว่าเราจะไม่รัดเข็มขัดเวลานั่งรถ ไม่ว่าจะนั่งตรงไหน)

ขอบคุณมากๆนะคะที่เอามาเผื่อแผ่เป็นอุทธาหรณ์ ขอให้บุญรักษาตลอดไปนะคะ

ขอบคุณ "คุณโอ๋" ที่ให้ข้อคิดค่ะ

ส่วนใหญ่.. เราๆยังไม่เห็นความสำคัญ.. ของการคาดเข็มขัดนิรภัย เมื่อนั่งเบาะหลัง.. ต่อไปคงต้องฝึก.. ให้ทำให้เป็นนิสัย ไม่ว่าจะนั่งตำแหน่งไหน

 

เป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าเป็นห่วง   บุญรักษานะครับ

ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะคุณ "small man"

หวังว่า.. จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายค่ะ

กับนาทีเฉียดตาย.. แบบนี้..

.. ประสบการณ์.. เปลี่ยนพฤติกรรมค่ะ

 

บุญรักษาทำให้ผ่านมาด้วยดี

ขอบคุณนะคะที่ไปให้กำลังใจ

คงขับไม่เร็วมากด้วยใช่ไหมคะ

บุญรักษาจริง ๆ ค่ะ

(แอบเห็นหมอซิม...ประตูด้านหลังซ้ายของ Sport Rider ด้วย  ใช่ไหมคะ)

คุณ "tamtam1" ขอบคุณเช่นกันค่ะ ที่แวะเข้ามาอ่านบันทึกนี้

"คุณหมอธิรัมภา" ขับไม่เร็วมากค่ะ เพราะเป็นช่วงทางโค้..

รู้จักกับ "หมอซิม" ด้วยเหรอคะ แล้วจะเล่าให้หมอซิมฟังค่ะว่า คุณหมอแวะมาทักทาย

 

บุญรักษาครับ

จะเรียกกรรมหรือความซวยก็น่าจะได้

ผมเจอเมื่อสองปีที่แล้ว รถพังไปทั้งคัน ซ่อมไม่ได้

รุ่นน้องบอกว่าถ้าพี่ไม่ได้รักษาศิลแปด

ไม่ตายก็บาดเจ็บสาหัส

ศิลรักษาพี่ค่ะ

คุณ "คนบ้านไกล" ถือว่าโชคดีมากๆเช่นกันค่ะ

จากสภาพรถ หลายคนก็บอกว่า.. ไม่น่ารอด..

ทุกคนแค่ฟกช้ำ-ดำเขียว คนละเล็กน้อยเท่านั้น


 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท